เจี่ยนเหยียนคิดในใจว่า…เด็กหญิงผู้นี้ช่างปากแข็งเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อยากได้ถุงพกแบบหนิงเอ๋อร์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเอ่ยออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ทั้งดื้อดึงและน่าเอ็นดูเช่นนี้ของสวีเมี่ยวจิ่น เจี่ยนเหยียนก็ทนไม่ไหว สุดท้ายกลับกลายเป็นนางที่เปิดปากถามสวีเมี่ยวจิ่นก่อนเอง “เจ้าอยากได้ถุงพกที่เหมือนหนิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่”
“ท่านก็จะมอบถุงพกให้ข้าเหมือนกันหรือ” สวีเมี่ยวจิ่นรีบรับคำทันควัน ทว่าเนื้อความในคำพูดกลับแสดงออกชัดว่า ‘ถุงพกใบนี้ไม่ใช่ข้าที่คิดอยากได้ก่อน แต่เป็นท่านต้องการมอบให้ข้าก่อนเอง’
คาดว่าเด็กคนนี้คงหน้าบาง กลัวจะถูกสวีเมี่ยวหนิงรู้ว่าตนเองอยากได้ถุงพกแมวกวักของอีกฝ่าย จึงจงใจมาขอกับนาง ดังนั้นถึงได้พยายามเน้นว่าถุงพกใบนี้ตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายอยากได้ก่อน
เจี่ยนเหยียนยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กหญิงที่ปากแข็งเช่นนี้น่ารักยิ่งนัก!
“ใช่แล้ว ข้าอยากมอบถุงพกที่เหมือนกับถุงพกของหนิงเอ๋อร์ให้กับเจ้า เจ้าอยากได้หรือไม่”
“ไม่อยากได้เจ้าค่ะ”
เจี่ยนเหยียนเป็นฝ่ายอึ้งงันแทน หรือว่าตนเองจะเดาผิด สวีเมี่ยวจิ่นผู้นี้ไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่เพื่อรอขอถุงพกใบหนึ่งจากนางโดยเฉพาะหรอกหรือ
แต่จากนั้นสวีเมี่ยวจิ่นก็เอ่ยต่ออย่างรวดเร็วว่า “ข้าไม่อยากได้ถุงพกลายเดียวกับพี่หญิงสาม ข้าอยากได้ถุงพกที่นางไม่เคยมีมาก่อน”
มองไม่ออกเลยว่าคุณหนูน้อยผู้นี้จะเอาแต่ใจไม่เบา! เจี่ยนเหยียนยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะเอ่ยสั่งไป๋เวย “เจ้ากลับไปเอาถุงพกลายกระต่ายเจี้ยนมา”
ไป๋เวยขานรับพร้อมเดินกลับไปทันที
ในตอนนั้นสวีเมี่ยวจิ่นก็เอ่ยปากบอกให้เจี่ยนเหยียนนั่งลง เจี่ยนเหยียนจึงนั่งลงข้างนางทันทีอย่างไม่เกรงใจ ดวงตาสีดำขลับของสวีเมี่ยวจิ่นเอาแต่มองสำรวจเจี่ยนเหยียนไม่หยุด เจี่ยนเหยียนเองก็อยู่นิ่งๆ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มขณะปล่อยให้นางมองสำรวจไป
หลังผ่านไปเช่นนี้สักพักก็ได้ยินสวีเมี่ยวจิ่นเอ่ยว่า “พี่หญิงสามบอกว่าท่านดีมาก นางมักจะโอ้อวดต่อหน้าข้าว่าตนเองมีญาติผู้พี่ที่ดีมากผู้หนึ่ง”
เจี่ยนเหยียนแทบจะจินตนาการออกทีเดียวว่าตอนที่สวีเมี่ยวหนิงอวดตนเองต่อหน้าสวีเมี่ยวจิ่น อีกฝ่ายจะมีสีหน้าอวดดีอย่างไร คาดว่ายามนั้นในใจสวีเมี่ยวจิ่นจะต้องอึดอัดมากเป็นแน่ ดังนั้นเจี่ยนเหยียนจึงเอ่ยปลอบนาง “อย่าไปฟังเจ้าเด็กน้อยนั่นพูดเหลวไหล ข้าดีเพียงนั้นที่ใดกัน นางก็แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเท่านั้น”
“ไม่ใช่หรอก” สวีเมี่ยวจิ่นส่ายหน้าพลางเอ่ยต่อเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่านางจงใจเอ่ยเช่นนั้นเพื่อยั่วโมโหข้า เพราะญาติผู้พี่เซวียนสนิทกับข้ามากกว่านาง ทั้งยังโอ้อวดถุงพกลายแมวกวักกับลายแมวหยอกผีเสื้อต่อหน้าข้าไปมา บอกว่านางไม่สนใจของที่พี่เซวียนเย็บหรอก แต่ตอนนี้ข้าได้เจอท่านด้วยตนเอง ข้าจึงเชื่อในคำพูดของนางแล้ว” ความหมายโดยนัยคือนางก็รู้สึกว่าเจี่ยนเหยียนเป็นอย่างที่สวีเมี่ยวหนิงบอก เป็นคนที่ดีมากผู้หนึ่งจริงๆ
เจี่ยนเหยียนขัดเขินขึ้นมาเล็กน้อย พอถูกเด็กหญิงผู้หนึ่งเอ่ยชมมาตรงๆ เช่นนี้ ก็ชวนให้ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างจริงๆ