ไม่ว่าอยู่บ้านสกุลเฉินนางจะได้รับความอยุติธรรมสักเพียงใด แต่ที่นางแสดงออกให้เขาเห็นก็มีแต่ท่าทีเย่อหยิ่งชิงชังเท่านั้น คล้ายแค่มองดูเขาคราหนึ่งก็ทำนัยน์ตานางสกปรกได้แล้ว
ร่ำไห้จะมากจะน้อยก็เป็นการแสดงออกถึงความอ่อนแออย่างหนึ่ง สตรีหยิ่งยโสเช่นนางรู้จักก็แต่เหน็บแนมเยาะเย้ยถากถางข้อบกพร่องของผู้อื่นเท่านั้น เป็นไปได้เช่นไรที่จะรู้จักแสดงความอ่อนแอ
เขามองดูน้ำตาที่หลั่งรินออกมาไม่รู้จักจบจักสิ้น ปาดเช็ดอย่างไรก็ไม่มีวันหมดนั่น ก่อนจะลองเอ่ยปากเรียก “องค์หญิง?”
หลังจากเรียกอยู่สามครั้ง โฉมสะคราญที่กำลังหลับฝันในที่สุดก็ตื่นขึ้น มองมาทางเขาด้วยสายตาที่พร่าเลือนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ไม่ว่าจิตใจของเฉินจิ้งจงจะแข็งสักปานใด ยามนี้ก็อ่อนลงหลายส่วนแล้ว เขาถามเสียงแผ่ว “องค์หญิงฝันเห็นอะไรหรือ”
หวาหยางตกตะลึงมองดูคนที่อยู่ตรงหน้า
ถึงจะตายจากกันไปสามปีแล้ว แต่นางก็ยังคงจดจำสามีของตนเองผู้นี้ได้อยู่
เขาสวมเสื้อตัวกลางสีขาว บางทีในนรกคนที่ตายไปแล้วอาจสวมใส่เสื้อผ้าเช่นนี้
ตอนเขายังมีชีวิตอยู่มักปั้นหน้าบึ้งตึง ท่าทางราวกับทุกคนล้วนติดค้างเขา ทว่าเวลานี้เขากลับดูอ่อนโยนลงมาก
หรือว่าคนเมื่อตายไป ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้นหนักหนาสักเพียงใดก็ล้วนแต่เลือนหายหมดสิ้น?
พวกเขาสามีภรรยาเคยแต่มองหน้ากันด้วยสายตาเดียดฉันท์ ทว่าเวลานี้หวาหยางกลับพบความรู้สึกที่สามารถพึ่งพาได้ในตัวเขา
นางเคยพึ่งพิงเสด็จพ่อ ทว่าเสด็จพ่อกลับวุ่นวายอยู่กับการแสวงหาความสำราญบนตัวสนมนางกำนัล
นางเคยพึ่งพิงเสด็จแม่ ทว่าเสด็จแม่กลับเอาแต่วิตกกังวลครุ่นคิด สนใจก็แต่น้องชายจะควบคุมตำหนักบูรพาอยู่บนบัลลังก์มังกรได้หรือไม่
นับตั้งแต่ออกเรือน นางที่ยามนี้กลายเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วคล้ายจำเป็นต้องเติบใหญ่เสียที แม้แต่การออดอ้อนเสด็จแม่ก็ยังกลายเป็นเรื่องเหลวไหล
หวาหยางไม่ชอบเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย นางยังคงปรารถนาจะเป็นองค์หญิงตัวน้อยที่ไม่มีเรื่องอันใดให้ต้องเป็นกังวล ได้รับความรักความเอ็นดูจากเสด็จพ่อเสด็จแม่
หากเฉินจิ้งจงยังมีชีวิตอยู่ นางไม่มีทางเผยตัวตนเช่นนี้ต่อหน้าเขาแน่ แต่เขาตายไปแล้ว ไม่แน่ว่าพอฟ้าสว่างเขาก็จะหายลับจากไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางยังจะต้องใส่ใจอันใดอีก
นางโถมกายเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินจิ้งจง ใบหน้าแนบอยู่กับอกแกร่ง มือทั้งสองข้างโอบเอวเขาไว้แน่น
เฉินจิ้งจงตัวแข็งทื่อ
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีสตรีนางใดโอบกอดเขาเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นตลอดระยะเวลาครึ่งปีหลังแต่งงานกันมา นอกจากตีหน้าปั้นปึ่งใส่เขาแล้ว สิ่งที่หวาหยางทำบ่อยที่สุดคือผลักไสเขาไปข้างนอก
น้ำตาอุ่นร้อนทำเสื้อตัวในบางๆ เปียกชื้น อกแกร่งเย็นเยียบ
เฉินจิ้งจงระงับความรู้สึกสงสัยไว้ชั่วขณะ โอบกอดนางไว้พลางลูบศีรษะนางเบาๆ “ตกลงองค์หญิงฝันเห็นอะไรกันแน่”
หวาหยางตอบอย่างใจลอย “ข้าไม่ได้ฝัน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเหตุใดถึงร้องไห้เล่า”
หวาหยางตกตะลึง นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองดูบุรุษตรงหน้าพลางถาม “ท่านไม่รู้หรือ”
เฉินจิ้งจงสีหน้างุนงง “รู้เรื่องอะไร”
หวาหยางมองดูสายตาสับสนทว่าสงบนิ่งของเขา ในใจรู้สึกรันทด