นานวันเข้ายาห้ามครรภ์สารพัดชนิดก็ปรากฏขึ้นในหมู่สตรีตำหนักใน
ขวดที่อยู่ในมือของหวาหยางเป็นสิ่งที่เสด็จแม่เตรียมไว้ให้นางก่อนออกจากเมืองหลวง
ในเวลานั้นหวาหยางเข้าวังไปพบเสด็จแม่ เหตุผลของการไปโอดครวญร้องทุกข์ก็คือนางไม่ปรารถนาจะตามบ้านสกุลเฉินไปไว้ทุกข์ที่หลิงโจว ถึงนางจะแต่งกับเฉินจิ้งจง แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรีสูงศักดิ์ เหตุใดต้องไปไว้ทุกข์ให้หญิงแก่บ้านนอกที่ไม่เคยพบหน้าค่าตากันด้วย
หวาหยางหวังว่าเสด็จแม่จะสนับสนุนการตัดสินใจของนาง เห็นด้วยที่จะให้นางอยู่ในเมืองหลวง
ทว่าเสด็จแม่กลับยกเหตุผลมากมายขึ้นมาพูด บอกว่านางเป็นองค์หญิง ถึงจะสามารถใช้สิทธิพิเศษมากมายของเหล่าเชื้อพระวงศ์เพื่อเสวยสุขอยู่ในเมืองหลวงต่อ ทว่าภายใต้คำว่า ‘กตัญญู’ นางไหนเลยจะทำเรื่องนอกรีตนอกรอยเช่นนั้นได้ พี่สะใภ้ทั้งสองของเฉินจิ้งจงล้วนเดินทางไปหลิงโจว หากองค์หญิงอย่างนางไม่ไป เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปก็ไม่รู้ว่าพวกชาวบ้านจะวิพากษ์วิจารณ์กันเช่นไร
ยังมีอีกเรื่องที่ถึงเสด็จแม่ของนางจะไม่ได้บอก แต่หวาหยางกลับรู้ดีแก่ใจ นั่นก็คือเสด็จแม่ชื่นชมยกย่องในความสามารถของพ่อสามีนางเป็นที่สุด และเชื่อว่าพ่อสามีจะได้เป็นราชเลขาธิการคนต่อไปแน่นอน ที่เสด็จแม่ต้องการให้นางแต่งกับเฉินจิ้งจงก็เพราะหมายจะใช้เรื่องนี้ดึงพ่อสามีของนางเข้าเป็นพวกด้วย
เมื่อเหตุผลอย่างชื่อเสียงและผลประโยชน์โถมทับลงมา หวาหยางก็ได้แต่ต้องยอมรับโดยดุษณี
หลังจากนั้นเสด็จแม่ก็มอบยาห้ามครรภ์ขวดนี้ให้กับนาง
เสด็จแม่อาศัยฐานะคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนบอกกับนางว่าการจะให้บุรุษที่เพิ่งแต่งงานหมาดๆ ปล่อยภรรยาที่สะสวยงดงามไว้ข้างๆ โดยไม่แตะต้องนั้นเป็นก็แค่เรื่องเหลวไหลในหมู่คนสติปัญญาอ่อนด้อยเท่านั้น ความจริงแล้วพวกเขาไหนเลยจะทนไหว สองสามีภรรยาหลบอยู่ในห้อง ลอบหลับนอนด้วยกันครั้งสองครั้งมิใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรสักหน่อย แค่จะปล่อยให้เด็กเกิดมาไม่ได้ก็เท่านั้น ยาห้ามครรภ์นี้สรรพคุณอ่อนโยนไม่รุนแรง ทุกๆ สามเดือนใช้ครั้งหนึ่ง ไม่เพียงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ยังไม่ส่งผลเสียต่อพื้นฐานร่างกาย
เฉินจิ้งจงเป็นทายาทรุ่นหลาน ไว้ทุกข์แค่ปีเดียวก็ออกทุกข์ได้แล้ว หากนานๆ ทีมีอะไรกันสักครั้ง ยาลูกกลอนสามเม็ดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถึงจะมีน้อย อย่างไรก็ดีกว่าไม่มี
หวาหยางถามอย่างกระฟัดกระเฟียด ‘แล้วถ้าเขาต้องการหลายๆ ครั้งเล่า จะให้ทำเช่นไร’
เสด็จแม่ของนางตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เฉินจิ้งจงผู้นี้เกินไปจริงๆ พร้อมสั่งให้นางแสดงอำนาจขององค์หญิงออกมา สามีภรรยาควรเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มิใช่กระทำตามอำเภอใจไร้หลักการอยู่แต่ฝ่ายเดียว
ได้ยินเช่นนั้นหวาหยางก็รู้สึกสบายใจขึ้น รู้ว่าถึงเสด็จแม่จะเห็นการใหญ่สำคัญ แต่กระนั้นก็ยังคงใส่ใจบุตรีเช่นนางอยู่
ยาห้ามครรภ์มีรสขมเล็กน้อย หลังกินลงไปหวาหยางต้องดื่มน้ำตามเกือบครึ่งถ้วยกว่าจะบรรเทารสขมที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นได้
ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์ของยาหรือว่าอะไร ใจนางหวิวแปลกๆ รู้สึกไม่สบายท้องอยู่ตลอดเวลา นางจึงขึ้นไปนอนหงุดหงิดอยู่บนเตียง
ชาติที่แล้วนางไม่เคยกินยาห้ามครรภ์
วิธีการที่เสด็จแม่บอกบางทีอาจใช้ได้กับบุรุษส่วนใหญ่ แต่มิใช่กับเฉินจิ้งจง
บุรุษหยาบกระด้างผู้นี้บางครั้งก็หน้าหนาไร้ยางอายยิ่ง หวาหยางแค่พูดคุยยิ้มหัวเราะกับสาวใช้คนสนิทข้างกาย พอเขาเห็นนางมีสีหน้ายิ้มแย้มก็เผลอคิดไปเองว่านางอารมณ์ดี ตกค่ำถึงกับกล้าโถมทับใส่ร่างนาง
ตอนอยู่ที่หลิงโจว นอกจากยามอยู่ต่อหน้าพ่อแม่สามีแล้ว หวาหยางก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยยิ้ม ยิ่งเวลาอยู่ตามลำพังกับเฉินจิ้งจง นางยิ่งไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆ ใส่อีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังโยนความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่พบเจอในบ้านสกุลเฉินทั้งหมดระบายใส่เขา
กินอยู่ไม่สบายหวาหยางไหนเลยจะมีอารมณ์หลับนอนกับเขา เฉินจิ้งจงคาดว่าน่าจะพอเดาออก ดังนั้นทุกคืนจึงไปนอนอยู่บนพื้นกระดานช่วยกั้นงูกั้นแมลงที่อาจเลื้อยคลานปีนไต่เข้ามาแต่โดยดี ไม่เคยเอ่ยปากขอมีอะไรด้วยแม้เพียงครั้ง
หวาหยางพลิกตัว
แต่ก่อนนางคิดว่าทุกสิ่งล้วนสมควรเป็นเช่นนี้ นางเป็นองค์หญิง เฉินจิ้งจงเป็นราชบุตรเขย ราชบุตรเขยสมควรเชื่อฟังองค์หญิง หากเขากล้าก้าวล่วงนางถือว่าไม่เคารพ
นางมักไม่พูดไม่จาเฝ้าชักสีหน้าใส่เขาตลอด เทียบกับสาวใช้คนสนิทพวกนั้นแล้ว หวาหยางเรียกว่าปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นดีกว่าปฏิบัติต่อเขาเสียอีก
ทว่าตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว เฉินจิ้งจงเห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นบุรุษหนุ่มละโมบโลภมาก การที่เขาสามารถอดทนอดกลั้นไม่ฝืนบังคับใจนางได้นานเช่นนี้ หากจะเรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษก็น่าจะพอได้อยู่กระมัง
นางเห็นเขาเป็นคนหยาบกระด้างมาโดยตลอด ยกมือยกเท้าล้วนหยาบคายไร้มารยาท มีอยู่หลายครั้งที่นางเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพี่ใหญ่ที่เป็นจ้วงหยวนกับพี่สามที่เป็นทั่นฮวา ยิ่งเทียบนางก็ยิ่งรับเขาไม่ได้
ทว่าเฉินจิ้งจงกลับไม่เคยใช้อารมณ์กับนางเลยสักครั้ง บุรุษหน้าด้านไร้ยางอายในสายตานาง เหตุใดถึงกลายเป็นบุรุษใจกว้างไปได้
นั่นก็หมายความว่าบนตัวเขายังมีข้อดีอยู่มากมาย เพียงแต่ชาติที่แล้วนางจมอยู่ในโลกของตนเองถึงได้ไม่เคยสังเกตเห็น
เช่นนั้นชาตินี้นางควรทำดีกับเขามากสักหน่อย