บทที่ 2-3 ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ
หลายวันมานี้ตอนที่นางขุดผักป่า ยังถือโอกาสขุดหาพวกสมุนไพรด้วย ครั้งอดีตยามที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่เคยสอนหลักวิชาแพทย์ให้นาง ดังนั้นนางจึงจดจำสมุนไพรที่พบเห็นได้ทั่วไปเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำยิ่ง นางนำสมุนไพรที่ขุดมาได้ไปแลกที่แผงขายสมุนไพรหน้าหมู่บ้านได้เงินมาสิบกว่าอีแปะท่านป้าที่รับซื้อสมุนไพรใจดียิ่ง ยังเอ่ยปากสัญญาว่าจะไม่บอกให้หวังเฉี่ยวรู้
ถึงแม้เงินเหล่านี้จะไม่มาก แต่ก็พอให้นางเอาไว้ใช้ฉุกเฉินได้ พอถึงตอนนั้นนางค่อยปลอมตัวเป็นขอทานน้อย หาวิธีเดินทางไปยังบ้านท่านยายที่หลิ่งหนาน…
หนทางเบื้องหน้าแสนเลือนราง สำหรับดรุณีน้อยอายุเท่านางแล้ว ดูเหมือนจะมองไม่เห็นแสงอรุณรุ่งใดๆ แต่ว่านางหาได้รู้สึกหวาดกลัวไม่
ชีวิตนางผ่านพ้นความทุกข์เข็ญที่บิดาถูกใส่ร้าย และผ่านการที่ถูกคนชั่วช้าพาไปขายมาแล้ว ดังนั้นต่อให้ขมขื่นแค่ไหนลำบากลำบนเพียงใด ก็เป็นเพียงเห็บเหาบนเสื้อผ้าสกปรกๆ เท่านั้น นางไม่สนใจหรอกว่าจะมีมากน้อยเท่าใด
ทว่าในขณะที่นางกำลังผ่าฟืนไปพลางครุ่นคิดเรื่องในใจของตนเองไปพลาง ก็รู้สึกเพียงว่าถูกผ้าอุดจมูกเอาไว้ ศีรษะเอียงไปอีกทาง ก่อนจะหมดสติรับรู้ไป…
เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งนางก็มาอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนโคลงเคลงคันหนึ่งเสียแล้ว ในตัวรถติดผนังด้วยผ้าแพรต่วนสีคราม ถึงแม้มิอาจเรียกได้ว่าเลอค่าสูงส่ง แต่ว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางใช้สิ่งนี้มาปิดผนังด้านในรถม้าแน่นอน
ส่วนนางก็เปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงสีขาวนวลสะอาดสะอ้าน อีกฝั่งของตัวรถมีหญิงชราใบหน้าบึ้งตึงผู้หนึ่งพร้อมด้วยสาวใช้น้อยที่ก้มหน้าหลุบตาต่ำคนหนึ่งกำลังนั่งพิงอยู่
เมื่อเห็นว่านางหนูฟื้นแล้ว หญิงชราผู้นั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักสีหน้าพูดว่า “ยินดีกับแม่นางด้วย โชคดีของเจ้ามาถึงแล้ว เพราะเจ้ารูปโฉมละม้ายคล้ายคลึงกับคุณหนูท่านหนึ่งที่จวนของข้า บังเอิญคุณหนูของข้าโชคร้ายเสียชีวิตไปแล้ว แต่ฮูหยินผู้เฒ่าที่บ้านกลับรักใคร่เอ็นดูนางยิ่งนัก หากล่วงรู้ข่าวร้ายของนางเมื่อใดจะต้องอายุขัยสั้นลงไปอีกเป็นแน่ ทุกคนในบ้านต่างก็เวทนา ดังนั้นจึงคิดหาวิธีออกมา ขอให้แม่นางช่วยปลอมตัวเป็นคุณหนูของข้าปิดบังเรื่องนี้กับท่านผู้เฒ่าด้วยเถิด ถือเสียว่าสร้างบุญสร้างกุศล”
หญิงชราผู้นี้คือจ้าวหมัวมัวซึ่งเป็นผู้อบรมกิริยามารยาทของซื่อจื่อจวนอ๋อง นางได้รับคำสั่งจากฉือหนิงอ๋องว่าจากนี้ต่อไปจะต้องคอยเฝ้าติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูตัวปลอมผู้นี้ จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดอันใดขึ้น
แน่นอนว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการที่จวนอ๋องและสกุลเซิ่งกำลังทำอยู่นี้ย่อมไม่จำเป็นต้องบอกนางหนูน้อยบ้านนอกคนหนึ่งให้มากความ บอกแค่สั้นๆ ง่ายๆ ว่านางมาประจบเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งให้มีความสุขก็พอแล้ว
นางหนูฟังแล้วก็ขมวดคิ้วเรียวน้อยๆ เอ่ยด้วยความสงสัยว่า “สกุลเซิ่งแห่งเมืองหลวง? คุณหนูคนใดของสกุลเซิ่งหรือ”
จ้าวหมัวมัวคิดว่านางเอ่ยถามได้โง่เขลายิ่ง ทำอย่างกับนางรู้จักคุณหนูสกุลเซิ่งอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ตอบเสียงแข็งกลับไปว่า “เซิ่งเซียงเฉียวบุตรสาวในภรรยาเอกของสกุลเซิ่ง”
นางหนูกะพริบตาปริบๆ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครา “เอ่อ…บ้านสามีของข้าตกลงแล้วหรือ”
จ้าวหมัวมัวยิ้มเย็นชาเล็กน้อย “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าวางใจไปกับพวกเราก็พอ”
พอนึกถึงสกุลเซวียที่โลภมากไม่รู้จักพอนั้น จ้าวหมัวมัวก็ยิ้มเย็นในใจ โชคดีที่ท่านอ๋องคิดการรอบคอบ กลัวว่าคุณชายสี่สกุลเฉิงอายุยังน้อยมีเมตตาปรานีมากเกินไป ดังนั้นจึงส่งคนสนิทจากจวนอ๋องไปจัดการอีกครั้ง