บทนำ ชาติก่อนและชาตินี้
‘ปัง!’ เสียงลั่นไกพลันดังขึ้น อวิ๋นเชียนเมิ่งถลาไปอยู่หน้าเพื่อนร่วมงานแล้วล้มลงกับพื้นไปตามเสียงนั้น…
เมฆหมอกลอยตลบอบอวลตรงหน้า คล้ายความฝันแต่ก็มิใช่ความฝัน ทว่าภาพเหตุการณ์ช่วงหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ปรากฏขึ้นในสมองของอวิ๋นเชียนเมิ่ง…
“ท่านอ๋อง…ท่านอ๋อง…ขอร้องท่าน…อย่าถอนหมั้นเลยนะเจ้าคะ! ขอร้องท่าน…” ภายในตำหนักจินหลวนอันวิจิตรตระการตาสะท้อนเสียงวิงวอนอันขมขื่นแผ่วเบาของเด็กสาวอยู่เนิ่นนาน
ทว่าท่าทางน่าสงสารของเด็กสาวมิได้นำพาให้ทุกคนเกิดความเวทนา เหล่าข้าราชบริพารกำลังปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเจ้านายตนเองอย่างแข็งขัน แต่เจ้านายหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์กลับมองไปยังบุรุษซึ่งถูกเด็กสาวอ้อนวอนอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
“เฉินอ๋อง เจ้าดู…” ฮ่องเต้อวี้เฉียนตี้ซึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรกวาดพระเนตรมองอัครเสนาบดีอวิ๋นแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปทางเฉินอ๋องซึ่งยืนอยู่กลางท้องพระโรงด้วยความลำบากพระทัยเล็กน้อย
เด็กสาวเห็นฮ่องเต้อวี้เฉียนตี้ทรงมีพระพักตร์หนักพระทัย ในดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาฉายประกายเศษเสี้ยวความหวัง ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นมองไปยังเฉินอ๋องซึ่งอยู่ข้างๆ ตนด้วยแววเว้าวอนยิ่งกว่าเดิม หวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“กระหม่อมตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ขอฝ่าบาททรงช่วยให้สมปรารถนาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นคำปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยของเฉินอ๋อง
“ไม่เอานะ…ไม่เอา…” เด็กสาวทนรับคำปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินอ๋องไม่ไหว นางส่ายศีรษะไปมา หยาดน้ำในดวงตาไหลพรากมากกว่าเดิม กลีบปากอ่อนนุ่มสั่นเทาน้อยๆ เนื่องจากได้รับความสะเทือนใจมากเกินไป ทว่าสีหน้าเย็นชาโหดเหี้ยมของเฉินอ๋องกลับทำให้เด็กสาวทัดทานอย่างรุนแรงในใจแต่มิกล้าแสดงออกมาให้ประจักษ์ นางทำได้เพียงอึ้งงันพูดพึมพำกับตนเอง
อีกทั้งภายในท้องพระโรง ทุกคนยิ่งกลั้นลมหายใจเพราะคำตอบของเฉินอ๋อง
เด็กสาวสีหน้าซีดขาวราวกับหิมะ นัยน์ตาเว้าวอนกวาดมองไปรอบๆ ท้องพระโรงอีกครา จากนั้นกัดริมปากล่างของตนโดยพลันแล้วคุกเข่าให้เฉินอ๋องที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านอ๋อง…เมิ่งเอ๋อร์ขอร้องท่าน…อย่าถอนหมั้นเด็ดขาดนะเจ้าคะ…ขอร้องท่าน…” ริมฝีปากบางยังคงเอ่ยวิงวอนด้วยเสียงขาดๆ หายๆ เด็กสาวไม่สนใจสายตาชิงชังของทุกคน โขกศีรษะให้เฉินอ๋องอย่างรุนแรง
เสียงสูดหายใจเบาๆ พลันดังขึ้น สายตาดูหมิ่นพุ่งไปยังเด็กสาวที่กำลังโขกศีรษะไม่หยุดผู้นั้นในทันใด
ครั้นรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คน อีกทั้งเสียงโขกศีรษะที่ข้างหูซึ่งดังขึ้นไม่หยุด ทำให้เฉินอ๋องที่เดิมทีทอดสายตามองออกไปแสนไกลพลันขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ก้มลงมองเด็กสาวข้างๆ ตนด้วยสายตาเจือความเกลียดชัง เมื่อเห็นท่าทางขี้ขลาดอ่อนแอและร้องไห้สะอึกสะอื้นของนาง สีหน้าเขาก็ยิ่งมืดทะมึน เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นกว่าเดิม “ข้าไม่มีทางรับสตรีขี้ขลาดปวกเปียกอย่างเจ้าเป็นชายาเด็ดขาด!”
สิ้นคำเฉินอ๋องก็เบนสายตาไปจากร่างบางตรงหน้า ไม่เอ่ยวาจาใดอีก
ได้ยินคำตอบตัดรอนเช่นนี้ สองไหล่ของเด็กสาวก็พลันลู่ลง ดวงตาฉายแววสิ้นหวัง ริมฝีปากล่างที่ถูกฟันกัดแน่นมีโลหิตไหลซึมออกมามากกว่าเดิม
ถูกเฉินอ๋องถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ถึงแม้อวิ๋นเชียนเมิ่งจะเป็นคุณหนูสกุลใหญ่ แต่เกรงว่าการที่ชาตินี้นางจะได้แต่งให้ผู้อื่นนั้นคงกลายเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ไปเสียแล้ว อีกทั้งยามนี้สายตารังเกียจของทุกคนยิ่งทิ่มแทงตรงมาที่อวิ๋นเชียนเมิ่ง ทำให้นางหัวเราะร่าขึ้นมาคล้ายกับเสียสติไปชั่วขณะ
“เฮอะๆ…เฮอะๆ…” หยดน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มไม่สิ้นสุด ร่างของเด็กสาวที่ฟุบหมอบอยู่กับพื้นสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง หัวเราะเสียงดังลั่นราวกับคลุ้มคลั่งก็มิปาน
อวิ๋นเชียนเมิ่งค่อยๆ เงยดวงหน้างามพิสุทธิ์ขึ้น พิศมองเฉินอ๋องซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลอีกครั้ง
“ท่านอ๋องไม่ต้องการข้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะมีหน้าอยู่ต่อไปอย่างไรได้” อวิ๋นเชียนเมิ่งพูดพึมพำกับตนเอง พร้อมหยัดกายยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ทว่าสายตายังคงไม่หันเหออกจากร่างของเฉินอ๋อง
ท่าทางราวกับจวนเจียนหัวใจสลายนี้ช่างชวนให้น่าเวทนายิ่งนัก ทว่าดวงหน้าเศร้าสร้อยของนางกลับมิได้รับสายตาเวทนาจากเฉินอ๋องแม้เพียงน้อยนิด
ดวงตาที่พร่าเลือนของอวิ๋นเชียนเมิ่งค่อยๆ หันเหไปยังเสามังกรสีแดงภายในท้องพระโรง ก่อนที่นัยน์ตาจะปรากฏแววเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ออกมาอย่างชัดเจนยิ่ง
“เร็วเข้า! รีบขวางนางไว้!” ฮ่องเต้อวี้เฉียนตี้ซึ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของอวิ๋นเชียนเมิ่งร้องตะโกนขึ้นทันที ทุกคนพลันตื่นตระหนก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
‘ตึง!’ เสียงกระแทกดังก้องตำหนักจินหลวนอันงามวิจิตรโอ่อ่าในทันใด…