ชุ่ยหลิ่วขานรับคำสั่งแล้วเดินไปหยิบกล่องที่ว่ามาจากมือของไห่ถัง
นางใช้สองมือประคองกล่องผ้าไหมใบนั้นขึ้นชูเบื้องหน้าเนี่ยหยวนหวา แต่คราวนี้เนี่ยหยวนหวากลับไม่แม้แต่จะเหลือบมอง “ชุ่ยหลิ่ว เครื่องประดับทับทิมเลี่ยมทองชิ้นนี้ ข้าขอยกให้เจ้า”
สีหน้าชุ่ยหลิ่วเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ชั่วขณะหนึ่งถึงกับไม่รู้ว่าควรจะออกปากขอบคุณที่คุณหนูยกสิ่งนี้ให้ หรือควรบอกไปว่าบ่าวไม่กล้ารับของขวัญที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้ดี
หากแต่ฝ่ายเนี่ยฮูหยินถึงกับหน้าม้าน
เครื่องประดับทับทิมชิ้นนี้ปกตินางแทบไม่กล้าสวม คราวนี้อุตส่าห์ค้นออกมา แม้เป็นของรักของหวงก็ยังนำมามอบให้เนี่ยหยวนหวา เดิมทีคิดอยากแสดงความยินดีที่เนี่ยหยวนหวาได้รับเลือกให้เป็นพระชายา คาดมิถึงว่านอกจากเนี่ยหยวนหวาจะไม่แสดงความซาบซึ้งใจต่อของขวัญที่มอบให้ ยังถึงกับยกของชิ้นนี้ให้แก่สาวใช้ต่อหน้านางอีกด้วย
เนี่ยฮูหยินหวนนึกถึงคำพูดของเนี่ยชิงหลวนก่อนหน้านี้ที่ว่า ‘ไม่เพียงนางไม่รับน้ำใจ ไม่แน่ว่ายังอาจจะพูดจาให้ได้อับอายต่อหน้าอีก’
คราวนี้ถึงมิได้พูดจาให้อับอายโดยตรง แต่การกระทำก็บ่งบอกอย่างหมดเปลือกว่ามิได้ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับเนี่ยหยวนหวาแล้ว นางยังหยามหน้าไม่สาแก่ใจ จึงพูดต่อว่า “อะไรกัน ชุ่ยหลิ่ว เจ้าไม่ชอบเครื่องประดับชิ้นนี้หรือ เอาเถอะ เช่นนั้นก็เอาไปให้เจ้าสิงโตหิมะเล่นก็แล้วกัน เจ้าสิงโตหิมะชอบเล่นของแวววาวเช่นนี้ล่ะ”
เจ้าสิงโตหิมะคือแมวที่เนี่ยหยวนหวาเลี้ยงไว้ มีขนสีขาวปกคลุมทั่วร่าง มองดูจากที่ไกลๆ เหมือนก้อนหิมะอย่างไรอย่างนั้น
คำพูดของนางบ่งบอกชัดเจนว่า ‘เครื่องประดับที่เจ้ามอบให้ ข้าไม่แม้แต่จะชายตาแล แม้แต่สาวใช้ข้าก็ยังไม่แยแส คู่ควรเอาไว้ให้แมวที่ข้าเลี้ยงเขี่ยเล่นก็เท่านั้น’
ครั้งนี้เนี่ยฮูหยินไม่อาจฝืนยิ้มได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนทันที แม้จะไม่ชอบใจเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าชักสีหน้า
สมกับที่เขาว่ากันว่าตำแหน่งใหญ่ใช้ข่มเหงคน บัดนี้เนี่ยหยวนหวาเป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทที่ฝ่าบาททรงเลือกด้วยพระองค์เอง อีกไม่กี่วันก็จะถูกส่งไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักบูรพาแล้ว นางผู้เป็นเพียงฮูหยินของท่านโหว ไหนเลยจะกล้าพูดจาอะไรต่อหน้าว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท
ดังนั้นเนี่ยฮูหยินยืนอย่างอึดอัดใจได้เพียงครู่หนึ่งก็จำต้องบอกลาด้วยสีหน้าอดสูใจ
เนี่ยหยวนหวาไม่แยแสนาง ทั้งไม่ได้บอกให้สาวใช้ออกไปส่งแขก มีเพียงสีหน้าราวกับว่า ‘เจ้าอยากไปก็ไปเถิด คุณหนูอย่างข้าไม่มีเวลามาพูดคุยไร้สาระกับเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’
เนี่ยฮูหยินจึงหันหลังเดินออกไป
เนี่ยชิงหลวนเองก็หันหลังทันควัน หมายเดินตามเนี่ยฮูหยินออกไปเช่นกัน
ตอนที่เนี่ยหยวนหวาแสดงท่าทางหยามหมิ่นเนี่ยฮูหยินทั้งทางตรงและทางอ้อม เนี่ยชิงหลวนก็กำหมัดแน่นทั้งสองข้างตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว อยากตวาดด่าเนี่ยหยวนหวาต่อหน้าแทบแย่ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมาที่นี่เนี่ยฮูหยินกำชับนักหนาว่า ‘บัดนี้เนี่ยหยวนหวาจะได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว ต่อไปอาจได้เป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะยั่วยุนางไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปเราสองคนแม่ลูกหรือแม้แต่น้องชายของเจ้า ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข’ ดังนั้นเนี่ยชิงหลวนจึงได้แต่พยายามสะกดกลั้นความโกรธแค้นไว้ในอก ไม่อาจแสดงออกมา
แต่เห็นได้ชัดว่าเนี่ยหยวนหวาไม่คิดจะปล่อยนางไปโดยง่าย
เนี่ยชิงหลวนเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเนี่ยหยวนหวาก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“น้องสาวหยุดก่อน พี่ยังมีอะไรอยากจะพูดด้วยสักหน่อย”
แผ่นหลังเนี่ยชิงหลวนถึงกับเกร็งอยู่พักหนึ่ง นางหันกลับมามองเนี่ยหยวนหวา แล้วถามด้วยสีหน้าฝืนยิ้ม “ไม่ทราบว่าพี่สาวมีอะไรจะบอกน้องหรือ”
อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ให้เนี่ยหยวนหวาจับพิรุธนางจากสีหน้าได้
แต่เนี่ยหยวนหวากลับทำท่าบอกให้ชุ่ยหลิ่วเชิญเนี่ยฮูหยินออกจากเรือน ก่อนสั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกจากห้องแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ค่อยๆ เดินเข้าหาเนี่ยชิงหลวนช้าๆ ทีละก้าว
เนี่ยชิงหลวนยืดตัวตรงตามสัญชาตญาณในทันที