บทที่ 26-1 น้ำแกงบำรุง
เซิ่งเซียงหลันกลัวเกรงพี่สาวอยู่บ้าง ซ้ำตนเองก็เป็นฝ่ายผิด พอถูกนางตำหนิต่อว่าก็อัดอั้นโทสะเอาไว้เต็มท้อง สุดท้ายก็ระบายโทสะทั้งหมดลงกับเฉิงเต๋อฉิง ท้ายที่สุดสองพี่น้องทะเลาะกันจนบ้านแตก แม้แต่ตะกร้าใส่เข็มกับด้ายก็ถูกโยนกระจัดกระจายไปทั่ว
เรื่องที่เซิ่งเซียงหลันกับเฉิงเต๋อฉิงทะเลาะกันใหญ่โตรบกวนไปถึงหวังซื่อผู้เป็นมารดาเอก
แม้หวังซื่อจะพยายามปฏิบัติต่อลูกเลี้ยงทั้งสองของตนเองด้วยความเป็นกลาง แต่ในใจยังคงเอนเอียงไปหา ‘เซิ่งเซียงเฉียว’ มากกว่าเล็กน้อย
กอปรกับลูกทั้งสองของนางเองก็ยังเล็ก จะต้องแบ่งความสนใจส่วนใหญ่ไปดูแลพวกเขา ความสนใจที่สามารถแบ่งให้เซิ่งเซียงหลันได้จึงมีไม่มากจริงๆ
แต่พอได้ยินว่าเซิ่งเซียงหลันทะเลาะเบาะแว้งกับญาติผู้พี่เพราะเรื่องที่ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ในคำพูดคำจายังกล่าวโทษผู้หลักผู้ใหญ่ว่าไม่คิดเป็นห่วงเรื่องการหาคู่ครองของนาง หวังซื่อคิดว่าก็ไม่แปลกที่ลูกเลี้ยงจะไม่พอใจ จึงทบทวนตนเองอยู่พักหนึ่ง พบว่าไม่อาจปล่อยให้ ‘เซิ่งเซียงเฉียว’ กับเซิ่งเซียงหลันเสียเวลาต่อไปได้แล้วจริงๆ
ดังนั้นยามฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนหย่งติ้งกั๋วกงส่งเทียบเชิญมาให้อีกครั้ง หวังซื่อจึงตั้งใจเรียกให้ ‘เซิ่งเซียงเฉียว’ กับเซิ่งเซียงหลันสองพี่น้องติดตามนางไปเป็นแขกที่จวนกั๋วกงด้วยกันเป็นพิเศษ
ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนกั๋วกงชอบอกชอบใจนางหนูเซิ่งเซียงเฉียวผู้นี้อย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ
แม้นางจะสูญสิ้นบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเซิ่งจนรู้ขนบบรรลุมารยาทยิ่ง
ตอนอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่าในเมืองเยี่ยเฉิงเมื่อครั้งกระโน้น นางเองก็เห็นด้วยตาตนเองว่าแม่นางน้อยผู้นี้มิเพียงแต่วิชาแพทย์ล้ำเลิศ ทั้งยังกำกับดูแลในบ้านนอกบ้านได้อย่างเป็นระบบระเบียบ แม่นางน้อยที่ทั้งมีความสามารถทั้งฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ บัดนี้พบเจอได้ไม่มากแล้ว
ได้ยินว่ากิจการของญาติผู้พี่สกุลเฉิงผู้นั้นก็ฝากฝังให้นางช่วยดูแลแทนเช่นกัน สามปีมานี้ร้านรวงและที่นาล้วนดูแลได้เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่ง
ลองมองไปตามตระกูลใหญ่ๆ ทั่วทั้งเมืองหลวง คุณหนูที่รู้จักคุณค่าของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ รู้จักกำกับดูแลบ้านอย่างเซิ่งเซียงเฉียวจะมีสักกี่คนกันเชียว แต่งหญิงสาวเช่นนี้เข้าจวนถึงจะช่วยแบ่งเบาทั้งแรงกายและแรงใจ
ตอนนี้เจ้าห้ายังไม่มีคู่ครอง ตามความคิดของนาง ถ้าได้แต่งคุณหนูสกุลเซิ่งผู้นี้เป็นภรรยาก็ดีเหมือนกัน
ดังนั้นหลายครั้งที่ผ่านมานี้ฮูหยินผู้เฒ่าจวนกั๋วกงจึงล้วนเจาะจงเชิญเซิ่งเซียงเฉียวให้มาเยือนที่จวน หวังว่านางกับเจ้าห้าจะได้ดูตัวกันสักเล็กน้อย ถ้าเด็กทั้งสองถูกตาต้องใจกันและกัน เรื่องที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้อาวุโสปรึกษาหารือกัน
ทว่านี่เป็นแค่ความประสงค์ของฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น ทางฝั่งฮูหยินกั๋วกงซึ่งเป็นลูกสะใภ้กลับมีความคิดอีกแบบหนึ่ง
ฮูหยินกั๋วกงไม่เหมือนกับรุ่นของฮูหยินผู้เฒ่าที่เคยดำนาปลูกข้าวร่วมกับฮ่องเต้องค์ก่อน เลยคิดแต่เรื่องกำกับดูแลตระกูลเป็นหลัก นางถูกประคบประหงมเลี้ยงดูอย่างสุขสบายมาตั้งแต่เยาว์วัย คิดว่าการกำกับดูแลบ้านนั้นแค่หาพ่อบ้านหรือบ่าวรับใช้ที่เป็นงานเป็นการมาสักคนแล้วสั่งการทุกอย่างลงไปก็พอแล้ว
การแต่งงานของบุตรธิดาต้องให้ความสำคัญกับการมีฐานะเหมาะสมคู่ควรกัน มีแรงสนับสนุนใต้เท้ากั๋วกงให้ราชสำนักให้มากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
จริงอยู่ที่คุณหนูสกุลเซิ่งผู้นี้คล่องแคล่วเก่งกาจ รูปโฉมก็สะสวยงดงาม แต่ว่าสกุลเซิ่งไม่มีแนวโน้มใดๆ ว่าจะผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่ มีแต่จะตกต่ำลงเหมือนกับตระกูลในเมืองหลวงที่ค่อยๆ ล่มจมเหล่านั้น
นอกจากนั้นนางยังได้ยินมาว่าซื่อจื่อแห่งจวนฉือหนิงอ๋องดูเหมือนจะยังไม่ยอมถอดใจ คอยเอาแต่ส่งจดหมายไปหาคุณหนูสกุลเซิ่งผู้นั้นอยู่เรื่อย นี่เห็นได้ว่ายังคงเหลือเยื่อใยต่ออีกฝ่ายอย่างชัดเจน