ด้วยเหตุนี้พวกนางจึงเดินขึ้นไปบนโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้ด้วยกัน
ฮูหยินแซ่หรงผู้นี้ใช้เงินมือเติบยิ่ง แม้แต่น้ำชาที่สั่งก็ยังเป็นชาต้าหงเผากาละหนึ่งร้อยตำลึง
หลิ่วจือหว่านทำท่าทางเหมือนไม่เคยพบเจอโลกภายนอก หลังจากดื่มชาไปอึกหนึ่งด้วยท่าทีเคารพเลื่อมใสแล้วก็กล่าวกับหรงซื่อว่า “น้ำชาราคาแพงช่างแตกต่างจากของทั่วไปจริงๆ ข้าดื่มไปเพียงอึกเดียวก็รู้สึกหอมอบอวลไปทั้งปาก สดชื่นไปทั้งร่าง…”
หรงซื่อยิ้มตาหยีเอ่ย “ท่านชอบก็ดีแล้ว ใบชาชนิดนี้ที่บ้านข้ามีเต็มไปหมด กลับไปจะสั่งให้คนนำไปมอบให้แม่นางเฉียนสักสองสามกล่องก็แล้วกัน”
หลิ่วจือหว่านรีบโบกไม้โบกมือเอ่ย “ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ท่านมอบของราคาแพงเพียงนี้ให้ผู้อื่น สามีท่านจะไม่ตำหนิหรือ จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าท่านเป็นฮูหยินของสกุลใด”
เมื่อได้ยินว่าหรงซื่อผู้นี้เป็นถึงสะใภ้รองของสกุลเยวี่ย หลิ่วจือหว่านก็รีบลุกพรวดขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างลนลานทำอันใดไม่ถูกว่า “ที่แท้ท่านก็เป็นคนของสกุลเยวี่ย…ทะ…ท่านคิดจะทำอะไรกับข้า”
แต่ท่าทางตระหนกตื่นตูมของนางกลับทำให้หรงซื่อขบขัน หรงซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าใจดีเป็นมิตรว่า “ข้าไม่ได้ดูแลกิจการของพ่อสามีกับสามีเสียหน่อย แค่ปรนนิบัติสามีอบรมสั่งสอนบุตรอยู่ในเรือนหลังเท่านั้น จะทำอะไรท่านได้ หากข้าเดาไม่ผิด ท่านเป็นฮูหยินของนายอำเภอเฉิงกระมัง”
ยามนี้หลิ่วจือหว่านถึงค่อยนั่งลงอย่างทำตัวไม่ถูก และเมื่อได้ยินหรงซื่อถามเช่นนี้ก็เอ่ยด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนเลียนแบบเถ้าแก่เนี้ยแผงขายเต้าฮวยว่า “ฮูหยินที่ใดกัน ข้าเป็นแค่ญาติผู้น้องของเขาที่สายเลือดห่างจนแทบไม่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น…หากพูดด้วยภาษาถิ่นของพวกท่าน เรียกว่าอันใดนะ…แค่ ‘คนร่วมบ้าน’ เท่านั้น”
ครั้นหรงซื่อได้ยินก็เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย “นายอำเภอเฉิงมารับตำแหน่ง ไม่พาสตรีคนอื่นมาด้วย แต่กลับพาท่านมาเพียงแค่คนเดียว เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าเขารักใคร่เอ็นดูและให้ความสำคัญกับท่านมากเพียงไร ในสายตาชาวบ้านอำเภอก้งเซี่ยนของพวกเรา ท่านก็คือฮูหยินนายอำเภออย่างแท้จริงแล้ว!”
พอหลิ่วจือหว่านได้ยินถ้อยคำนี้ดวงตาพลันเป็นประกาย ช่วงเอวก็เหยียดตรงขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แสดงท่าทีเหมือนกับคนฐานะต่ำต้อยที่ไม่เคยได้มีหน้ามีตามาก่อน
หรงซื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ในใจก็หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เริ่มเข้าใจอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วเช่นกัน
สตรีพรรค์นี้แค่ชาชั้นดีถ้วยเดียวก็ดื่มเสียจนหน้าบานเป็นจานเชิง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ไม่เคยพบเจอโลกกว้าง ไร้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย
นางก็แค่เกิดมารูปลักษณ์งามเพริศพริ้ง แต่สายตากลับตื้นเขิน หากมิใช่เพราะนางปรนนิบัติผู้อื่นด้วยร่างกายก็คงจะไร้ประโยชน์จริงๆ
เมื่อครู่นี้ตอนนางซื้อถ้วยกระเบื้องเคลือบก็มีท่าทีคิดเล็กคิดน้อยด้วยความตระหนี่ถี่เหนียวเช่นกัน หากสัญญาว่าจะมอบเงินทองให้นาง นางต้องคิดว่าตนเองได้ผูกมิตรกับสหายแสนประเสริฐแน่ๆ จากนั้นนางย่อมไปช่วยพูดโน้มน้าวเฉิงเทียนฟู่ไม่ให้หาเรื่องกิจการค้าเกลือของสกุลเยวี่ย
จากการเลือกสตรีก็สามารถดูออกถึงเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายของบุรุษคนหนึ่ง
เฉิงเทียนฟู่พาสตรีที่รูปโฉมงามเลอเลิศแต่กลับไร้สมองเช่นนี้มาไว้ข้างกาย แสดงว่าเขาก็เป็นพวกมากตัณหาที่ลุ่มหลงในอิสตรีคนหนึ่ง
ขอแค่นายอำเภอเฉิงเป็นไข่ที่มีรอยร้าว เพียงมอบทรัพย์สินเงินทองอันหรูหราฟุ้งเฟ้อไปให้ก็ต้องไม่กลัวว่านายอำเภอเฉิงผู้นี้จะไม่ยอมศิโรราบให้แก่สกุลเยวี่ย!
ดังนั้นหรงซื่อจึงเลือกถ้อยคำเพราะๆ มายกยอปอปั้นยกใหญ่ ปะเหลาะแม่นางสกุลเฉียนผู้นี้จนรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า จากนั้นทั้งสองก็นัดหมายเวลาที่จะไปเดินซื้อของด้วยกัน แล้วถึงค่อยจากลากันอย่างอาลัยอาวรณ์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ก.ค. 67