ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 4-บทที่ 6
สามีไม่ได้ขยับ คล้ายว่าเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปจึงหลับสนิทไปแล้ว
หลิ่วเหมียนถังโล่งอก วางมือไว้ในฝ่ามือของเขาอย่างสบายใจ
หนึ่งปีที่ผ่านมามีเพียงชั่วขณะนี้ที่นางเกิดความรู้สึกเฉกเช่นชีวิตคู่สามีภรรยาขึ้นมาจริงๆ
นอกจากแอบดีใจแล้ว ในสมองของภรรยาอย่างนางก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย…พรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้ามาปรนนิบัติท่านพี่ล้างหน้า ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าให้เขาผลัดเปลี่ยนจะต้องอุ่นด้วยเตารีดแทน ทาบเสื้อนอกของเขาเสียหน่อยถึงจะเหมาะสม ที่สำคัญคือต้องกำชับให้หลี่มามาไปซื้อไก่ข้าวเหนียวมาให้ท่านพี่กิน…คิดไปคิดมา หลิ่วเหมียนถังก็หลับตานอนหลับสนิทไปทั้งที่วางมือไว้ในฝ่ามือของเขาเช่นนี้
หลังหลิ่วเหมียนถังนอนชิดสามีของนางแล้วหลับสนิทไป ผู้เป็นสามีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขาไม่ค่อยรู้สึกเสียใจภายหลังกับเรื่องใดนัก แต่เวลานี้เขารู้สึกจริงๆ ว่าตนไม่ควรมาที่นี่ตอนกลางดึก เดิมหลงคิดว่าหญิงสาวผู้นี้จะอาศัยโอกาสที่ตนหลับสนิทลงมือเคลื่อนไหว วางแผนชั่วร้าย ทว่านางกลับแค่วางมือนุ่มลงบนฝ่ามือของตนแล้วหลับไปทั้งอย่างนี้
เขาตะแคงหน้าไปมอง อาศัยแสงจันทร์มองโฉมงามอายุสิบแปดปีที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ นางในยามนี้ปล่อยเรือนผมยาวสยายบนหมอน ลมหายใจทอดยาว นอนหลับอย่างอ่อนหวานและไม่รู้สึกตัว…
ชุยสิงโจวมองอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าจะหยุดการหยั่งเชิงไว้เท่านี้ แม้จะดึกแล้วแต่หากออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไปทันการฝึกทหารช่วงเช้าได้ ทว่าเมื่อเขาคิดดึงมือออก หญิงสาวข้างกายกลับเปล่งเสียงครางคล้ายลูกแมวออกมา จากนั้นกอดแขนเขาไว้พร้อมถูไถก่อนหลับสนิทไปตามเดิม
ชุยสิงโจวนอนตะแคงมองไปข้างนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดอยู่สักพักพลันเกิดความเกียจคร้านขึ้นมา จึงหลับตาลงไปอีกครั้ง ในเมื่อมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยเดินทางตอนกลางคืนหรอก รอพรุ่งนี้ค่อยวางแผนอีกทีแล้วกัน
ช่วงครึ่งคืนแรกมีดวงจันทร์คู่ดาราบางตา ครึ่งคืนหลังฝนโปรยปรายลงมาตกกระทบลงบนกรอบหน้าต่าง ทำให้คนนอนหลับสนิทเป็นพิเศษ
เพียงแต่เพราะในใจมีเรื่องราว หรืออาจเพราะตอนบ่ายเมื่อวานนอนหลับนานเกินไป หลิ่วเหมียนถังจึงตื่นมาแต่เช้าพร้อมสายฝนพรำ
ช่วงดึกหลิ่วเหมียนถังตื่นขึ้นมากลางดึกหนหนึ่งจริงๆ แต่เพราะสามีอยู่ในห้อง นางไม่สะดวกจะใช้กระโถน จึงหยิบร่มวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่ข้างนอกโดยเฉพาะ
นึกไม่ถึงว่าหลี่มามาจะยังไม่กลับห้องนอน แต่เอาเก้าอี้เตี้ยมานั่งอยู่ใต้ชายคา มองเห็นเป็นเงาดำขมุกขมัว ช่างน่าตกใจยิ่ง
เมื่อนางถามอย่างแปลกใจ หลี่มามาก็ตอบด้วยดวงตาแดงๆ ว่านายท่านกลับมาจำเป็นต้องมีคนคอยรอปรนนิบัติ กลัวว่านายท่านกับฮูหยินต้องการใช้น้ำกลางดึกแล้วจะเรียกหาใครไม่ได้
บ่าวเก่าแก่จงรักภักดีเยี่ยงนี้ ไม่อาจหาข้อตำหนิได้จริงๆ
เพียงแต่คำว่า ‘ต้องการใช้น้ำกลางดึก’ นี้คล้ายจะมีความนัยซ่อนอยู่ ทำเอาหลิ่วเหมียนถังหน้าแดงเรื่อขึ้นมา
เทียบกับความวุ่นวายไปๆ มาๆ ของนาง ท่าการนอนของชุยจิ่วกลับเรียบร้อยกว่ามาก เหมือนบุคลิกอันอบอุ่นของเขา ตลอดทั้งคืนแทบจะอยู่ในท่าเดียว เสื้อตัวในไม่มีรอยยับย่นเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่เขาขี้เกียจตื่น หลังหลิ่วเหมียนถังตื่นขึ้นแล้ว เขายังนอนต่ออีกหนึ่งชั่วยาม* เต็มๆ ถึงค่อยลุกขึ้น
ตอนที่ตื่นขึ้นมาในดวงตาคมกริบยังมีเส้นเลือดฝอย มองไม่ออกถึงสภาพนอนหลับเต็มอิ่มเลยสักนิด
ยามปรนนิบัติสามีล้างหน้า หลิ่วเหมียนถังเห็นแล้วให้ปวดใจขึ้นมา นับแต่สกุลชุยตกต่ำสามีจะต้องเหน็ดเหนื่อยตะลอนไปทั่วเพื่อทำการค้า ไม่ได้นอนหลับสนิทเลยใช่หรือไม่
ถึงกระนั้นพอสามีตื่นมาแล้วกลับไร้ซึ่งคำบ่นตัดพ้อใดๆ ต่อให้สวมแค่เสื้อตัวใน แต่ท่าทางยามวักน้ำล้างหน้ากลั้วปากยังคงดูสง่างามดั่งสวมชุดบัณฑิตอย่างไรอย่างนั้น
หลิ่วเหมียนถังอิจฉากลิ่นอายอ่อนโยนสง่างามที่ออกมาจากกระดูกของชุยจิ่วนี้มาก ดังนั้นจึงหยิบเสื้อที่พาดบนฉากบังลมของสามีมา ตั้งใจจะรีดเสื้อด้วยตนเอง อยากให้สามีออกไปข้างนอกอย่างดูดีกว่านี้สักหน่อย
เพียงแต่หลังเตารีดใส่ถ่านเข้าไปก็ค่อนข้างหนัก หลิ่วเหมียนถังข้อมือไร้กำลัง จับเตารีดไม่ค่อยมั่นคง ชวนให้หลี่มามาที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วหวาดหวั่น กลัวว่านางจะทำเตารีดคว่ำเผาเสื้อนอกของเจ้านาย ทำให้เขาไม่อาจออกไปข้างนอกอย่างมีหน้ามีตาได้ ดังนั้นจึงแย่งงานของหลิ่วเหมียนถังมาทำเสียเอง
อาศัยช่วงที่หลี่มามารีดเสื้อผ้า หลิ่วเหมียนถังช่วยตักข้าวต้มร้อนที่เพิ่งต้มเสร็จให้สามีก่อน จากนั้นจัดวางกับข้าวอันประณีตที่บ่าวหญิงใบ้ยกมาแล้วเอ่ยถามสามี “ร้านค้าของสามีอยู่ที่ใดหรือ เมื่อคืนท่านไม่ได้กินข้าวเต็มอิ่ม เที่ยงวันนี้ข้าจะให้หลี่มามาผัดเนื้อแล้วข้าจะเอาไปส่งให้ท่าน”
แม้เมื่อวานชุยสิงโจวจะสั่งให้บ่าวไปซื้อร้านไว้แล้ว แต่ตอนนี้ยังคงไม่ได้รับรายงานกลับมา เขาจะไปพูดถึงร้านที่ไม่มีอยู่จริงออกมาได้อย่างไร
บางทีอาจเพราะเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิท ความอ่อนโยนบนใบหน้าอันหล่อเหลาของชุยสิงโจวจึงอึมครึมลง เมื่อได้ยินนางถามเขาก็คร้านจะเปลืองสมองหลอกนาง จึงเอ่ยอย่างตัดปัญหาว่า “ร้านที่ก่อนหน้านี้จองไว้ เจ้าของเดิมเปลี่ยนใจคืนเงินมัดจำมาให้แล้ว ตอนนี้…ยังไม่มีร้าน”
หลิ่วเหมียนถังได้ยินแล้วโมโห วางตะเกียบลงแรงๆ พร้อมกล่าว “ร้านใดกัน เหตุใดจึงพูดไม่เป็นคำพูดเช่นนี้!”
ชุยสิงโจวไม่ได้ตอบกลับ แค่ตั้งใจกินข้าวต้มในชามตนเอง
หลิ่วเหมียนถังรู้ตัวว่าเสียกิริยา นางรีบปรับท่านั่งแล้วเอ่ยอย่างอ่อนหวาน “ท่านพี่อย่าได้โมโหเป็นอันขาด ดั่งคำที่ว่าเรื่องดีๆ ต้องขัดเกลา บางทีการที่เขาคืนเงินมัดจำอาจเป็นเรื่องดีก็ได้!”
นางพูดออกมาจากใจ ในสายตานางแม้สามีจะอุปนิสัยดีมาก ทว่ามีความใสซื่อแบบพวกลูกหลานคนรวยอยู่บ้าง กระทั่งร้านค้าที่จองไว้ยังโดนคนบังคับให้คืนเงินมัดจำได้ก็พอจะดูออกแล้ว
นางในฐานะภรรยาของเขาไม่อาจยืนชมเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง ควรจะทุ่มเทแรงใจช่วยเหลือเขาถึงจะคู่ควรกับคำว่าศีลธรรม
ดังนั้นหลิ่วเหมียนถังจึงเอ่ยต่อ “ท่านพี่ เพื่อนบ้านข้างหน้าล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ สามารถสืบข่าวจากพวกเขาได้ การซื้อร้านเป็นเรื่องใหญ่ไม่อาจรีบร้อนเกินไป ในเมื่อเจ้าของร้านนั้นเปลี่ยนใจไปแล้ว มิสู้ค่อยๆ เลือกดีๆ อีกทีค่อยซื้อใหม่”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ชุยสิงโจวเองก็ตัดปัญหาว่าจะหลอกนางให้ออกจากบ้านได้อย่างไร จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ข้าต้องไปกินเลี้ยงที่อำเภอข้างๆ ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรทำ เรื่องซื้อร้านยกให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
หลิ่วเหมียนถังได้ยินคำพูดตรงใจแล้วก็ยังคงกะพริบดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ปริบๆ ก่อนเอ่ยอย่างลังเล “ก่อนหน้านี้ข้าป่วยหนัก เรื่องราวมากมายล้วนจดจำไม่ได้ หากทำไม่สำเร็จจะทำอย่างไรเล่า”
ชุยจิ่วยิ้มน้อยๆ “ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางแย่ไปกว่าทำร้ายคนในตรอกหรอก แค่เลือกซื้อร้านค้าเท่านั้น ซื้อที่ถูกใจมาก็พอ”
หลิ่วเหมียนถังทำเป็นไม่ได้ยินประโยคค่อนขอดครึ่งแรกของสามี ซ้ำรู้สึกว่าประโยคครึ่งหลังที่ฟังดูโอหังอย่างต่อให้ใช้เงินไปจนหมดก็ยังหาใหม่ได้เช่นนี้มีความเป็นบุรุษอย่างมาก
แม้ครอบครัวจะตกต่ำ แต่ถึงอย่างไรสามีก็เติบโตมาในกลุ่มคนชั้นสูง สายตากับประสบการณ์ล้วนไม่ใช่อย่างพวกชาวบ้านทั่วไปเช่นนั้น
ดังนั้นตอนที่หลิ่วเหมียนถังมองใบหน้าหล่อเหลาที่เผยความสุขุมของสามีนางอีกครั้ง แววตานางก็อ่อนโยนลงอย่างห้ามไม่ได้
นางตัดสินใจว่าจะต้องไม่ผิดต่อความไว้ใจของสามี หาซื้อร้านดีๆ ที่ทำเงินมาให้ได้
* รักหยกถนอมบุปผา เป็นสำนวน หมายถึงความห่วงใยของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง การดูแลเอาใจใส่ของผู้ชาย
* ชาวจีนสมัยโบราณแบ่งเวลาตอนกลางคืนออกเป็น 5 ยาม โดยยามหนึ่งเรียกว่ายามซวี คือช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ถึง 21.00 น.
* เจ้าเจี่ยว เป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง กิ่งมีหนาม ใบซ้อนรูปนก ช่อดอกเป็นพวง ดอกสีเหลืองอ่อน ผลเป็นฝักแบนสีน้ำตาล ใช้ซักเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายต่างสบู่ได้
** ซิ่ง คือแอปปริคอต เป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นเหมย (ต้นบ๊วย) มักใช้เปรียบความงามของดวงตาหญิงสาวว่ากลมโตเหมือนเมล็ดซิ่ง
*** เต้าหู้รา คือการนำก้อนเต้าหู้ขาวหั่นเป็นชิ้นเล็กเท่าๆ กัน แล้วใส่บนจานหรือถาดปิดฝาวางไว้ราวหนึ่งอาทิตย์จนกระทั่งขึ้นรา บางท้องที่จะนำเต้าหู้ราไปคลุกเคล้ากับพริกไทยป่น พริกฮวาเจียวป่น และเครื่องเทศก่อนนำไปบรรจุใส่ในโถ สามารถเก็บได้นาน
**** ไก่ข้าวเหนียว คือข้าวเหนียวนึ่งยัดใส้ไก่ ถั่วลิสง ไข่แดงเค็ม และเห็ดหอม คลุกเคล้ากับซีอิ๊ว แล้วห่อด้วยใบบัว
* ชั่วยาม เป็นหน่วยเวลาโบราณของจีน หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 24 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.