บทที่ 89 ปีศาจแมว
เผยจี้อันหน้าเปลี่ยนสีทันตา มองไปทางกู้หมิงเค่ออย่างไม่อาจเชื่อ กู้หมิงเค่อยังคงส่งยิ้มมาให้ ในดวงตาลุ่มลึกเย็นเยียบ พลังกดดันเปี่ยมล้น “ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเรียกข้าเป็นพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะอดกลั้นต่อเจ้าเรื่อยไป จงทำตามหน้าที่ของเจ้าเองให้ดี อย่าได้ล้ำเส้น”
เสียงดนตรีฉลองที่เบื้องนอกกังวานขึ้นตามลำดับ ขบวนบ่าวสาวเข้ามาในจวนแล้ว กู้หมิงเค่อเดินเลยเผยจี้อัน มุ่งสู่โถงหน้าไปด้วยย่างก้าวอันแช่มช้า
เผยจี้อันอึ้งงันอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ต้องหันไปเพ่งมองเงาหลังที่เคลื่อนไปไกลของกู้หมิงเค่อนานสองนาน แววตาเริ่มเข้มขรึม กรามล่างเกร็งแน่น
เขา…ใช่ญาติผู้พี่ของข้าจริงๆ น่ะหรือ
หลังบ่าวสาวคำนับศาลบรรพกษัตริย์ อำลาฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วในวังหลวงจื่อเวยเสร็จสิ้น เฉวียนต๋าขี่ม้านำหน้าสุด พาขบวนเกียรติยศขององค์หญิงวนรอบเมืองครึ่งรอบแล้ววกสู่จวนองค์หญิงอี้อัน ภายในจวนคับคั่งด้วยแขกเหรื่อแต่แรก ท่ามกลางหมู่มวลสีแดงอันพร่าตานั้นเฉวียนต๋าทำพิธีไหว้ฟ้าดินอย่างมึนงง รับคำอวยพรจากผู้คนอย่างมึนงง และถูกผู้คนหยอกล้อส่งเข้ากระโจมชิงหลู ไปอย่างมึนงง
หลี่เจาเกอยืนชมพิธีการในโถงพิธี แท้ที่จริงในหัวยังคงคิดเรื่องคดีอยู่ รอจนบ่าวสาวเสร็จพิธีไหว้ฟ้าดิน ผู้คนแห่แหนไปยังกระโจมชิงหลู นางจึงฝืนใจตามไป คิดว่าไปโผล่หน้าในกระโจมชิงหลูสักแวบหนึ่งก็จะกลับ
กระโจมชิงหลูคือห้องหอที่สร้างขึ้นสำหรับบ่าวสาวโดยเฉพาะ ทั้งคู่จะต้องใช้เวลาคืนแรกกันที่นี่ วันรุ่งขึ้นจึงจะย้ายเข้าห้องนอนของสามีภรรยาได้ ในกระโจมชิงหลูถูกตกแต่งให้มีบรรยากาศอันเป็นมงคล ขณะนี้เหล่านางข้าหลวงถือพัดกลมบดบังดวงหน้ากับเรือนร่างของหลี่เจินไว้ เฉวียนต๋านำเพื่อนเจ้าบ่าวมายืนอยู่นอกกลุ่มพัด ร่ายกลอนเปิดพัด ไปบทแล้วบทเล่า ส่วนแขกเหรื่อล้อมอยู่สองฟากคอยเอ่ยกระเซ้าเย้าหยอกไม่หยุด
โคลงกลอนเป็นที่นิยมแพร่หลายในต้าถัง แม้แต่เด็กน้อยข้างทางก็ท่องกลอนห้า ได้สองวรรคโดยไม่ต้องหยุดคิด การสอบเคอจวี่ต้องแต่งกลอน เป็นขุนนางต้องแต่งกลอน ในงานเลี้ยงต้องแต่งกลอน แม้กระทั่งแต่งภรรยาก็ต้องแต่งกลอน
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวนับแต่ก้าวพ้นประตูบ้านก็จะถูกกลั่นแกล้งไม่หยุดหย่อน ไปรับเจ้าสาวจะต้องผ่านบททดสอบโหดจากลุงป้าน้าอาของฝ่ายหญิง ระหว่างทางถูกผู้คนบนถนนกั้นทางขวางรถ* ต่อให้กลับเข้ามาในบ้านตนเองแล้วก็ยังต้องแต่งกลอนเปิดพัดต่อหน้าแขกเหรื่อ หากกลอนที่แต่งไม่อาจทำให้ญาติฝ่ายหญิงกับแขกเหรื่อพึงพอใจก็จะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาวเป็นอันขาด
ด้วยเหตุนี้จ้วงหยวนของทุกปีจึงเป็นตัวเลือกเพื่อนเจ้าบ่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุด บททดสอบทั้งวันเช่นนี้หากไม่มีความรู้ติดตัวอยู่บ้างก็รับไม่ไหวจริงๆ เฉวียนต๋าไม่ไหวแต่แรก ตอนนี้จึงอาศัยจิ้นซื่อที่เชิญมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวช่วยแต่งกลอนร่ายบทกวี กู้หมิงเค่อมองดูอยู่ด้านข้าง คิดในใจว่ามนุษย์แต่งงานช่างยุ่งยากโดยแท้
เขายังไม่ทันคิดจบ หลี่ฉังเล่อที่อยู่ด้านข้างก็งึมงำขึ้นมาพอดี “แต่งงานยุ่งยากยิ่งนัก ไหว้ฟ้าดินกันแล้วก็ยังไม่อาจพบหน้า”
จบคำหลี่ฉังเล่อค่อยตระหนักได้ว่าตนเองพลั้งหลุดปากจึงรีบป้องปากทันที ทว่าคนรอบข้างล้วนได้ยินจนสิ้น องค์หญิงท่านหญิงหลายคนที่แต่งงานแล้วต่างหัวเราะร่วน ตงหยางจ่างกงจู่สัพยอกว่า “พี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ จะกลัดกลุ้มก็ช่างเถิด ก่วงหนิงเจ้าต้องกังวลอันใด คุณชายเผยขึ้นชื่อว่าเป็นคุณชายหน้าหยกแห่งราชธานีตะวันออก เพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ ความสามารถเปี่ยมล้น ยังจะกลัวแต่งกลอนเปิดพัดไม่กี่บทไม่ได้หรือ”
เผยจี้อันยืนอยู่ไม่ไกลนี่เอง สายตาของเหล่าสตรีจึงตระเวนไปมาบนร่างหนุ่มสาวทั้งสองแล้วหัวเราะพร้อมเพรียงอย่างรู้ใจกัน นี่ทำให้หลี่ฉังเล่อแก้มแดงก่ำ ขวยเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องใบหน้าไว้ไม่ยอมเผยโฉม เหล่าสตรีเห็นเช่นนี้ยิ่งหัวเราะเบิกบานกว่าเดิม
เห็นเผยจี้อันยืนอยู่ท่ามกลางสายตาหยอกเย้าจากรอบทิศได้อย่างหนักแน่น ผู้คนต่างลอบชมว่าเขาทระนงสมเป็นทายาทตระกูลขุนนางใหญ่ ทั้งที่ความจริงเขาไม่เคอะเขินใดๆ เลย ไม่รู้สึกว่าน่าหัวเราะ กำลังข่มทนความอึดอัดอยู่ด้วยซ้ำ
ขณะเสียงหัวเราะหยอกล้อดังไปทั่ว เผยจี้อันลอบมองไปทางหลี่เจาเกอ วันนี้นางสวมชุดหรูฉวินสีแดง ทับด้วยเสื้อนอกสีเงินปักลายสีน้ำหมึก ยืนอยู่ในฝูงชนอันพลุกพล่าน แลประดุจคนงามเดียวดาย โดดเด่นออกมาในพริบตา ผู้คนเย้าแหย่หลี่ฉังเล่อกลับไม่มีใครกล้าพูดล้อเล่นกับหลี่เจาเกอ ทั้งที่เห็นชัดว่านางอยู่ในวัยออกเรือนมากกว่าน้องสาว
ทุกหนแห่งในกระโจมชิงหลูมีแต่เสียงสรวลเสเฮฮา ผู้คนสนุกสนานกับการก่อกวนห้องหออย่างเต็มที่ หลี่เจาเกอกลับรู้สึกว่าวุ่นวาย คนเหล่านี้รู้จักจบจักสิ้นบ้างหรือไม่ ยังจะต้องแต่งกลอนอีกกี่บทกันแน่ นางรีบจะกลับไปทำคดีนะ
ในที่สุดสี่เหนียง ก็พึงพอใจ เอ่ยหน้าชื่นว่า “เห็นแก่ความจริงใจของราชบุตรเขย การทดสอบเชิงบุ๋นนับว่าผ่านแล้ว…”
หลี่เจาเกอพรูลมหายใจหมุนตัวออกเดินทันทีที่ได้ยิน ท่าทางของนางเด็ดขาดเหลือเกิน กู้หมิงเค่อที่ยืนอยู่อีกด้านถูกนางดึงดูดสายตาโดยไม่รู้ตัว รอจนตั้งตัวได้ก็รู้สึกทั้งคาดไม่ถึงทั้งขบขัน
เกาจื่อฮั่นตกใจรีบดึงหลี่เจาเกอไว้ “เซิ่งหยวน เจ้าทำอะไรน่ะ”
หลี่เจาเกอที่ถูกรั้งก็งุนงงมากเช่นกัน “จบแล้วไม่ใช่หรือ”
“ยังเสียหน่อย” เห็นหลายคนมองมาทางพวกนาง เกาจื่อฮั่นก็แสนกระอักกระอ่วน ตอบเสียงเบาว่า “แค่จบการทดสอบเชิงบุ๋น ยังมีการทดสอบเชิงบู๊อีกนะ”