แม้ว่านางหนูนี่จะมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของท่านลุง แต่กลับสืบทอดธรรมเนียมความประหยัดมัธยัสถ์ของตระกูลมาจากท่านลุงที่เสียไปทุกประการ ปกติต่อให้มีเงินอยู่ในมือก็มิอาจหักใจกินสุราอาหารที่ราคาแพงเกินไปได้ พอนึกถึงอาหารเลิศรสในร้านอาหารที่คนอื่นเคยลองลิ้มชิมรส ก็ได้แต่พูดให้หายอยากเท่านั้น
เขานึกถึงคำพูดของนางในวันนั้น จึงสั่งให้ชิงเยี่ยนซื้ออาหารรสโอชาเอาไว้ล่วงหน้า พร้อมกับกำชับร้านอาหารให้ตักอาหารเหล่านี้ใส่ถาดเหล็ก ประเดี๋ยวอุ่นบนกองไฟสักเล็กน้อยก็ได้รสชาติสดใหม่ดังเดิมแล้ว
หากญาติผู้น้องชมบุปผาจนเริ่มหิวจะได้กินอาหารกันข้างนอกเลย
นางอยู่ในวัยแรกแย้มราวกับบุปผา จะต้องติดเล่นสนุกเป็นแน่ ถ้าวันนี้เที่ยวเล่นไม่หนำใจ วันหลังเขาก็ยังจะพานางไปล่องเรือทัศนาจร บนทะเลสาบเยี่ยนหูที่ชานเมืองมีหงส์ฝูงหนึ่งยังไม่บินจากไป ถ้าพายเรือฝ่าเข้าไปคงจะน่าสนุกมากเช่นกัน…
แต่ขณะที่เฉิงเทียนฟู่เอ่ยออกไปว่าได้เตรียมอาหารเอาไว้ให้นางแล้ว แม่นางน้อยที่เมื่อครู่ยังคงมีสีหน้าปลาบปลื้มยินดีดื่มด่ำอยู่กับทุ่งบุปผาอันสดใสตระการตากลับพลันหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันใด บอกด้วยสีหน้าขึงขังจริงจังว่าจะรีบไป
สีหน้าของเฉิงเทียนฟู่เยียบเย็นลงเล็กน้อย เขาเอ่ยถามนางเสียงต่ำว่า “เป็นอันใดไป ไม่ชอบที่นี่หรือ”
หลิ่วจือหว่านไม่ชอบที่ใดกัน แต่หากนางอยู่กับญาติผู้พี่ที่นี่นานเกินไป ประเดี๋ยวตอนกลับจวนเผลอมีข่าวเล็ดลอดออกไปจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ พอนึกถึงฝีมือการร้องไห้ที่ไม่มีใครเป็นรองใครของเซิ่งเซียงหลันกับท่านอาหญิงแล้ว หลิ่วจือหว่านก็คิดว่าอย่าไปยุ่มย่ามกับญาติผู้พี่เลยจะดีกว่า
นางยังคงมองดูทุ่งบุปผาอยู่สักพักอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังจากนั้นก็หันกายกลับ ใช้น้ำเสียงเข้มงวดราวกับมารดาแก่ชราพูดกับญาติผู้พี่ว่า “เวลาอันล้ำค่าราวกับสายธารไหลเชี่ยวนี้ควรใช้สำหรับฝึกฝนและเรียนรู้ ตอนนี้เป็นเวลากลางวันพอดี ซ้ำท่านก็มีกิจของราชสำนักที่ต้องติดต่อ ยังไม่รีบไปสะสางแล้วรีบกลับจวนไปอ่านหนังสือ แต่กลับมาเสียเวลาไปเปล่าๆ อยู่ที่นี่
ท่านเตรียมจะไปสอบขุนนางแค่พอเป็นพิธีอย่างนั้นหรือ ถ้าท่านสอบไม่ติด ตอนข้าออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้อื่นข้างนอกจะไม่ขายหน้าไปด้วยหรือไร”
น้ำเสียงสั่งสอนคนอย่างกับผู้หลักผู้ใหญ่ของนางนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดคงจะทำให้เบื่อหน่ายหมดสนุกไปจริงๆ เหมือนเป็นการสาดน้ำเย็นใส่ผู้อื่นขณะที่กำลังคึกคักสนุกสนาน
ทว่าหลิ่วจือหว่านหน้าตาน่ารักพริ้มเพรา ดวงตากลมโตที่กวาดไปมาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้จงใจตีสีหน้าปั้นปึ่งสั่งสอนผู้อื่น แต่ในสายตาของบุรุษอย่างเฉิงเทียนฟู่แล้วก็เห็นเป็นแค่แม่นางน้อยกำลังเล่นพิเรนทร์ ความน่าครั่นคร้ามยำเกรงมีไม่มากพอ แค่เหมือนกับกำลังโกรธเกรี้ยวโมโหอยู่เท่านั้น
ไม่แปลกที่เฉิงเต๋อฉิงมักจะชอบบีบใบหน้านางอยู่เรื่อย ดวงหน้ากลมที่พองแก้มป่องน้อยๆ นั่นยั่วยวนให้คนอยากจะลองบีบดูสักคราจริงๆ…เดิมทีเฉิงเทียนฟู่ก็แค่คิดเล่นๆ เท่านั้น แต่มือของเขากลับเคลื่อนเข้าไปใกล้ดวงหน้าของหลิ่วจือหว่านจนอีกนิดเดียวก็เกือบจะบีบลงไป เฉิงเทียนฟู่พลันตื่นตกใจยกใหญ่
แม้ว่าเขาจะเห็นเด็กสาวผู้นี้เป็นน้องสาวมาตลาด แต่ชายหญิงก็ไม่ควรชิดใกล้ ต่อให้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน ตนเองก็ไม่อาจกระทำกิริยาไม่ยั้งคิดเช่นนี้ได้
เพราะอย่างไรนางก็โตเป็นสาวแล้ว มิใช่เด็กหญิงตัวน้อยที่ยัดถังหูลู่ใส่ปากเขาภายใต้พลุดอกไม้ไฟที่กระจายเต็มทั่วทั้งท้องนภาคนนั้นอีกแล้ว…
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กรกฎาคม 2567)