พวกนางน่าจะมาเก็บดอกท้อกัน ในมือของสาวใช้ที่เดินตามหลังพวกนางมาต่างถือดอกท้อเอาไว้
“ข้าไม่อยากเจอพวกนาง” ยามนั้นสวีเมี่ยวจิ่นกระชับมือของเจี่ยนเหยียนแน่น หลังเอ่ยเสียงต่ำออกมาประโยคหนึ่งก็หันหลังกลับ แสดงท่าทีจะเดินจากไป
แต่สวีเมี่ยวหวากับอู๋จิ้งเซวียนมองเห็นพวกนางแล้ว
ตอนที่สวีเมี่ยวหวาเห็นพวกนาง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา แค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มีท่าทีจะเดินมาหาหรือเปิดปากเอ่ยอะไร แต่เป็นอู๋จิ้งเซวียนที่เอ่ยเรียกออกมา “จิ่นเอ๋อร์”
จากนั้นนางก็เดินเข้ามาพร้อมตั้งใจจับมือสวีเมี่ยวจิ่นอย่างสนิทสนม แต่สวีเมี่ยวจิ่นกลับเบี่ยงตัวหลบไปข้างหลังเจี่ยนเหยียน ซ้ำยังไพล่มืออีกข้างไปด้านหลังด้วย
เมื่ออู๋จิ้งเซวียนมองเห็นมืออีกข้างของสวีเมี่ยวจิ่นที่ยังจับมือเจี่ยนเหยียนไว้แน่น รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างไปเล็กน้อย
เจี่ยนเหยียนทอดถอนใจ ไพล่คิดถึงว่าวันนี้ก่อนออกมานางไม่ได้ดูวันที่ให้จริงๆ แค่ไม่ทันระวังก็มาเจอฉากต่อสู้ประหนึ่งอยู่ในตำหนักในเช่นนี้เข้า
“พี่เซวียน” ถึงอย่างไรทุกคนก็พักอยู่ในจวนเดียวกัน ปกติก็เคยพบหน้ากันหลายครั้ง หากให้เรียก ‘คุณหนูอู๋’ ต่อไปก็จะฟังดูไม่เหมาะสม ดังนั้นเจี่ยนเหยียนจึงเป็นฝ่ายคารวะให้อู๋จิ้งเซวียนพร้อมเอ่ยเรียกนางก่อน จากนั้นก็หันไปคารวะให้สวีเมี่ยวหวาพร้อมเรียกว่า “พี่หวา” เช่นเดียวกัน สวีเมี่ยวหวาใกล้ถึงวัยปักปิ่น อายุมากกว่านางหนึ่งปี ตามหลักก็ควรจะเรียกว่า ‘พี่’ เช่นเดียวกัน
อู๋จิ้งเซวียนเองก็คารวะนางกลับพร้อมเรียกนางอย่างสนิทสนมว่า “น้องเหยียน” ทั้งยังถามว่านางกับสวีเมี่ยวจิ่นมาทำอะไรกันที่นี่ วันนี้ดอกท้อกำลังเบ่งบานงดงาม มาชมดอกท้อกันหรือ
ส่วนสวีเมี่ยวหวาเอาแต่ไม่สนใจนาง แค่เชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ท่าทางไม่สนแม้แต่จะเหลือบแลนาง
เจี่ยนเหยียนแค่ทำเป็นมองไม่เห็น บนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มน้อยๆ รับฟังอู๋จิ้งเซวียนเล่าให้นางฟังว่าดอกท้อของที่ใดเบ่งบานได้งดงามที่สุด
“ดอกท้อที่ริมสระน้ำฝั่งนั้นบานงดงามที่สุด!” อู๋จิ้งเซวียนหันกลับไปชี้ข้างหลังก่อนยิ้มเอ่ย “ข้ากับน้องหวาให้สาวใช้เด็ดมาเยอะมาก ตั้งใจว่ารอประเดี๋ยวจะส่งไปให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับน้องๆ แต่ละคนปักแจกัน บังเอิญได้มาเจอพวกเจ้าที่นี่พอดี น้องเหยียน เจ้ารีบมาเลือกไปสองกิ่งเร็วเข้า!” พร้อมกันนั้นยังก้มตัวยิ้มเอ่ยกับสวีเมี่ยวจิ่น “ประเดี๋ยวพี่เซวียนจะตามเจ้ากลับเรือนหนิงชุ่ย เลือกดอกท้อสองกิ่งที่บานสวยๆ มาปักแจกันให้เจ้าด้วยตนเอง ให้เจ้านำไปวางบนโต๊ะข้างหน้าต่างดีหรือไม่”
สวีเมี่ยวจิ่นเพียงยืนหลุบตาอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ตอบกลับ แต่มือข้างหนึ่งยังคงจับมือของเจี่ยนเหยียนแน่น
รอยยิ้มบนใบหน้าอู๋จิ้งเซวียนเริ่มรักษาไว้ไม่อยู่ แต่นางยังคงยิ้มบอกให้เจี่ยนเหยียนไปเลือกดอกท้อ
เจี่ยนเหยียนคิดแล้วสุดท้ายก็ยังยื่นมือไปเลือกดอกท้อมากิ่งหนึ่ง
อู๋จิ้งเซวียนเจอตะปูไม่แข็งไม่อ่อนอย่างสวีเมี่ยวจิ่นเข้าให้แล้ว หากตนเองยังเอ่ยปากปฏิเสธ ไม่แน่ว่าคุณหนูผู้นี้อาจโกรธตนเองขึ้นมาก็เป็นได้
หลังหยิบดอกท้อกิ่งหนึ่งมาไว้ในมือ นางก็ผงกศีรษะยิ้มเอ่ยกับอู๋จิ้งเซวียนว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะพี่เซวียน”
ตอนนั้นเองอู๋จิ้งเซวียนก็หันไปเรียกสวีเมี่ยวหวาต่อ “น้องหวา ในเมื่อพวกเราได้เจอจิ่นเอ๋อร์ที่นี่ เช่นนั้นก็ไปนั่งเล่นที่เรือนหนิงชุ่ยของจิ่นเอ๋อร์ด้วยกันเถอะ”
อู๋จิ้งเซวียนเพิ่งจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา เจี่ยนเหยียนก็สัมผัสได้ทันทีว่าสวีเมี่ยวจิ่นกระชับมือนางแน่นขึ้น
ก็สมควรอยู่หรอก ว่าไปแล้วสวีเมี่ยวจิ่นต่างหากถึงจะเป็นเจ้าของเรือนหนิงชุ่ย เหตุใดอู๋จิ้งเซวียนจึงเชิญคนไปที่เรือนหนิงชุ่ยโดยไม่ถามเจ้าของสักคำ ทว่ากลับตัดสินใจเอาเอง นี่มิใช่เป็นเหมือนที่สวีเมี่ยวจิ่นบอกหรือ หลอกนางเหมือนนางเป็นเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าเรื่องระหว่างพวกนางพี่น้องเจี่ยนเหยียนไม่คิดสอดมือเข้ายุ่ง มิหนำซ้ำฟังจากคำพูดของอู๋จิ้งเซวียนเมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะเชิญตนไปที่เรือนหนิงชุ่ยด้วยกันสักนิด ดังนั้นตนคิดว่าบอกลาพวกนางแล้วจากไปจะดีกว่า
เจี่ยนเหยียนกำลังจะเอ่ยปากบอกลาพวกนาง แต่สวีเมี่ยวจิ่นกลับกระตุกมือนางกะทันหัน นางจึงก้มหน้ามอง เห็นแค่ว่าสวีเมี่ยวจิ่นเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่โตจับจ้องมาที่นาง
จากนั้นนางก็ได้ยินสวีเมี่ยวจิ่นหันไปเอ่ยกับอู๋จิ้งเซวียนอย่างหนักแน่นว่า “พี่เหยียนก็จะไปด้วยกัน”
เจี่ยนเหยียนพูดอะไรไม่ออก จะถามความเห็นกันก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ คุณหนู
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.