แต่ชั่วอึดใจถัดมานางเห็นแสงเงาวาบขึ้นต่อหน้า มีบางสิ่งที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งจ่ออยู่ตรงลำคอ
รอจนรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นคือมีดสั้นเล่มหนึ่ง สองขาของเนี่ยชิงหลวนก็อ่อนยวบทันที
“ท่าน…ท่านผู้กล้า” ฟันบนล่างของเนี่ยชิงหลวนกระทบกันดังกึกๆ ส่วนน้อยเพราะความหนาว แต่ส่วนมากแล้วเพราะความตกใจกลัว “ไว้ชีวิตด้วย ข้า ข้าแค่จะมาหยิบผ้านวมสักผืนเท่านั้น ขออภัยที่รบกวนการนอนของท่าน”
นางไม่รู้ว่าจั่วหลิงตื่นตั้งแต่เมื่อไร และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาลุกขึ้นมานั่ง ทั้งยังฉวยเอามีดสั้นมาจ่อคอของนางได้อีก
ตอนนี้เนี่ยชิงหลวนยืนอยู่ตรงหัวเตียง ค้างอยู่ในท่าโน้มตัวเอื้อมมือไปจะหยิบผ้าห่ม ส่วนจั่วหลิงหยัดตัวขึ้นนั่ง เตียงหลังใหญ่เช่นนี้ แต่ทั้งสองกลับอยู่ใกล้กันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ใกล้เสียเนี่ยชิงหลวนได้เห็นใบหน้าของจั่วหลิงอย่างชัดเจน
ไม่เห็นจะดำมะเมื่อมจนดูอัปลักษณ์ราวกับอสูรร้ายอย่างที่เขาว่ากัน แต่กลับมีใบหน้าขาวผ่อง หน้าตาหล่อเหลาเสียจนไม่อาจเหลียวมองไปทางอื่น
เพียงแต่สีหน้านั้นเย็นชาอย่างร้ายกาจ เฉกเช่นเดียวกับกระบี่ที่ส่งประกายเยือกเย็น เผยคมอันวาววับออกมาจนใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้
ในห้วงเวลาแห่งความเป็นความตาย อย่างไรเนี่ยชิงหลวนก็ไม่หลงรูปโฉมจนหลงผิดไปเสียก่อน
นางยิ้มแย้มใสซื่อไร้พิษสง แสดงให้เห็นว่าตนไม่มีเจตนาร้าย “ท่านแม่ทัพ มืดเช่นนี้อาจพลั้งมือกันได้ง่ายๆ ท่านช่วยเก็บมีดสั้นเล่มนี้ก่อนได้หรือไม่”
จั่วหลิงกวาดตามองนางอย่างเย็นชา เพียงพลิกมือเนี่ยชิงหลวนก็รู้สึกว่าความเย็นยะเยือกที่ลำคอได้หายวับไปแล้ว
แต่สองขาก็ยังอ่อนระทวย แทบหมดเรี่ยวแรงลากผ้าห่มทั้งสองผืนนั้นออกมา
อีกอย่างหลังผ่านเรื่องเมื่อครู่ เนี่ยชิงหลวนก็ไม่กล้าจะอยู่ร่วมห้องกับจั่วหลิงแล้วจริงๆ
ใครจะรู้ ปีศาจร้ายตนนี้อาจมีนิสัยชอบละเมอลุกขึ้นมาฆ่าคนก็เป็นได้
ดังนั้นเนี่ยชิงหลวนจึงคิดว่าเอาเถอะ หิมะตกเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะทำอะไรได้ แต่ถึงเขาจะวางมีดลงแล้ว นางก็ยังอยากจะออกไปจากห้องนี้อยู่ดี
ทว่านางเพิ่งจะขยับเท้าได้เพียงก้าวเดียว จู่ๆ จั่วหลิงก็พลิกร่างลงมาจากเตียง
เนี่ยชิงหลวนประหลาดใจยิ่ง รีบถอยหลบไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าซีดขาวราวกับหิมะ
แต่จั่วหลิงไม่แม้แต่จะหันมามองนาง เขาเดินตรงไปยังหน้าประตู เปิดออกแล้วเดินจากไป
เนี่ยชิงหลวนชะงักงันในทันใด
เขาคิดจะทำอะไรอีก
แต่ในเมื่อปีศาจร้ายไปแล้ว ใจที่เต้นระส่ำของเนี่ยชิงหลวนจึงค่อยสงบลงได้