บทที่ 135
เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างวัดหงฝูกับภูเขาที่อยู่ทางด้านหลังถูกโจวจี๋กับทหารองครักษ์จวนจ่างกงจู่ล้อมไว้หมดสิ้น ไม่มีใครสามารถเข้าไปทำลายบรรยากาศการเที่ยวชมทัศนียภาพของจ่างกงจู่กับราชบุตรเขยได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พอเฉินจิ้งจงเสนอให้หวาหยางถอดเสื้อคลุมแขนยาวสีเขียวปักลายดอกโบตั๋น รวมถึงกระโปรงยาวรุ่มร่ามสีหยกอ่อนบนร่างออก สวมเพียงเสื้อรัดอกแขนสั้นสีพื้นกับกางเกงไหมสีขาวเนื้อบาง หวาหยางก็ปั้นหน้าบึ้งตึงเอ่ยปากปฏิเสธทันควัน
เฉินจิ้งจงเอ่ยว่า “หากองค์หญิงไม่ถอด ลงน้ำย่อมต้องตลบม้วนแขนเสื้อชายกระโปรง ถึงตอนนั้นเสื้อผ้าอาภรณ์ตัวนอกย่อมเกิดรอยยับ หากถูกภิกษุในวัดกับชาวบ้านที่มาจุดธูปกราบไหว้พบเห็นเข้า พวกเขาคงไม่แคล้วต้องคิดว่าองค์หญิงกับข้ารวมหัวกันทำเรื่องดูแคลนพระพุทธองค์กันอยู่ที่หลังเขาเป็นแน่”
“ข้าไม่คิดจะลงน้ำแต่แรกแล้ว ท่านอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวเถอะ”
เฉินจิ้งจงมองดูใบหน้าหยิ่งทะนงของอีกฝ่าย ในใจคิดว่าท่านแม่บอกว่าเขาดื้อรั้นหัวแข็ง แต่เทียบกับปากของนางแล้ว กระดูกของเขายังนับว่าอ่อนนัก
นางไม่ถอด เฉินจิ้งจงกลับถอดเสื้อนอกของตนเองออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแผ่นหลังกำยำล่ำสันก่อนจะค้อมเอวม้วนขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
ใบหน้ากับลำคอของเขาล้วนตากแดดจนดำ ทว่าหลังไหล่ของเขากลับขาวสล้างดุจหยก
จู่ๆ เฉินจิ้งจงก็หันหน้ามา หวาหยางจึงเบนสายตาหนีไปทางอื่น
เฉินจิ้งจงยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินไปที่ริมฝั่ง ย่างเท้าเข้าไปในลำธาร
หวาหยางมองกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าน้ำในลำธารสูงเพียงตาตุ่มของเขาเท่านั้น
เฉินจิ้งจงไล่จับปลาอยู่ในลำธาร ครั้นเห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนก้อนหินยกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้นบังแสงอาทิตย์ เขาก็พูดขึ้น “ใช้เสื้อนอกของข้าบังแดดก็ได้”
หวาหยางคลี่เสื้อนอกของเขาที่วางอยู่อีกด้านออกแล้วคลุมลงบนศีรษะ
เฉินจิ้งจงเดินวนเวียนอยู่ในน้ำต่อ ทุกครั้งที่หันหน้าไปทางหวาหยาง เขาก็จะเห็นนางผินหน้าไปทางอื่น คล้ายแผ่นอกของเขาน่าเกลียดน่าชังยิ่งก็ไม่ปาน
หวาหยางไม่มองเฉินจิ้งจงก็ย่อมไม่อาจรู้ชัดว่าเขากำลังทำอะไร ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเขาตะโกนว่า “ฝนตกแล้ว”
ขณะที่นางกำลังจะเงยหน้ามองท้องฟ้า จู่ๆ ก็มีคนวักน้ำสาดเข้ามา นอกจากเหนือศีรษะที่มีเสื้อนอกของเฉินจิ้งจงบังขวางอยู่แล้ว เสื้อคลุมแขนยาว ชายกระโปรงล้วนเปียกเป็นวงใหญ่
หวาหยางโมโหถลึงตาใส่บุรุษที่อยู่ในลำธาร
เฉินจิ้งจงกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างก้อนหินอีกก้อนที่อยู่กลางลำธาร นั่งหันหลังให้หวาหยาง ก้มหน้าเล่นทรายละเอียดที่อยู่ในน้ำ
เพราะตะโกนด่าทอไม่เป็น หวาหยางจึงได้แต่เก็บความรู้สึกเดือดดาลไว้ในใจ นางมองดูเสื้อผ้าเปียกปอนบนร่าง มองดูบรรยากาศเงียบสงบรอบๆ อีกคราว สุดท้ายก็ตัดสินใจถอดอาภรณ์งดงามล้ำค่ารุ่มร่ามบนตัวออก บรรจงวางมันลงบนก้อนหินอุ่นร้อนเรียบลื่น
หลังถอดถุงเท้ารองเท้าม้วนขากางเกงขึ้นเป็นที่เรียบร้อย นางก็เดินเท้าเปล่าลงไปในลำธาร ตรงไปทางด้านหลังของเฉินจิ้งจง จากนั้นสองมือก็กอบน้ำราดใส่แผ่นหลังกว้างสะท้อนแสงอาทิตย์ของเขา
เพราะเฉินจิ้งจงกำลังค้อมเอวก้มหน้า น้ำส่วนหนึ่งจึงไหลจากแผ่นหลังของเขาไปที่หัวไหล่ ก่อนจะร่วงไหลกลับลงไปในลำธารไม่ต่างอะไรกับน้ำตก
เฉินจิ้งจงหันมองกลับไป ร่างกายยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม
น้ำในลำธารใสกระจ่างประหนึ่งกระจก ส่องสะท้อนอาภรณ์ตัวในสีพื้นของหญิงสาวรวมถึงผิวพรรณขาวสล้างดั่งหิมะนั่น
ในที่สุดเขาก็หันกลับมา กุมสองมือเปียกน้ำของหวาหยางไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองไป
ริมฝีปากสีชมพูของนางเม้มเข้าหากันแน่น นัยน์ตาหงส์สุกสว่างถลึงใส่เขาด้วยความเดือดดาล