สาวใช้นามว่า ‘ผีผา’ ผู้นี้ติดสอยห้อยตามเนี่ยชิงหลวนมาตั้งแต่อายุได้เพียงห้าขวบ จะเรื่องสามทรรศนะหรือคุณธรรมความดีล้วนถูกนางกล่อมเกลาจนบิดเบี้ยวไปเสียหมด ได้ยินนางพูดมาเช่นนี้ สาวใช้มิเพียงไม่รู้สึกถึงลับลมคมใน กลับกันยังพูดเสริมอย่างพอใจยิ่ง “นั่นสิเจ้าคะ คุณหนูของข้าเก่งกาจ ใครจะมางัดข้อกับคุณหนูข้าที่กระดูกแข็งถึงเพียงนี้ ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าก้อนหินด้วยซ้ำ แข็งแกร่งจนสุนัขไม่กล้ากัด ขืนมากัดคงฟันหักแน่”
เนี่ยชิงหลวนถึงกับเอ่ยคำใดไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าเป็นคำชม แต่เหตุใดฟังแล้วพิลึกชอบกลเล่า
เนี่ยฮูหยินมองดูสองนายบ่าวพูดจาหยอกล้อขำขันไม่เอาจริงเอาจังเช่นนี้ ก็รู้ว่าคงสอบถามความจริงจากปากเนี่ยชิงหลวนไม่ได้ ตอนนี้จึงยอมเลิกราไปก่อน ไม่ซักไซ้ไล่เลียงต่อ
เด็กผู้นี้ก็เหลือเกิน ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็รู้สึกว่าไม่สนิทสนมกัน ไม่ว่านางผู้เป็นมารดาจะทุ่มเทกายใจสักเท่าใด ลูกก็ยังวางตัวไม่ห่างเหินแต่ไม่สนิทสนมด้วย บางครั้งยังถึงกับคิดว่าชะรอยตนเองคงติดหนี้อันใดไว้กับลูกตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้ให้
เฮ้อ…สมแล้วที่เขาว่ามีรักย่อมมีทุกข์
เนี่ยฮูหยินพูดเตือนเนี่ยชิงหลวนอีกหลายประโยค จากนั้นก็จับมือไห่ถังประคองตัวเดินกลับไป
เนี่ยชิงหลวนเองก็พาผีผากลับไปยังเรือนของตนเองเช่นกัน
ดอกล่าเหมยสีเหลืองที่มุมกำแพงเพิ่งจะแย้มบานรับหิมะอยู่หยกๆ เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวกลิ่นอายแห่งวสันต์ก็เต็มเปี่ยมเมื่อดอกซิ่งสีชมพูระเรื่อเบ่งบานเต็มกิ่ง
เดือนสาม ห้วงยามที่วสันตฤดูกำลังเจิดจรัส เนี่ยหยวนหวาออกเรือนไปเป็นพระชายาองค์รัชทายาท
ตอนที่นางออกไปพ้นจวนโหว เนี่ยชิงหลวนรู้สึกได้ทันทีว่าท้องฟ้าดูกว้างไกล ทะเลแผ่ไพศาล พาให้สภาพจิตใจดีขึ้นมากทีเดียว
อย่างน้อยนับแต่นี้ไปนางก็ไม่ต้องกังวลว่าในอาหารที่กินจะมีสิ่งปลอมปน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีงูซ่อนอยู่ยามเลิกผ้าห่มเข้านอน หรือจะมีแมงป่องคลานออกมาจากใต้หมอน
แค่นึกถึงวันเวลาหลายปีที่ผ่านมา เนี่ยชิงหลวนก็รู้สึกว่านางอาจเขียนประวัติศาสตร์ที่อาบด้วยเลือดและน้ำตาออกมาได้ยาวเป็นเล่มทีเดียว
เรื่องเหล่านี้แต่ละตัวอักษรเขียนด้วยเลือดและน้ำตาอย่างแท้จริง นิยายปู้ปู้จิงซินมีเรื่องเช่นนี้หรือไม่เล่า
ยามเย็นวันที่เนี่ยหยวนหวาออกเรือนไป เนี่ยชิงหลวนกินข้าวอย่างตะกรุมตะกรามเข้าไปถึงสามชาม
ผีผาคอยดูอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง สุดท้ายอดไม่ได้ต้องออกปากเตือน “คุณหนู กินมากเช่นนี้ไม่กลัวท้องไส้จะระเบิดออกมาหรือเจ้าคะ”
เนี่ยชิงหลวนเคี้ยวตุ้ยๆ มิได้สำรวมกิริยาสักนิด “ข้าดีใจ กินมากหน่อยจะต้องกลัวอะไร”
“แต่เมื่อก่อนตอนที่คุณหนูเคยบอกว่าไม่ดีใจก็กินมากอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ไม่ดีใจก็กินมาก ดีใจก็ยังกินมาก โธ่ คุณหนู ถ้ากินเช่นนี้ต่อไป ช้าเร็วต้องกลายเป็นหมูแน่เจ้าค่ะ”
เนี่ยชิงหลวนรู้สึกอับจนคำพูด ได้แต่คิดว่าสาวใช้ผู้นี้ไม่รู้จักพูดจาดีๆ เลยจริงๆ