ชาตินี้ไม่ขอเป็นอนุ!
ทดลองอ่าน ชาตินี้ไม่ขอเป็นอนุ! บทที่ 2
ตัวเจี่ยนฮูหยินเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเอก ไม่ค่อยเห็นลูกอนุอยู่ในสายตา ทว่าเมื่อคิดอีกที ตอนนี้สวีจ้งเซวียนดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นสูงเช่นนี้ ต่อให้เกิดจากอนุแล้วอย่างไรกัน ดังนั้นนางจึงเอ่ยต่อว่า “ช่างเถอะ เรื่องของคนอื่นๆ เจ้าไม่ต้องพูดให้ข้าฟังแล้ว แค่พูดเรื่องของคุณชายใหญ่ให้ข้าฟังดีๆ ก็พอ”
เจินจูหยุดคิดเล็กน้อย “บ่าวได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่ผู้นี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง สมัยที่เขาสอบเตี้ยนซื่อตอนอายุสิบแปดปีได้ถูกแต่งตั้งเป็นจ้วงหยวน ได้รับตำแหน่งราชอาลักษณ์แห่งสำนักราชบัณฑิต ขุนนางลำดับหลักขั้นหกจากพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ทันที เป็นคนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่วัยหนุ่มจริงๆ ภายหลังเขารับตำแหน่งครบสองปีก็ย้ายไปเป็นขุนนางเรียบเรียงตำราแห่งสำนักราชบัณฑิต ขุนนางลำดับหลักขั้นห้า เข้าจวนเหลียงอ๋องไปบรรยายตำราให้เหลียงอ๋องฟัง ได้ยินว่าเหลียงอ๋องให้ความนับถือเขามาก ทั้งยังได้ยินว่าราชเลขาธิการคนปัจจุบันเป็นอาจารย์ของเขา เมื่อมีความสัมพันธ์สองชั้นอย่างเหลียงอ๋องกับราชเลขาธิการเช่นนี้ เกรงว่าวันหน้าตำแหน่งขุนนางของคุณชายใหญ่จะยังเลื่อนขึ้นไปอีกเจ้าค่ะ!”
เจี่ยนฮูหยินตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ หลังจากนั้นสักพักก็ได้สติกลับมา ก่อนถามคำถามที่นางสนใจมากที่สุดในตอนนี้ออกไป “เหตุใดคุณชายใหญ่อายุเข้าไปยี่สิบสี่ปีก็ยังไม่แต่งงานอีก มีสาเหตุอะไรซ่อนอยู่หรือไม่”
เจินจูตอบว่า “เรื่องนี้บ่าวเองก็ไปสืบมาแล้วเช่นกัน ได้ยินมาว่าสมัยที่นายท่านใหญ่ยังอยู่ก็เคยหมั้นหมายไว้ให้คุณชายใหญ่ แต่หลังนายท่านใหญ่ตายไป คุณชายใหญ่ก็ไว้ทุกข์อยู่หลายปี ภายหลังอุตส่าห์ไว้ทุกข์ครบปีแล้ว คุณหนูที่หมั้นหมายไว้กลับไร้วาสนามาป่วยหนักตายจากไป จากนั้นคุณชายใหญ่ก็รับตำแหน่งขุนนางเรียบเรียงตำราอยู่สองปี ทั้งยังไปดูแลสำนักการศึกษาที่หนานจิงมาอีกสองปี เมื่อปีก่อนได้เลื่อนขั้นเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายกรมพิธีการถึงได้กลับมาเมืองหลวง เพราะสาเหตุเหล่านี้ ดังนั้นแม้ตอนนี้คุณชายใหญ่จะอายุยี่สิบสี่ปีแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงานเจ้าค่ะ”
เจี่ยนฮูหยินรู้สึกพึงพอใจ บนใบหน้าจึงปรากฏความยินดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เสิ่นมามาที่อยู่ด้านข้างมองเห็นเข้าพอดี
หลังโบกมือให้เจินจูออกไป เจี่ยนฮูหยินก็เอ่ยกับเสิ่นมามาว่า “คุณชายใหญ่ผู้นี้เป็นคนร้ายกาจไม่น้อย เกรงว่าอนาคตจะก้าวหน้ามากกระมัง”
เสิ่นมามารีบร้องตอบรับ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ตอนกินอาหารบ่าวลองสังเกตคุณชายใหญ่ดู รูปโฉมหล่อเหลาไม่พูดถึง กิริยาท่าทางคำพูดคำจายังนุ่มนวล ทั้งยังเป็นคนที่ดูไม่ออกว่าในใจคิดอะไรอยู่ วันหน้าจะต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอนเจ้าค่ะ!”
เจี่ยนฮูหยินผงกศีรษะ ทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อ ในใจคิดเพียงว่ากรมพิธีการเป็นกรมที่ดูแลเรื่องการจัดสอบขุนนางพอดี ถ้าหากเกาะสวีจ้งเซวียนผู้นี้ได้ยังต้องกังวลว่าจะหาตำแหน่งขุนนางให้เจี่ยนชิงไม่ได้อีกหรือ สวีจ้งเซวียนแค่ขยับนิ้วส่งๆ ก็น่าจะมีตำแหน่งมากมายแล้ว! นางย่อมหวังว่าบุตรชายตนเองจะเป็นขุนนางได้เช่นกัน จะได้เป็นเกียรติให้แก่วงศ์ตระกูล
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มบนใบหน้าเจี่ยนฮูหยินก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
นางครุ่นคิดก่อนเอ่ย “แม้เหยียนเจี่ยเอ๋อร์จะมีพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับอยู่บ้าง แต่ในเมื่อตอนนี้มาอยู่ที่ทงโจว ก็ไม่รู้ว่าทางด้านนี้นิยมของแบบใดบ้าง ไม่อาจให้นางสวมเสื้อผ้าเครื่องประดับเก่าๆ พวกนั้นแล้วถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้ เสิ่นมามา ไว้มีเวลาพวกเราก็ไปข้างนอก ออกไปซื้อเสื้อผ้ากับเครื่องประดับใหม่ๆ ให้เหยียนเจี่ยเอ๋อร์กันเถอะ”
เสิ่นมามาย่อมผงกศีรษะเห็นด้วยก่อนยิ้มเอ่ย “เดิมคุณหนูของพวกเราก็งดงามมากอยู่แล้ว หากสวมเสื้อผ้ากับเครื่องประดับที่ฮูหยินเลือกเองกับมืออีก ต่อให้ยืนอยู่ในกลุ่มคนก็ยังจะถูกสังเกตเห็นได้ในทันทีอยู่ดีเจ้าค่ะ”
ประโยคนี้ถูกใจของเจี่ยนฮูหยินอย่างมาก ชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกว่าเส้นทางขุนนางของเจี่ยนชิงนั้นไร้อุปสรรคแล้ว
และอีกทางด้านหนึ่งเจี่ยนเหยียนก็กำลังฟังข่าวที่ไป๋เวยสืบมาให้นางเช่นกัน
“คุณชายสกุลสวีมีสี่ท่านเจ้าค่ะ นอกจากคุณชายสี่อันเกอเอ๋อร์ที่ท่านน้าของท่านให้กำเนิดแล้ว ก็มีคุณชายใหญ่สวีจ้งเซวียนของบ้านใหญ่ที่เกิดจากอนุ ทว่าถูกรับเลี้ยงไว้ในชื่อของฉินซื่อ คุณชายรองสวีจ้งจิ่งตอนนี้อายุสิบแปดปี เป็นบุตรของอวี๋ซื่อของบ้านสาม คุณชายสามสวีจ้งเจ๋อก็อายุสิบแปดปีเช่นกัน เด็กกว่าคุณชายรองเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ทว่าเกิดจากอนุสกุลเว่ยผู้หนึ่งของบ้านรองเจ้าค่ะ”
เจี่ยนเหยียนผงกศีรษะเงียบๆ
นางนึกไม่ถึงว่าสวีจ้งเซวียนจะเกิดจากอนุ ทว่าจะเกิดจากภรรยาเอกหรืออนุแล้วแตกต่างกันอย่างไร ตอนนี้แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจะคุยกับสวีจ้งเซวียนยังต้องคอยระมัดระวังคำพูดด้วยซ้ำ!
“ส่วนด้านคุณหนูสกุลสวี เด็กสาวชุดแดงที่ท่านเห็นอู๋ซื่อกอดอยู่เมื่อเย็นก็คือคุณหนูใหญ่สวีเมี่ยวหวา เกิดจากเฝิงซื่อ ฮูหยินของบ้านรอง คุณหนูรองสวีเมี่ยวหลันก็เป็นลูกของบ้านรองเช่นกัน แต่เกิดจากอนุสกุลเว่ยที่ให้กำเนิดคุณชายสามผู้นั้น คุณหนูสามท่านทราบดีอยู่แล้ว ก็คือหนิงเจี่ยเอ๋อร์ของท่านน้าท่าน ส่วนคุณหนูสี่สวีเมี่ยวจิ่นเป็นลูกหลง เกิดจากมารดาคนเดียวกับคุณชายใหญ่ ทว่าอนุภรรยาผู้นี้กลับไร้วาสนา หลังคลอดคุณหนูสี่ออกมาก็ตายจากไป ดังนั้นคุณหนูสี่จึงถูกรับเลี้ยงในชื่อของฉินซื่อเช่นกัน คุณหนูสี่ผู้นี้เป็นเพราะคลอดก่อนกำหนด สุขภาพจึงไม่แข็งแรง ไม่ค่อยออกมาข้างนอกนัก ปกติจะอยู่แต่ในเรือนของตนเองเท่านั้น เย็นวันนี้นางก็ไม่ได้ออกมากินอาหาร ดังนั้นคุณหนูจึงไม่เคยเจอนาง นอกจากนี้ยังมีอู๋จิ้งเซวียนที่เป็นคุณหนูลูกพี่ลูกน้องอยู่อีกคน นางเป็นหลานสาวทางสกุลเดิมของฮูหยินผู้เฒ่า มาอยู่ในจวนสกุลสวีประมาณสองปีได้แล้ว ได้ยินมาว่าปกติคุณหนูลูกพี่ลูกน้องผู้นี้สนิทกับคุณหนูใหญ่ คุณหนูสี่ เป็นคนมีนิสัยอ่อนโยนผู้หนึ่ง”
เจี่ยนเหยียนฟังไป๋เวยพูดจบก็ดีดลูกคิดคำนวณในใจเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ
ยังคงเป็นคำเดิม สถานที่ที่มีคนก็คือยุทธภพ นางยังคงต้องคอยระมัดระวัง อย่าได้ก้าวพลาดเด็ดขาดอยู่ดี
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.