บทที่ 25-2 คาดคั้นเอาผิด
ตอนที่มาถึงหน้าประตูจวนสกุลเฉิง เสนาธิการหยวนก็ลงจากอาชามาเป็นคนแรก จากนั้นก็ตบบานประตูอย่างรุนแรง
ไม่รอให้คนเฝ้าประตูได้เปิดประตูออก เฉิงเทียนฟู่เองก็ลงมาจากหลังม้า เขาใช้ขายาวข้างหนึ่งเตะไปที่ประตูจนเปิดออกทันที หลังจากนั้นก็ตรงปรี่เข้าไปโดยไม่สนพวกบ่าวรับใช้ที่เข้ามาขัดขวางห้ามปราม
พอเถียนเพ่ยหรงผู้นั้นทราบข่าวก็รีบปั้นหน้าแย้มยิ้มเสแสร้งออกมาต้อนรับพลางเอ่ยถาม “เทียนฟู่ เหตุใดวันนี้ถึงมีเวลาว่างแวะมาได้เล่า ไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าสักคำ ข้าจะได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้ให้ โอ๊ย…”
ไม่รอให้เถียนเพ่ยหรงพูดจาตามมารยาทจบ นางก็ถูกเฉิงเทียนฟู่ผลักอย่างรุนแรงจนล้มคะมำลงกับพื้นอย่างทุลักทุเลยิ่งเสียก่อน
เฉิงเทียนฟู่ยื่นมือไปกระชากตัวหญิงชรารับใช้คนหนึ่งที่เขารู้จักเอาไว้ เปิดปากเอ่ยถามว่า “ตอนนี้หลานชายของสกุลเถียนผู้นั้นอยู่ที่ใด”
พอหญิงชรารับใช้ผู้นั้นเห็นว่าคุณชายสี่เอ่ยถาม ด้วยอารามตื่นตะลึงจึงพูดบอกไปด้วยความสัตย์จริง “คุณชายสกุลเถียนพักอยู่ในห้องพักแขกฝั่งตะวันออกเจ้าค่ะ คงจะยังไม่ตื่นนอน…”
ครั้นเฉิงเทียนฟู่ได้ยินก็พาคนเดินสาวเท้ายาวๆ ไปยังสวนดอกไม้ด้านหลังทันที
ทางฝั่งเถียนเต๋อซิวนั้นยามนี้กำลังได้ใจเป็นที่สุด
ถึงแม้นางหนูเฉิงเต๋อฉิงนั่นจะไม่หลงกล เขาล่อลวงอยู่หลายครั้งหลายคราล้วนไม่สำเร็จ แต่โชคดีที่ท่านป้าช่วยคิดแผนการดีๆ ให้ สกัดสาวใช้ประจำตัวของเฉิงเต๋อฉิงเอาไว้อย่างชาญฉลาดในจวนหย่งติ้งกั๋วกง ให้เขากับเฉิงเต๋อฉิงได้เจอหน้ากันตามลำพังในสวนดอกไม้ เมื่อเป็นฉะนี้ก็สามารถสร้างสถานการณ์ปลอมๆ เหมือนว่าชายหญิงกำลังลักลอบนัดพบกันขึ้นมาได้
แต่น่าชังนักที่นางเด็กนั่นกลับเป็นวรยุทธ์อยู่สองสามกระบวนท่า จึงไม่ได้ถูกเขากระชากเข้าไปในเรือน มิฉะนั้นแผนการก็คงยิ่งราบรื่นเห็นผลมากกว่านี้เป็นแน่
ตอนนี้ขอเพียงแค่เขากัดไม่ปล่อยว่านางเด็กเฉิงเต๋อฉิงนั่นเป็นคนเชื้อเชิญเขา เพื่อปกปิดข่าวคราวฉาวโฉ่ สกุลเซิ่งจะต้องยอมยกเฉิงเต๋อฉิงให้แต่งกับเขาแน่นอน เขาเพียงต้องรอให้ท่านลุงเขยเดินทางไปสู่ขอ กำหนดฤกษ์แต่งงานก็พอแล้ว
ในขณะที่เขากำลังลำพองใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของตนเองเปิดออกเสียงดัง จากนั้นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งก็พุ่งกระโจนเข้ามามองเขาแล้วเอ่ยถาม “เจ้าก็คือเถียนเต๋อซิว?”
เถียนเต๋อซิวยังตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ ปากเอ่ยขานตอบว่าอืมแล้วเอ่ย “เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้…”
ยังไม่ทันให้เขาพูดจบ คอเสื้อก็ถูกอีกฝ่ายกระชากหมับ ต่อมาร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ หลังจากเหวี่ยงครบหนึ่งรอบแล้วก็ถูกโยนใส่หน้าต่างทันที หน้าต่างบานนั้นถูกกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวคนก็ถูกโยนออกไปราวกับเป็นถุงเก่าขาดรุ่งริ่งเช่นกัน
กระทั่งร่วงหล่นลงกับพื้นอย่างอเนจอนาถ เถียนเต๋อซิวก็รู้สึกเจ็บปวดจนสติสัมปชัญญะพร่าเลือน ได้แต่ร้องโอดครวญ
หยวนกวงต๋าชักค้อนจินกวาคู่หนึ่งออกมาจากข้างเอว ตะโกนร้องเสียงดังหมายจะเข้าไปทุบเจ้าหนุ่มนั่นให้ศีรษะยุบ
ถึงแม้ค้อนนี้จะดูแล้วไม่ใหญ่ แต่ในสนามรบกลับเป็นอาวุธคมกริบที่สามารถทุบคนให้ตายคาที่ได้ หากคนโดนทุบใส่จุดสำคัญบนศีรษะเข้าถึงขั้นทำให้สมองไหลกระจัดกระจายได้ทีเดียว
เคราะห์ดีที่คนข้างกายได้รับคำกำชับสั่งจากท่านแม่ทัพน้อยตั้งแต่แรกแล้ว จึงรีบกอดเอวเสนาธิการเอาไว้ ไม่ให้เขาพุ่งเข้าไปสังหารคน
ขายาวของเฉิงเทียนฟู่พลันกระโดดพุ่งตัวออกไปจากหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย แล้วกระหน่ำเตะเข้าใส่ท้องของเถียนเต๋อซิว จากนั้นค่อยกระชากมวยผมของอีกฝ่ายขึ้นมา เปิดปากเอ่ยถามว่า “บอกมา! ใครบงการให้เจ้าปรักปรำเต๋อฉิง”
ในที่สุดเถียนเต๋อซิวก็ได้สติขึ้นมา ผู้มาเยือนคือเฉิงเทียนฟู่พี่ชายของเฉิงเต๋อฉิงมิใช่หรือ…เพียงแต่เมื่อก่อนตอนที่ตนเองเคยเห็นเขาในงานเลี้ยง รู้สึกว่าถึงแม้คนผู้นี้จะรูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับเป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุภาพมีมารยาทผู้หนึ่ง
ทว่าพอวันนี้กลับเห็นเฉิงเทียนฟู่พุ่งปรี่เข้ามาเช่นนี้ ทั้งเหวี่ยงทั้งต่อยตี แทบจะเรียกได้ว่าเหี้ยมโหดประหนึ่งราชสีห์ เสี้ยวพริบตาถัดมาพร้อมจะกินคนได้ทุกเมื่อ
ดูท่าเฉิงเทียนฟู่คงจะออกหน้าแทนน้องสาว เดินทางมาเพื่อคิดบัญชีแค้นกับตน