เมื่อได้ยินนายอำเภอเฉิงพูดเช่นนี้เขาก็รีบเอาคฤหาสน์สวยหรูพร้อมมีสวนในตัวหลายแห่งออกมา ราคาก็แจ้งให้สูงเอาไว้ก่อนเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่านายอำเภอเฉิงยังไม่ทันเอ่ยตอบ เด็กสาวงามแฉล้มผู้นั้นกลับเปิดปากขึ้นว่า “คฤหาสน์ที่ท่านเสนอราคาขายเป็นจวนอ๋องในเมืองหลวงหรือ จวนที่ท่านอ๋องเคยอาศัยอยู่ยังไม่กล้าเรียกราคาสูงถึงเพียงนี้เลย!”
พูดจบนางก็ยื่นมือไปรับกระดาษรูปวาดคฤหาสน์มาจากพ่อค้าบ้าน พลิกไปมาอย่างรวดเร็วอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะดึงออกมาสองใบแล้วสอบถามราคา
ครั้นพ่อค้าบ้านเห็นก็พบว่านี่ล้วนเป็นเรือนที่เรียบง่ายธรรมดาๆ ทั้งสิ้น! เขาจึงร้อนใจแทนเด็กสาวผู้งดงามสะสวยขึ้นมา วัยสาวมีแค่หนเดียว จะเอามาขายราคาถูกๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
เขาพยายามพูดภาษาที่เป็นมาตรฐานอย่างไม่ค่อยคล่องแคล่วนักด้วยสุ้มเสียงต่ำเบาว่า “ไอ้หยาแม่นาง อย่าแสร้งทำเป็นกุลสตรีช่วยบุรุษประหยัดเงินเลย! เรือนเล็กๆ เช่นนี้จะคู่ควรกับท่านได้อย่างไรกัน จริงสิ ยังไม่ได้ถามเลย ต่อไปท่านกับนายอำเภอเฉิงมีแผนจะจัดงานมงคลกันหรือไม่”
หลิ่วจือหว่านยิ้มน้อยๆ มิได้เอ่ยตอบ
พ่อค้าบ้านผู้นั้นรู้กระจ่างชัดแก่ใจทันที คิดว่าตนเองเดาไว้ไม่มีผิด ต่อไปนางคงไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะยกเป็นอนุภรรยาด้วยซ้ำ เป็นได้แค่ชู้รักอนุนอกเรือนของนายอำเภอเฉิง
ดังนั้นถึงแม้ใต้เท้าจะซื้อบ้านให้นางอยู่ แต่ภายภาคหน้าจะโยกย้ายชื่อนางเข้าบ้านหรือไม่ก็ยังไม่แน่นอน!
สตรีเช่นนี้ส่วนมากล้วนมีแผนที่จะกอบโกยเงินมากกว่า ดังนั้นเขาจึงจงใจกดเสียงต่ำเอ่ยว่า “ท่านซื้อหลังใหญ่หน่อย ข้าจะแบ่งกำไรให้สองส่วน กลับไปค่อยให้คนส่งไปให้ท่าน เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ ท่านทั้งได้อยู่เรือนหลังใหญ่ ทั้งได้เงินไว้ใช้จ่าย สบายจะตายไป!”
หลิ่วจือหว่านมองพ่อค้าบ้านที่ยิ้มอย่างประจบสอพลอผู้นี้ครู่หนึ่ง นางคิดอยู่สักพักก็พอจะเข้าใจได้ทันที
หลิ่วจือหว่านหันหน้าไปมองเฉิงเทียนฟู่ เขาเองก็รู้ว่านางเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ดังนั้นจึงนั่งดื่มน้ำชาอยู่ด้านข้างโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยถามเรื่องบ้าน
นางส่ายศีรษะยิ้มๆ เจตนากดเสียงให้ต่ำลงเช่นเดียวกันแล้วเอ่ยถาม “หมอดูบอกว่าถ้าข้าอยู่เรือนหลังใหญ่โชคลาภจะรั่วไหล เรือนเล็กจะได้ผลประโยชน์มากกว่า…หากข้าซื้อเรือนเช่นนี้ ท่านจะให้ส่วนแบ่งข้าได้เท่าใด”
พ่อค้าบ้านเห็นเด็กสาวหลงกลจึงหน้าชื่นตาบานทันที ในเมื่อนางยืนกรานจะซื้อเรือนหลังเล็ก เช่นนั้นก็ย่อมได้ เขาแค่ถีบราคาให้สูงขึ้นหน่อย ทุกคนต่างได้กำไรด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงบอกราคาบ้านก่อน ต่อมาก็ชี้นิ้วบอกตัวเลขจำนวนหนึ่งออกมา บอกเป็นนัยๆ ให้นางรู้ว่านี่คือส่วนแบ่งของนาง
หลิ่วจือหว่านเลิกคิ้วกล่าว “แค่นี้เองหรือ คิดว่าข้าไม่เคยเห็นเงินหรือไร”
พ่อค้าบ้านรู้สึกว่าแม่นางน้อยละโมบโลภมากไม่เบา ดังนั้นจึงกัดฟันเบาๆ ชี้นิ้วบอกตัวเลขออกมาอีกครั้ง
แต่เด็กสาวยังเห็นว่าไม่มากพอ ต่อรองกันไปต่อรองกันมา พ่อค้าบ้านจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “แม่นาง ไม่มีใครเขากล้าเรียกร้องส่วนแบ่งสูงอย่างท่านหรอก จะให้ข้าเหนื่อยเปล่าไม่ได้กระมัง ตัวข้าเองก็ต้องเก็บไว้อย่างน้อยสามส่วนสิ!”
หลิ่วจือหว่านเห็นว่าหยั่งราคาที่แท้จริงได้แล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้นก็พาพวกเราไปดูบ้านก่อนเถิด”
หลังจากไปดูแล้วหลิ่วจือหว่านถูกใจเรือนหลังเล็กๆ อันเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายหลังหนึ่ง เรือนหลังนี้กำแพงสูง ซ้ำยังอยู่ติดกับตลาด ค่อนข้างปลอดภัยกว่าที่อื่น
ดังนั้นหลิ่วจือหว่านจึงหันหน้าไปแล้วเริ่มต่อรองราคากับพ่อค้าบ้าน
เดิมทีพ่อค้าบ้านนึกว่าเขากับอนุนอกเรือนตัวน้อยของใต้เท้านายอำเภอตกลงกันเรียบร้อยแล้วเสียอีก แต่นึกไม่ถึงว่านางกลับต่อราคาบ้านโดยที่ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ อีกทั้งราคานี้ยังเป็นธรรมสมเหตุสมผลยิ่ง เพียงแต่ได้กำไรน้อยไปสักหน่อย หากไม่ใช่คนในท้องที่ก็ไม่มีทางให้ราคาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเช่นนี้ได้
เขารู้สึกว่านางหนูผู้นี้ตลบตะแลงกลับกลอก จึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยด้วยความโมโหทันที “ไม่ขายแล้วๆ ราคานี้น้อยเสียจนไม่ได้กำไรเลย จะขายไปทำอันใดกัน”
หลิ่วจือหว่านแย้มยิ้ม “แต่ทีแรกท่านเพิ่มส่วนแบ่งให้ข้าแล้ว แสดงว่าคงได้กำไรเยอะมาก ตอนนี้ข้าช่วยท่านลดราคาส่วนที่เกินจริงออกไป กลายเป็นราคาที่ยุติธรรมซื่อตรง เหตุใดท่านถึงยังไม่พอใจอีกเล่า เมื่อครู่ท่านเจตนาวางแผนสมคบคิดกับผู้อื่น ตั้งใจจะปอกลอกเงินทองของใต้เท้านายอำเภอ ญาติผู้พี่ คนสับปลับคดโกงพรรค์นี้ควรจะเอาผิดโทษฐานเช่นไรดีเจ้าคะ”
พอพูดถึงช่วงท้ายจู่ๆ นางก็ร้องเรียกเฉิงเทียนฟู่เสียงดัง