บทที่ 2
เมืองหลิงโจว ตำบลสือเฉียว บ้านสกุลเฉิน
คืนค่ำเย็นสบาย จู่ๆ เฉินจิ้งจงก็ลืมตาขึ้น
ภายในเตียงห้องท่ามกลางความเงียบสงัดที่สามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก มีเสียงกระซิกร่ำไห้แผ่วเบาดังลอยมาจากบนเตียงจริงๆ
เฉินจิ้งจงขมวดคิ้วหงุดหงิด
เขายอมรับ การให้องค์หญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งเดินทางไกลพันหลี่ติดตามพวกเขามาไว้ทุกข์ยังบ้านเก่าเช่นนี้นับเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมต่อนาง แม้แต่ชายชาติอาชาไนยหยาบกระด้างอย่างเขาก็ยังทำผิดต่อนาง ทว่านับแต่วันที่เดินทางออกจากเมืองหลวงนางก็เริ่มชักสีหน้าไม่พอใจแล้ว จนถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปสองเดือนกว่า วันเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ ต่อให้ทนลำบากไม่ไหวอย่างไรก็ควรยอมรับมันได้แล้ว ไหนเลยจะยังน้อยเนื้อต่ำใจ ดึกดื่นค่อนคืนร่ำไห้กระซิกเช่นนี้ไม่รู้จบรู้สิ้น
เฉินจิ้งจงไม่เข้าใจ
ตอนที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรส บ้านสกุลเฉินเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนางเลย ตัวเขาผู้นี้ก็เป็นคนที่นางเห็นด้วยตาตนเอง
เรื่องกลับมาไว้ทุกข์ที่บ้านเก่าในครั้งนี้ อันที่จริงตาเฒ่าเองก็เคยเสนอให้นางอยู่ที่เมืองหลวง แต่ไม่รู้นางคิดอะไรถึงเสนอตัวตามมาด้วย
อีกแล้ว น้อยเนื้อต่ำใจอีกแล้ว…
เฉินจิ้งจงลุกขึ้นนั่ง
นางเป็นองค์หญิง บ้านสกุลเฉินใหญ่น้อยล้วนต้องกุลีกุจอเอาใจ ก่อนกลับมามารดาของเขาถึงกับลงมือเขียนจดหมายบอกน้องสะใภ้ที่อยู่ทางนี้ให้จัดเตรียมเตียงห้องหรูหราหลังหนึ่งไว้ให้ก่อนล่วงหน้า
ที่อยู่ด้านในของเตียงห้องคือเตียงหลังหนึ่ง กว้างขวางพอให้คนสี่คนนอนได้อย่างสบายๆ
พื้นกระดานนอกเตียงเองก็กว้างขวางเช่นกัน ด้านหนึ่งวางโต๊ะเครื่องประทินโฉมเล็กๆ ของนางไว้ ส่วนที่อยู่อีกด้านคือกล่องสัมภาระไม้หนานมู่ลายทอง* สองใบ บรรจุทรัพย์สินเงินทองที่นางพกติดตัวมาด้วย
ว่ากันตามหลักแล้วเขาคือราชบุตรเขย มีสิทธิ์เสวยสุขอยู่บนเตียงหลังนี้ร่วมกับนาง ทว่านางกลับรังเกียจชิงชังเขา นี่ก็ผ่านมายี่สิบวันแล้ว แต่วันเวลากว่าครึ่งเฉินจิ้งจงล้วนต้องนอนอยู่บนพื้นกระดานด้านนอกนั่น
ตอนนี้ถึงจะใกล้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่ ทว่าร่างกายเขาแข็งแกร่งกำยำ สภาพอากาศจึงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาแต่อย่างใด
“เหตุใดจึงร้องไห้”
ในห้องมืดสนิท เฉินจิ้งจงเห็นหน้าของนางไม่ชัด เห็นก็แค่เงาร่างเลือนรางเท่านั้น
นางไม่มีท่าทีตอบสนอง ไม่รู้ว่าคร้านเกินกว่าจะสนใจเขาหรือจงใจคร่ำครวญให้เขาฟังกันแน่
เสียงกระซิกร่ำไห้แผ่วเบากระแทกใส่หัวใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต่างอะไรกับผิวน้ำในทะเลสาบที่กระเพื่อมไหวแผ่วเบาทั้งๆ ที่ไม่มีลม สาดซัดเข้าใส่รากไม้หงิกงอสีเข้มของต้นไม้ริมฝั่งที่งอกเงยโผล่พ้นพื้นดิน
ไม่รู้เหตุใดจู่ๆ เฉินจิ้งจงถึงได้นึกถึงท่าทางเยี่ยงดอกสาลี่ต้องหยาดฝนของนางยามพวกเขาสองคนสนิทสนมกันก่อนหน้านี้
ลักษณะนิสัยของนางยามนี้ไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนั้นกลับทำเขาหลงใหลแทบคลั่ง
เฉินจิ้งจงถอนหายใจเดินออกจากเตียงห้อง หยิบกลักจุดไฟที่วางไว้ขึ้นมาจุดตะเกียง
ดวงไฟส่ายไหว แสงไฟเหลืองหรุบหรู่ แต่ความมืดริมหน้าต่างก็ยังถูกขับไล่ออกไปจนสิ้น