นางยกมือขึ้นลูบแก้มที่ร้อนผ่าวของตนเอง ก่อนคิดแล้วเอ่ยว่า “พี่เซวียนของเจ้าเองก็ดีมาก นางอ่อนโยนใจดี ทั้งยังดีกับเจ้าเพียงนั้นมาโดยตลอด”
ครั้งแรกที่นางได้พบอู๋จิ้งเซวียนเป็นครั้งแรกที่หน้าประตูเรือนหนิงชุ่ย คาดว่าครั้งนั้นอู๋จิ้งเซวียนน่าจะกลับจากไปเยี่ยมสวีเมี่ยวจิ่นพร้อมสวีจ้งเซวียนพอดี และช่วงที่ผ่านมานี้นางก็ได้ยินคนในจวนสกุลสวีพูดกันว่าอู๋จิ้งเซวียนชอบญาติผู้น้องอย่างสวีเมี่ยวจิ่นที่สุดแล้ว ทุกๆ สองสามวันเป็นต้องไปหานางที่เรือนเสมอ ทั้งยังมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้บ่อยครั้ง
สวีเมี่ยวจิ่นเม้มปากแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้เอ่ยต่อประโยค
เจี่ยนเหยียนไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรผิดไปทำให้เด็กหญิงผู้นี้ไม่พอใจขึ้นมา ขณะที่กำลังคิดจะเอ่ยปากถามก็ได้ยินสวีเมี่ยวจิ่นเอ่ยขึ้นมากะทันหันอีกครั้ง
“นางชอบทำเหมือนข้าเป็นเด็ก คิดว่าข้าไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่ข้ารู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร พี่เซวียนไม่ได้ดีต่อข้าจากใจจริง”
เจี่ยนเหยียนไม่เข้าใจจึงถามสวีเมี่ยวจิ่นว่าหมายความว่าอะไร แต่นางกลับเงียบไปอีกครั้ง เอาแต่นั่งเม้มปากแน่น
เจี่ยนเหยียนไม่สะดวกจะถามต่ออีก บังเอิญที่ไป๋เวยหยิบถุงพกกลับมาพอดี นางจึงยื่นมือไปรับถุงพกมาแล้วยื่นต่อให้สวีเมี่ยวจิ่นด้วยสองมือพลางยิ้มเอ่ย “ถุงพกใบนี้มอบให้เจ้า”
บนถุงพกปักลายกระต่ายเจี้ยนตัวหนึ่ง ขาสั้นๆ ตัวอ้วนๆ ดวงตาหรี่เป็นเส้นเดียว แม้จะมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่มักให้ความรู้สึกว่าชั่วเวลาต่อมามันจะลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยถ้อยคำเจ้าเล่ห์ออกมา
สวีเมี่ยวจิ่นย่อมไม่เคยเห็นกระต่ายเจี้ยน ดังนั้นต่อให้ก่อนหน้านี้นางจะเย่อหยิ่งเสแสร้งเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยเพียงไร แต่ในตอนที่รับกระต่ายเจี้ยนไปก็ยังเบิกตากว้าง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสนใจ ประหลาดใจ และดีใจ
เจี่ยนเหยียนจึงถามออกไป “ชอบหรือไม่”
สวีเมี่ยวจิ่นกำถุงพกแน่นขณะเงยหน้ามองเจี่ยนเหยียน หลังผ่านไปสักพักถึงได้เอ่ยนิ่งๆ อย่างไว้ตัวว่า “ชอบ ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เด็กคนนี้ช่างปากแข็งมากจริงๆ! เจี่ยนเหยียนยื่นมือไปลูบศีรษะนางอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้ตัวพร้อมอมยิ้มเอ่ย “เจ้าชอบก็ดีแล้ว”
ยามนั้นสวีเมี่ยวจิ่นยังเงยหน้ามองเจี่ยนเหยียนอยู่ ในดวงตากลับปรากฏความรู้สึกที่ต่างออกไป
“นอกจากพี่ใหญ่ข้า ยังไม่เคยมีใครลูบศีรษะข้าเช่นนี้มาก่อน”
เจี่ยนเหยียนรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที นางรีบหดมือกลับไปซุกในชายแขนเสื้อ พร้อมยิ้มแห้งๆ เอ่ย “ฮ่าๆ อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย”
“ไม่ต้องขอโทษเจ้าค่ะ” สวีเมี่ยวจิ่นกลับเอ่ยออกมาช้าๆ “ข้าชอบให้ท่านลูบศีรษะข้าเช่นนี้” ก่อนหยุดคิดไปแล้วปรึกษากับนางว่า “พี่หญิงสามเรียกท่านว่าพี่เหยียน เช่นนั้นข้าก็จะเรียกท่านว่าพี่เหยียนเช่นกันได้หรือไม่”
เด็กหญิงสองคนนี้ไม่ยอมกันจริงๆ เจี่ยนเหยียนได้แต่ผงกศีรษะ “ได้สิ”
สวีเมี่ยวจิ่นแสดงสีหน้าดีใจมากออกมา ทั้งยังเป็นฝ่ายยื่นมือมาจับมือเจี่ยนเหยียนก่อน
เจี่ยนเหยียนคิดขึ้นมาทันทีว่าที่แท้ความเป็นมิตรของนางก็สูงเพียงนี้เชียวหรือ หรือสวีเมี่ยวจิ่นผู้นี้แค่เห็นว่าสวีเมี่ยวหนิงมีญาติผู้พี่อย่างนาง ในใจยอมไม่ได้ก็เลยแทรกเข้ามาด้วย ขณะที่กำลังคิดเหลวไหลไร้สาระก็ได้ยินเสียงชิงจู๋สาวใช้ของสวีเมี่ยวจิ่นเอ่ยกระซิบขึ้นมาด้านข้างกะทันหัน
“คุณหนู คุณหนูใหญ่ กับคุณหนูลูกพี่ลูกน้องกำลังมาเจ้าค่ะ”
เมื่อเจี่ยนเหยียนเบี่ยงตัวไปมองเล็กน้อย ก็เห็นว่าสวีเมี่ยวหวากับอู๋จิ้งเซวียนกำลังพาสาวใช้เดินมาจากอีกด้านจริงๆ