เรือนที่เนี่ยหยวนหวาพักตั้งอยู่ในลานสวน มีประตูเข้าออกทางเดียว ปกติไม่ค่อยมีใครมาเยือนจึงเงียบสงบอย่างมาก
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น สาวใช้จึงแง้มประตูถามถึงผู้มา จากนั้นเข้าไปแจ้งให้ผู้เป็นนายทราบ เวลาผ่านไปพักใหญ่ค่อยมาเปิดประตู เชื้อเชิญให้เนี่ยฮูหยินกับเนี่ยชิงหลวนเข้ามา
ว่าไปแล้วก็ล้วนอยู่ในจวนเดียวกัน อีกทั้งพวกนางก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ทว่าเรือนของเนี่ยหยวนหวาแห่งนี้ นับตั้งแต่จำความได้ เนี่ยชิงหลวนกลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว
ไม่ต่างจากเนี่ยฮูหยินที่มาเยือนเรือนแห่งนี้แทบจะนับครั้งได้
สองแม่ลูกเดินตามสาวใช้ของเนี่ยหยวนหวาเข้าไปในเรือน หันมองรอบๆ จึงเห็นว่าภายในปลูกต้นไม้ไว้ดูเขียวชอุ่ม พืชพรรณไม้ดอกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
พอเข้าไปถึงห้องโถงหลัก สาวใช้ก็เดินเข้าไปรายงานในห้องด้านในว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินกับคุณหนูรองมาแล้วเจ้าค่ะ”
พูดจบก็ถอยออกมา ก้มหน้านิ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
ชิ เนี่ยชิงหลวนแอบสบถในใจ ไม่เสียแรงที่กำลังจะได้เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน รู้จักกวดขันดูแลคนของตนเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ดีนี่
ผ่านไปพักใหญ่หลังสาวใช้เข้าไปรายงาน นานเสียจนเนี่ยชิงหลวนเกือบจะหันหลังเดินกลับอยู่รอมร่อ ในที่สุดก็มีเสียงป้ายหยกห้อยเอวกระทบกันดังมาจากด้านใน
ทันใดนั้นก็เห็นร่างของสาวงามออกมาจากด้านหลังฉากกั้นระหว่างห้องด้านในกับห้องโถงหลัก
แม้จะบอกว่าเนี่ยชิงหลวนไม่ชอบพอเนี่ยหยวนหวาเพียงใด แต่ก็จำต้องยอมรับว่าเนี่ยหยวนหวามีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าสาวงามบนภาพวาดประดับฉากกั้นบานนั้นเสียอีก
ไม่เพียงมีคิ้วเรียวยาว นัยน์ตางามดุจหงส์ รูปโฉมของนางยังเรียกได้ว่างดงามอย่างที่สุด ส่วนใดควรอวบอิ่ม ส่วนใดควรคอดกิ่วก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีสักแห่งที่ดูไม่พอเหมาะพอควร
เพียงแต่ระหว่างดวงตาทั้งสองข้างออกจะชิดกว่าคนทั่วไปบ้าง แววตาก็มักแฝงด้วยความเกรี้ยวกราดและเย็นชามากพอๆ กัน อาจทำให้คนมองรู้สึกเหมือนดวงตาคู่นั้นเผยแววหยามหมิ่นผู้คนอยู่เป็นนิจ
เนี่ยชิงหลวนเองยังอดทอดถอนใจมิได้ เนี่ยหยวนหวามีรูปโฉมเช่นนี้ นับว่ามีลักษณะของผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้าโดยแท้จริง
หลังเนี่ยหยวนหวาเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นรูปสาวงามก็ตรงไปยังที่นั่งของเจ้าบ้านกลางห้องโถงหลัก นางทรุดตัวลงนั่ง มิได้ออกปากเชื้อเชิญเนี่ยฮูหยินกับเนี่ยชิงหลวนให้นั่งตาม ทั้งมิได้สั่งสาวใช้ไปยกชามาให้ เพียงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “พวกเจ้ามาด้วยธุระอันใด”
ด้วยนิสัยของเนี่ยชิงหลวน นางคิดอยากลุกหนีไปเสียตั้งแต่ตอนที่เนี่ยหยวนหวาทำวางท่า ปล่อยให้พวกนางต้องรออยู่ข้างนอกถึงสองครั้งสองคราแล้ว ไหนเลยจะยอมให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถามร้ายๆ เช่นนี้
แต่เนี่ยฮูหยินมาในวันนี้เพราะต้องการจะประสานสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ดังนั้นต่อให้เวลานี้เนี่ยหยวนหวาแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร นางก็จำต้องอดกลั้นอยู่เงียบๆ
ไม่เพียงเท่านี้ ใบหน้าของเนี่ยฮูหยินยังประดับด้วยรอยยิ้มใจดี ทำท่าทีบอกให้ไห่ถังสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังถือกล่องบุผ้าไหมเข้ามา นางยิ้มพลางเอ่ย “พอทราบว่าคุณหนูใหญ่ได้รับเลือกให้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ข้ากับหลวนเอ๋อร์ก็ยินดียิ่งนัก หากแต่ไม่มีสิ่งของเลอเลิศอันใดจะมอบให้ มีเพียงเครื่องประดับทำจากทับทิมเลี่ยมทองชิ้นนี้ ว่าไปแล้วนี่เป็นสินเดิมที่มารดาข้ามอบให้ในกาลก่อน หวังว่าจะไม่รังเกียจและรับไว้”
ว่าแล้วนางก็พยักพเยิดบอกให้ไห่ถังเปิดกล่องดังกล่าวออก
ในอดีตครอบครัวฝ่ายมารดาของเนี่ยฮูหยินเคยได้กินตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งระดับเสนาบดีกรมพิธีการมาก่อน สินเดิมที่ฮูหยินของท่านเสนาบดีกรมพิธีการมอบให้บุตรีย่อมมิใช่สิ่งด้อยค่า
แต่เนี่ยหยวนหวาเพียงกวาดตามองเครื่องประดับศีรษะทับทิมเลี่ยมทองในกล่องใบนั้นอย่างมิได้ใส่ใจ นางถอนสายตากลับมา แล้วสั่งสาวใช้ผู้สวมชุดกระโปรงสีเขียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “ชุ่ยหลิ่ว ไปรับกล่องมาที”