ตอนนั้นเองเจี่ยนเหยียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นไป๋เวย ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นยืน พร้อมประคองลูกแมวในมือยื่นให้นางดู
“ไป๋เวย ดูสิ ข้าเจอลูกแมวตัวนี้ที่นี่ ข้ายังตั้งชื่อให้มันแล้วด้วยว่าเสี่ยวเหมาถวน ไพเราะหรือไม่”
ไป๋เวยได้เห็นดวงตานางพราวระยับประหนึ่งมีแสงอาทิตย์ลอดผ่านแมกไม้ลงมาส่องกระทบลงในดวงตานาง
ด้วยโตมากับเจี่ยนเหยียนตั้งแต่เด็ก ไป๋เวยจึงพอจะคาดเดาความคิดของนางได้อยู่บ้าง
“คุณหนู” นางถอนหายใจเอ่ย “พวกเราเลี้ยงมันไม่ได้เจ้าค่ะ”
ประกายในดวงตาเจี่ยนเหยียนหม่นลงไปทันที ความจริงนางจะไม่รู้ได้อย่างไรกันว่าเจี่ยนฮูหยินเกลียดสุนัขกับแมวมากที่สุด ไม่เคยอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์พวกนี้ภายในจวนมาก่อน แม้ตอนนี้นางจะพักอยู่ในเรือนแยกทิศตะวันออก ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอเจี่ยนฮูหยิน และอีกฝ่ายเองก็ไม่เคยมาเยือนที่เรือนนาง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็พักอยู่ในเขตของเรือนเหอเซียงเช่นกัน จึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าเจี่ยนฮูหยินจะไม่รู้เรื่องที่นางแอบเลี้ยงแมว
ไป๋เวยเห็นนางมีสีหน้าหม่นหมอง ในใจก็ทนไม่ได้จึงเอ่ยปลอบไปว่า “ท่านสามารถมาที่นี่เพื่อหาแมวตัวนี้ได้ทุกวันนะเจ้าคะ”
แต่เจี่ยนเหยียนก็รู้ว่านี่เป็นแค่ประโยคปลอบใจเท่านั้น
ลูกแมวมีขาของตนเอง คิดจะไปที่ใดก็ไป จะเป็นเหมือนตนเองที่ถูกพันธนาการให้อยู่แต่ในเรือนนี้ คิดอยากออกไปที่ใดก็ไปไม่ได้ได้อย่างไร
เจี่ยนเหยียนไม่ได้พูดอะไร นางแค่นั่งยองๆ ลงบดขนมพุทราแดงอีกครึ่งชิ้นที่เหลือให้ละเอียดแล้วโปรยลงบนพื้น ก่อนมองลูกแมวกินอยู่อีกสักพักก็ยืดตัวขึ้นแล้วเดินนำไป๋เวยออกจากป่าเหมยไป
ไป๋เวยรีบเดินตามไปทันที
เมื่อครู่นี้ตอนที่เจี่ยนเหยียนได้เจอลูกแมวนางก็หลงดีใจมากเกินไป ถึงกับหลงลืมสถานการณ์ของตนเองไปชั่วขณะ อย่างไรนางก็เป็นแค่นกในกรง ปลาในบ่อเท่านั้น ต่อให้ฉากหน้าเป็นคุณหนูที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี แต่ขอแค่ยังไม่หลุดพ้นจากการบงการของเจี่ยนฮูหยิน นางก็ยังมีโอกาสจะถูกเจี่ยนฮูหยินส่งมอบออกไปให้ผู้อื่นประหนึ่งสิ่งของชิ้นหนึ่งได้ทุกเมื่ออยู่ดี
รอหลังเจี่ยนเหยียนกับไป๋เวยเดินออกไปจากป่าเหมย คนที่ยืนมองอยู่ด้านหลังหน้าต่างตลอดเวลาก็เดินอ้อมประตูวงเดือนออกมาหยุดอยู่ข้างลูกแมวตัวนั้น
คนผู้นี้สวมชุดผ้าโปร่งสีเขียว บุคลิกสูงสง่า รูปโฉมหล่อเหลา เขาก็คือสวีจ้งเซวียนนั่นเอง
ลูกแมวยังคงตั้งใจเลียเศษขนมพุทราแดงบนพื้นโดยไม่คิดสนใจคนรอบข้างอย่างสิ้นเชิง
สวีจ้งเซวียนหลุบตามองมันโดยไม่ได้พูดอะไร
เขานึกถึงว่าเมื่อครู่นี้เขาเดินตามเสียงครวญเพลงมาก็เห็นเด็กสาวผู้หนึ่งพิงร่างอยู่บนเก้าอี้เหม่ยเหรินด้วยท่าทางเกียจคร้าน ศีรษะก้มลงอ่านตำราในมือขณะกำลังครวญทำนองเพลงที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขารู้จักเด็กสาวผู้นี้ นางคือเจี่ยนเหยียนที่เขาเคยได้พบหน้ามาก่อนหน้านี้สองหน
ในการพบหน้าสองครั้งนั้น แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ทว่าภาพประทับใจที่เจี่ยนเหยียนมอบให้เขาคือเด็กสาวผู้มีกิริยามารยาทสง่างามเหมือนคุณหนูในห้องหอคนอื่นๆ เพียงแต่เมื่อครู่นี้นางที่นั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ตรงนั้นยังจะมีท่าทางของคุณหนูในห้องหอเหลืออยู่อีกที่ใดกัน
หลังลูกแมวเลียกินเศษขนมพุทราแดงบนพื้นเสร็จก็ร้องเมี้ยวๆ ออกมา
สวีจ้งเซวียนก้มหน้ามองมันพลางนึกไปถึงภาพเมื่อครู่นี้ที่เด็กสาวผู้นั้นนั่งยองๆ ประคองลูกแมวตัวนี้อยู่ในฝ่ามือ มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านแมกไม้ลงมาตกกระทบบนเรือนผมสีดำสนิทและกระโปรงสีเขียวหยกของนาง ยามเมื่อลมพัดผ่านแสงอาทิตย์สีทองอ่อนจางก็วูบไหวไประหว่างเรือนผมและกระโปรงนาง