บทที่ 9
ในตอนแรกเนี่ยชิงหลวนจินตนาการภาพของเมืองหล่งไว้ในหัว ตกอยู่ในศึกสงครามติดต่อกันนานหลายปีถึงเพียงนั้น สภาพบ้านเมืองคงย่อยยับ ผู้คนอดอยากยากแค้น ทว่าหลังเข้าเมืองมานางก็พบว่าภาพที่ตนเองนึกไว้ค่อนข้างเกินจริงอยู่บ้าง
แม้เมืองหล่งจะไม่คึกคักเท่าเมืองหลวง แต่ก็มีร้านค้าตั้งเรียงรายแน่นขนัดตามสองข้างทาง ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ดูแล้วไม่แตกต่างจากเมืองอื่นทั่วไปนัก
หลังหัวหน้าขบวนเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมือง เขาก็เดินมาขอคำชี้แนะจากเนี่ยชิงหลวน
เนี่ยชิงหลวนย่อมไม่ได้สั่งการมากมาย เพียงให้หัวหน้าขบวนนำรถม้าของนางไปลานด้านหลังโรงเตี๊ยม จากนั้นค่อยลงจากรถม้าพร้อมผีผา
หิมะด้านนอกกำลังตกหนัก เนี่ยชิงหลวนดึงหมวกกันลมที่ติดกับเสื้อคลุมขึ้นมาสวม ยืนตรงใต้ชายคา รอหัวหน้าขบวนเดินเข้าไปเจรจากับเถ้าแก่โรงเตี๊ยม
พอเถ้าแก่รู้ว่าว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องมาเยือนก็รีบออกมาต้อนรับด้วยตนเอง จากนั้นสั่งให้เด็กรับใช้ไปปัดกวาดทำความสะอาดห้องพักแขกที่หรูหราที่สุด ทั้งยังสั่งพ่อครัวให้รีบทำอาหารมาสองสามอย่างหมายจะเลี้ยงต้อนรับ
เนี่ยชิงหลวนไม่ปฏิเสธ เพียงกำชับกับผีผาว่าจะต้องตกรางวัลให้เถ้าแก่มากหน่อย ไม่เช่นนั้นจะมีคนเอานางไปครหาลับหลังได้ว่ายังไม่ทันจะได้เป็นพระชายาจิ้นอ๋องอย่างเป็นทางการก็รู้จักวางท่าข่มเหงผู้คนเสียแล้ว
ผีผาขานรับคำสั่ง เนี่ยชิงหลวนจึงเรียกหัวหน้าขบวนให้มาหา
หลังหัวหน้าขบวนมาแล้วจึงสั่งการ รบกวนให้เขาช่วยส่งสินเดิมที่นางนำติดตัวมาไปยังจวนจิ้นอ๋อง
ผีผารู้สึกสงสัยจึงถาม “คุณหนู พวกเราเข้ามาพักในเมืองหล่งแล้ว จิ้นอ๋องไม่แม้แต่จะส่งใครมาต้อนรับเรา เดิมทีเขาก็ดูหมิ่นพวกเราอยู่แล้ว นี่ท่านยังจะให้หัวหน้าขบวนนำสินเดิมไปส่ง เขามิยิ่งดูหมิ่นเราหรือเจ้าคะ”
เนี่ยชิงหลวนถือเตาพก* ในมือ เดินเข้าไปสำรวจห้องพักแขกตรงหน้า
เครื่องเรือนทั้งหมดทำจากไม้ทั้งชิ้น โต๊ะเก้าอี้สะอาดเงาวับ ม่านมุ้งจัดวางอย่างดี ดูแล้วไม่เลวเลยทีเดียว
นางทำท่าบอกให้ผีผาไปเปิดหน้าต่าง มองดูหิมะโปรยปรายที่ด้านนอก จากนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ แต่ไหนแต่ไรมาในการแต่งงานล้วนต้องส่งสินเดิมเข้าบ้านไปก่อน เจ้าสาวจึงจะเข้าบ้านได้ นี่ก็คือหลักเหตุผลที่ว่า ‘สามทัพไม่เคลื่อนพล หากเสบียงกรังไม่คืบหน้า’ อย่างไรเล่า”
ผีผาทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ “คุณหนูแกล้งหลอกข้าเล่นกระมัง ตั้งแต่ข้าเริ่มติดตามคุณหนูตอนห้าขวบ ยามใดบ้างที่ได้เห็นคุณหนูทำตามธรรมเนียมกัน คำว่าธรรมเนียมนี้ท่านกลืนลงท้องเหมือนกินข้าวไปนานแล้วกระมัง”
เนี่ยชิงหลวนไม่โกรธที่นางแย้ง เพียงยิ้มให้แล้วบอกว่า “เจ้าก็พูดเองนี่ว่าจิ้นอ๋องไม่เห็นข้าสำคัญอะไร ทำราวกับไม่แยแสเรื่องที่เราเดินทางมาถึงสักนิด เช่นนั้นข้าก็ยิ่งต้องโผล่หน้าไปคอยวอแว เตือนให้เขารู้ว่าข้ามาแล้ว หากถึงวันที่สิบแปดเดือนเก้า เขาไปอ้างต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ว่างานราชการติดพัน ไม่รู้ว่าเรามาถึงเมืองหล่งแล้วจึงมาต้อนรับพวกเราไม่ได้ ถึงตอนนั้นพวกเราไม่ยิ่งเสียหน้าหรอกหรือ”