เพราะเรื่องราวหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เกิดขึ้นทุกวันไม่มีหยุดหย่อน หวาหยางจึงยิ่งเห็นเฉินจิ้งจงขัดหูขัดตามากขึ้นทุกที
เฉินจิ้งจงรู้ดีแก่ใจ ทว่าเขาเองก็มีศักดิ์ศรีของตนเองเช่นกัน ดังนั้นคืนค่ำฉันสามีภรรยาระหว่างเขากับนางจึงมีแต่ลดน้อยถอยลง
หวาหยางรู้สึกผิดหวัง นอกจากอีกฝ่ายจะไม่รู้จักใส่ใจนางแล้ว เรี่ยวแรงของเฉินจิ้งจงก็ไม่ต่างอะไรกับวัวที่บ้าคลั่ง ยากเกินกว่าที่นางจะทนรับไหว ทุกครั้งที่นอนค้างอ้างแรมด้วยกัน นางล้วนกรีดร้องจนคอแทบแตก
เป็นสามีภรรยากันมาสี่ปี นางเองก็ชิงชังเขาสี่ปีเช่นกัน
จนกระทั่งเฉินจิ้งจงเสียชีวิตในสนามรบ
บุรุษรูปร่างกำยำที่มักกลับบ้านมาพร้อมเหงื่อเต็มตัวตลอดเวลาผู้นั้นลงไปนอนหลับสนิทอยู่ใต้พื้นพิภพ ไม่มาปรากฏตัวต่อหน้านางอีก
ผู้ตายเป็นใหญ่หลังเฉินจิ้งจงเสียชีวิต หวาหยางก็เลิกถือสากับนิสัยเลวร้ายของอีกฝ่าย ในสมองเหลือก็แต่เรื่องดีๆ ของเขา
อย่างเช่นเขาที่แบกนางเดินอย่างมั่นคงอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โถมกระหน่ำ
อย่างเช่นแผ่นอกอันอบอุ่นของเขาในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ
“เป็นอะไรไป ผานผาน เจ้าใจลอยอยู่หรือ”
น้ำเสียงหยอกกระเซ้าดังลอยเข้าหู หวาหยางกลับมาได้สติอีกครั้ง แล้วจึงสังเกตเห็นว่าองครักษ์ทั้งสองต่อสู้ประลองกำลังกันจบแล้ว ตอนนี้กำลังคุกเข่ารอนางตกรางวัลอยู่ข้างนอก
หวาหยางไหนเลยจะยอมให้ท่านอาหญิงที่ชอบประพฤติตนเหลวไหลของนางผู้นี้กระเซ้า นางจีบปากน้อยๆ พูดคล้ายยังไม่หนำใจ “ข้าก็แค่รู้สึกว่าฝีมือของพวกเขาธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจนักเท่านั้นเอง จึงใจลอยเผลอคิดถึงเรื่องอื่น”
อันเล่อต้าจ่างกงจู่ ส่งสายตาให้พวกนางกำนัล
นางกำนัลคนหนึ่งเดินออกไปตกรางวัลให้กับองครักษ์ทั้งสอง ก่อนจะบอกให้พวกเขาถอยออกไป
หลังจากองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกจากไป อันเล่อต้าจ่างกงจู่ก็ได้เอ่ยปากกระเซ้าหวาหยางขึ้นมาอีก “พวกเขาเป็นองครักษ์อันดับหนึ่งอันดับสองในจวนข้า แต่เจ้ากลับบอกว่าฝีมือของพวกเขาธรรมดา แต่ก็อย่างว่า ผานผานของพวกเราเคยมีสามีที่เก่งกาจการศึกเช่นนั้น สายตาหากจะสูงส่งบ้างก็ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา”
หวาหยางยังคงวางท่าเอ้อระเหยไม่อินังขังขอบ ดูเหมือนว่านางไม่แยแสคำพูดของคนภายนอกที่พูดถึงสามีผู้ล่วงลับของตนเอง
อันเล่อต้าจ่างกงจู่จุปาก “ตายจริง ผานผานของพวกเราปลงได้แล้วอย่างนั้นหรือ”
“คนก็ตายไปตั้งสามปีแล้ว ยังจะจดจำเขาเพื่อการใด”
“บุรุษเสียภรรยา บางคนก็แต่งงานใหม่ภายในสามเดือน เจ้าเป็นถึงพี่สาวแท้ๆ ของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน ในเมื่อตัดใจจากเฉินจิ้งจงได้นานแล้ว เหตุใดยังต้องเลียนแบบหญิงม่ายที่เพียรรักษาพรหมจรรย์เพื่อให้ได้มาซึ่งซุ้มประตูสรรเสริญด้วยเล่า”
“แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยคิดอยากได้ซุ้มประตูสรรเสริญ ทว่ามีเหตุผลอันใดให้ข้าต้องแต่งสามีใหม่ด้วยเล่า หากสามีคนใหม่ก็เป็นพวกไม่รู้จักใส่ใจผู้อื่น ชอบปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ท่วมเหม็นไปด้วยเหงื่อไคลอีก ถึงตอนนั้นข้ามิเท่ากับหาเรื่องให้ตนเองลำบากหรือ”
อันเล่อต้าจ่างกงจู่แย้มยิ้มกล่าวว่า “จริงอย่างที่เจ้าว่า อาหญิงก็แค่ทนเห็นเจ้าที่อยู่ในวัยสาวสะพรั่งนอนโดดเดี่ยวอยู่ทุกค่ำคืนไม่ได้ก็เท่านั้น เจ้าไม่สู้เอาอย่างอาหญิง เลี้ยงดูชายบำเรอไว้ในจวนสักสองสามคน จะเป็นพวกบัณฑิตหน้าหยกหรือบุรุษองอาจห้าวหาญก็ได้ ก่อนนอนก็เรียกตัวมาปรนนิบัติรับใช้ ตื่นก็ค่อยไล่ออกไป เช่นนั้นมีความสุขยิ่งนัก”
หวาหยาง “…”
นางรู้อยู่แล้ว ท่านอาหญิงที่ชอบประพฤติตนเหลวไหลของนางผู้นี้พูดไปพูดมาก็ไม่แคล้วต้องชักจูงให้นางเดินไปบนวิถีทางไม่เป็นโล้เป็นพายเฉกเดียวกันแน่