บทที่ 26-2 น้ำแกงบำรุง
หลังกลับมาจากจวนกั๋วกง เซิ่งเซียงหลันก็ไม่หลงทิศหลงทางอีกต่อไป เริ่มโผล่ไปที่ห้องครัวเล็กอย่างขยันขันแข็ง รับหน้าที่ตุ๋นน้ำแกงบำรุงจากยาสมุนไพรให้ญาติผู้พี่มาทำเอง
หลายวันมานี้นางเองก็เห็นแล้ว เพราะท่านพี่เชี่ยวชาญศาสตร์การปรุงยา จึงมักจะให้ห้องครัวตุ๋นน้ำแกงให้พวกท่านย่า มารดาเอก ท่านอาหญิง และญาติผู้พี่
ของท่านย่าย่อมเป็นน้ำแกงจำพวกช่วยให้ชุ่มปอด จิตใจสดชื่นบำรุงสายตา ของมารดาเอกกับท่านอาหญิงเป็นน้ำแกงช่วยการไหลเวียนโลหิตบำรุงรูปโฉม ส่วนของญาติผู้พี่ก็เป็นจำพวกบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า บำรุงสุขภาพเสริมสร้างพละกำลัง
เซิ่งเซียงหลันต้องยอมรับว่าในด้านการประจบเอาใจคนนั้น นับวันฝีมือของพี่สาวก็ยิ่งล้ำลึกขึ้นทุกที ประจบได้อย่างรอบด้านไม่มีตกหล่น
เรื่องอย่างการตุ๋นน้ำแกงให้เช่นนี้ทั้งไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมาย ทั้งยังละเอียดอ่อนเอาใจใส่และได้หน้า
ดังนั้นนางจึงรับหน้าที่ตุ๋นน้ำแกงให้ญาติผู้พี่มาทำต่อทันที นางตุ๋นน้ำแกงอย่างพิถีพิถันตามตำราแพทย์ซึ่งว่าด้วยการบำรุงความอบอุ่นแก่ร่างกายมาหนึ่งหม้อ จากนั้นก็ยกไปไว้ตรงหน้าญาติผู้พี่
แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่นางอุตส่าห์ยกน้ำแกงเข้าไปในห้องหนังสืออย่างกระตือรือร้น ญาติผู้พี่กลับไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ แค่ได้กลิ่นยาสมุนไพรในน้ำแกงของนางก็ย่นคิ้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ชอบกลิ่นนี้ ญาติผู้น้องเอาไปดื่มเองเถิด”
รอยยิ้มของเซิ่งเซียงหลันค้างแข็งอยู่บนใบหน้า นางสงสัยว่าญาติผู้พี่กำลังโทษที่ช่วงก่อนหน้านี้นางเมินเฉยละเลยใส่เขา ถึงได้จงใจพูดเช่นนี้
นางเคยเห็นกับตาตนเองชัดๆ ว่าไม่ว่าเซิ่งเซียงเฉียวผู้เป็นพี่สาวจะยกน้ำแกงที่มีกลิ่นยาสมุนไพรอันใดมา ญาติผู้พี่ก็ยกดื่มจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวโดยไม่ต้องใช้ช้อนด้วยซ้ำ
เซิ่งเซียงหลันอิจฉาริษยาขึ้นมาทันที เอ่ยถามญาติผู้พี่ออกไปตรงๆ ว่าเขามีปัญหาอันใดกับนางหรือไม่ เหตุใดถึงดื่มแต่น้ำแกงของเซิ่งเซียงเฉียวแต่กลับไม่ยอมดื่มน้ำแกงของนางเล่า
เฉิงเทียนฟู่ขมวดคิ้วมองดูญาติผู้น้องเซิ่งเซียงหลันที่สะอื้นไห้ปานดอกสาลี่ต้องสายฝน พลันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าใดว่านางน้อยอกน้อยใจอันใดของนางกัน
ในขณะที่เซิ่งเซียงหลันร่ำไห้ต่อว่าต่อขานญาติผู้พี่อยู่ในห้องหนังสือนั้น เซิ่งกุ้ยเหนียงก็กำลังจะเข้ามาพูดคุยกับบุตรชายในห้องหนังสือพอดี ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในห้องก็เผลอไปได้ยินเข้าเต็มสองหูเสียก่อน
นางหยุดฝีเท้าลงโดยพลัน ทว่าในใจกลับระเบิดตูมออกมาทันใด
ถึงแม้ในเรื่องอื่นๆ เซิ่งกุ้ยเหนียงจะลังเลตัดสินใจไม่เด็ดขาด แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีวัยกลางคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว เรื่องระหว่างชายหญิงพรรค์นี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น
น้ำเสียงคับอกคับใจของหลานสาวนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังกล่าวโทษที่ญาติผู้พี่ไม่ให้ความสำคัญกับนาง ถึงกับริษยาหึงหวงผู้อื่นอีกด้วย!
นี่ทำให้ในใจของเซิ่งกุ้ยเหนียงพลันตื่นตระหนก ตระหนักขึ้นมาได้โดยฉับพลันว่าพวกเด็กๆ เติบใหญ่แล้วจริงๆ ควรจะรักษาระยะห่างต่อกันได้แล้ว!
ถ้าหากเซิ่งเซียงหลันแอบหลงใหลได้ปลื้มบุตรชายจนก่อเรื่องเหม็นคาวฉาวโฉ่อันใดออกมาอีก จวนหลังนี้คงจะไม่มีทางอยู่อย่างสงบได้อีกแล้ว
นางมีบุตรชายเพียงแค่คนเดียวนะ! เฉิงเทียนฟู่อนาคตกำลังสดใส หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล การจะเลือกภรรยาให้เขาต้องรอบคอบแล้วรอบคอบอีก อาจไม่ต้องเลือกสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลมีชื่อเสียง แต่อย่างน้อยก็ต้องช่วยเหลือค้ำจุนหน้าที่การงานของบุตรชายได้
ส่วนหลานสาวอย่างเซิ่งเซียงหลันซึ่งมีฐานะเป็นเพียงบุตรสาวอนุภรรยา หากพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ต่อให้เอามาเป็นอนุภรรยาของบุตรชาย…นางก็ไม่คู่ควร ด้วยนิสัยมองโลกตื้นเขินของนาง ต่อไปจะไม่ก่อความวุ่นวายในเรือนหลังบ้านของบุตรชายจนพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเลยหรือ