บทที่ 6
ชายาคังอ๋องที่เพิ่งแต่งเข้ามาสามารถสั่งการได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว ประกอบกับมีผู้ดูแลที่ติดตามมาจากบ้านเดิมคอยทำหน้าที่ผู้ช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ห้องหอที่ตบแต่งอย่างเป็นสิริมงคล แต่ถูกป่วนจนยุ่งไปรอบหนึ่งก็ได้รับการเก็บกวาดอย่างมีระเบียบ และกลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม
หลันกูกูนำสาวใช้ทุกคนออกจากห้อง และปิดประตูตามหลังให้อย่างเอาใจใส่
เวลานี้มู่ไคเวยถอดชุดแต่งงานสีแดงออกจากตัวและปลดมงกุฎไข่มุกลงจากศีรษะแล้ว
ข้างห้องนอนมีห้องชำระกายที่ใช้สำหรับอาบน้ำจึงมีน้ำร้อนสะอาดเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา หญิงสาวไม่ได้ให้ใครมาปรนนิบัติ นางเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องชำระกายด้วยตัวเอง ตอนมู่ไคเวยกลับออกมาในชุดอยู่บ้านแบบเรียบง่ายสวมสบาย ฟู่จิ่นซียังนั่งอยู่บนเตียง แต่ถอดชุดเจ้าบ่าวสีแดงออกแล้ว
“ท่านอ๋องเพิ่งไอ ในเมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จ ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้ว เหตุใดยังไม่นอนอีก” เมื่อครู่ มู่ไคเวยช่วยลูบหลังให้ชายหนุ่มจนรู้สึกสบายขึ้น โชคดีที่เขาไอไม่นาน หาไม่นางก็คิดจะให้ผู้ดูแลไปตามหมอในงานเลี้ยงมา เนื่องจากหมอในสำนักแพทย์หลวงทุกคนต่างมาร่วมงานแต่งงานของคังอ๋องกันหมด
หญิงสาวรวบผมที่ปลายชื้นเล็กน้อยอย่างง่ายๆ แล้วเดินมาที่เตียง “เหนื่อยแล้วก็นอนสักครู่ เดี๋ยวพอเขายกอาหารเย็นมาให้ ข้าจะปลุกท่านขึ้นมากิน” น้ำเสียงของมู่ไคเวยอ่อนโยน บนใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ คล้ายกำลังพูดคุยอยู่กับสหาย มากกว่าจะเห็นบุรุษตรงหน้าเป็นสามีที่เพิ่งจะแต่งงานกันวันนี้
แต่อีกคนกลับทำเฉยไม่ได้ แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดมาก แต่ความรู้สึกในใจกลับรุนแรงยิ่ง
คิดแล้ว ใบหน้าของฟู่จิ่นซีพลันแดงก่ำ ชายาของเขาไม่กลัว ไม่ทน และไม่หนีพวกพระญาติหญิงที่กลั่นแกล้งเขาซึ่งร่างกายอ่อนแอ และการที่องค์ชายห้าหลีอ๋องเมาแล้วบุกเข้าห้องหอก็เป็นโอกาสอันดีที่จะให้นางได้แสดงฝีมือสะสางทุกอย่างอย่างเปิดเผยตามแบบของหน่วยประตูหกบาน แม้หญิงสาวจะลาออกจากกลุ่มสี่ปักษีแล้วแต่ยังคงมีอำนาจบารมีเต็มเปี่ยม
ความรู้สึกที่ได้รับการดูแลจากคนที่เรามีใจให้เป็นเช่นนี้ มันรู้สึกอบอุ่นในอก และดีใจจนอยากจะยกมือขึ้นเกาหูเกาแก้ม
“ข้า…ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า” ฟู่จิ่นซีขยับตัวเพื่อให้ข้างๆ มีที่ว่าง
มู่ไคเวยจึงนั่งลงอย่างไม่คิดมาก “เพคะ”
นางถือโอกาสหยิบผ้าห่มมาคลี่ห่อร่างบุรุษตัวผอมบางจนเหลือแต่หน้าโผล่ออกมาอย่างเดียว “เอาล่ะ เช่นนี้ดีขึ้นเยอะ เชิญท่านอ๋องว่ามาได้เลย”
หัวใจของฟู่จิ่นซีเต้นกระหน่ำรัวแรง เขาต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอกว่าจะหาวิธีพูดได้