ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 61 – 62
กระนั้นทุกวันนี้ลู่มู่ยังแอบดีใจที่หลิ่วเหมียนถังมีความลับเช่นนี้ซ่อนอยู่ ยากจะแต่งให้ตระกูลดีๆ ได้ ก็นับว่าช่วยป้องกันไม่ให้ลู่ชิงอิงบุตรสาวของตนเองสูญเสียบุพเพแต่งงานดีๆ ไป
ดังนั้นเขาเลยหลีกเลี่ยงเรื่องหนัก เลือกเล่าเพียงเรื่องที่หลิ่วเหมียนถังสูญเสียความทรงจำแล้วอยู่กินกับทหารนายหนึ่งที่ซีเป่ยเรื่องนี้ให้เฉวียนซื่อฟัง
เฉวียนซื่อได้ยินแล้วอ้าปากกว้าง ผ่านไปค่อนวันถึงพูดอะไรออก ‘ท่านลุงทั้งสองคนอย่างพวกท่านช่างมีความสามารถนัก! ทำเหมียนถังหายไปได้อย่างไร ทั้งยังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หาก…หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่ต้องพูดว่านางจะอยู่ไม่ได้ มิใช่ว่าคุณหนูบ้านพวกเราจะเสียชื่อเสียงไปด้วยเหมือนกันหรือ’
ลู่มู่ถลึงตาเอ่ย ‘เรื่องนี้โทษลุงอย่างพวกเราได้หรือไร เป็นเพราะนาง…โธ่เอ๊ย บอกไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าเจ้ารู้ความร้ายแรงของเรื่องไว้ก็พอ ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด แต่อาศัยตรงจุดนี้นางก็ไม่มีทางแย่งบุพเพแต่งงานกับสกุลซูจากชิงอิงของพวกเราได้แล้ว นอกจากนี้บิดาของเหมียนถังเองก็ไม่ได้ความ ซูฮูหยินไม่น่าถึงขั้นแต่งทายาทขุนนางต้องโทษให้บุตรชายตนเองหรอก!’
เฉวียนซื่อพอจะวางใจลง ถึงได้อาศัยโอกาสในวันนี้มาดักรอหลิ่วเหมียนถังเพื่อเอ่ยเตือนนางอ้อมๆ ด้วย ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรนางก็มีรูปโฉมงดงาม หากอาศัยหน้าตามาหลอกล่อคุณชายซู ถึงเวลานั้นมิใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่น่ามองขึ้นมาในครอบครัวหรือ
นึกไม่ถึงว่ายายเด็กนี่จะวางท่าเมินเฉยใส่นาง ไม่คิดเสียบ้างว่าหากความจริงอันน่าขายหน้าพวกนั้นถูกผู้อื่นล่วงรู้เข้า นางจะยังแต่งงานออกไปได้อีกหรือไม่!
เฉวียนซื่อหยิบสมุดบัญชีสองสามเล่มมาอย่างประดักประเดิดแล้วกลับเรือนตนเองไปอย่างหงุดหงิด
ช่วงเวลาต่อจากนั้นหลิ่วเหมียนถังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
บางทีอาจเพราะถูกหลิ่วเหมียนถังจับได้ ฟั่นหู่จึงเปลี่ยนมาทำตัวเปิดเผย มักจะยืนเฝ้าอยู่ประตูหลังรอให้ฟางเซียหรือปี้เฉ่าออกมา แล้วฝากของบางอย่างกับพวกนางมาให้คุณหนูหลิ่ว
หลิ่วเหมียนถังสั่งสอนสองสาวใช้ไปรอบหนึ่งพวกนางจึงไม่กล้ารับอีก ส่วนจดหมายหนึ่งฉบับทุกต้นเดือน หลิ่วเหมียนถังก็ไม่เคยรับอีกเช่นกัน
หลิ่วเหมียนถังตระหนักว่านางกับชุยสิงโจวเดิมทีชีวิตนี้ไม่มีกระทั่งวาสนาต่อกัน เพียงจับพลัดจับผลูมาอยู่ด้วยกันเท่านั้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรจะรู้สึกเสียดายอะไร
เขาในฐานะอ๋องต่างสกุลผู้มากความดีความชอบ ฐานะสูงส่ง เป็นตัวเลือกบุตรเขยของไทเฮา ขณะที่นางเป็นเพียงบุตรสาวของนักโทษ อย่าได้พูดว่าเทียบกับผู้เป็นถึงองค์หญิงเลย แค่เทียบกับหญิงสาวครอบครัวธรรมดาทั่วไปยังเทียบไม่ได้
บางทีตอนที่ชุยสิงโจวคบหากับนางอาจเกิดความรู้สึกแท้จริงขึ้นมา ลืมนางไม่ลง แต่แล้วอย่างไร เขาจะเสี่ยงผิดต่อศีลธรรมของใต้หล้า ใช้ชีวิตอยู่กับนางจริงๆ หรือ
หากคนที่นางเผชิญหน้าด้วยคือชุยจิ่วแห่งถนนสายเหนือ นางจะรักษาการแต่งงานนี้ไว้ด้วยความมั่นใจถึงที่สุด แต่เขาเป็นไหวหยางอ๋องชุยสิงโจว ความรู้สึกที่เขามีให้นางผสมผเสระหว่างจริงกับเท็จ บางทีกระทั่งตัวเขาเองยังบอกไม่ถูกว่ามีความจริงอยู่มากเพียงใด
แทนที่จะเป็นเช่นนี้ มิสู้รีบตัดขาดอย่างหมดจด หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัดบัวยังเหลือใยต่อกัน
พอถูกปิดประตูใส่หน้าบ่อยครั้งเข้า ฟั่นหู่ก็ไม่ส่งของมาให้อีก ถึงแม้หลิ่วเหมียนถังรู้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่ก็ไม่เคยโผล่ออกมารบกวนนางอีก
ความสามารถในการทำงานของปี้เฉ่าเองก็นับว่าสูง หลายวันมานี้มีแม่สื่อมาเยี่ยมเยือนสอบถามถึงสถานการณ์ของหลานสาวครอบครัวสกุลลู่อยู่บ่อยๆ
ส่วนซูฮูหยินท่านนั้น เดิมอยู่ค้างเพียงไม่กี่วันก็จะกลับ แต่ไม่รู้เหตุใดจึงยังอยู่ต่ออีกหลายวันเพราะงานบางอย่าง
หลิ่วเหมียนถังเคยพบนางในสวนดอกไม้อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งซูฮูหยินจะมาสอบถามพวกเรื่องกิจการในมือนางอย่างกระตือรือร้น
แต่หลังสืบข่าวอย่างคลุมเครือแล้วได้ความว่ากิจการในมือหลิ่วเหมียนถังเพียงช่วยดูแลแทนสกุลลู่ ซ้ำบิดาของนางยังเป็นนักโทษประหาร ความเป็นมิตรของซูฮูหยินก็ลดต่ำลง กลับมาชื่นชมคุณหนูลู่ชิงอิงอีกครั้ง
ทว่าหลิ่วเหมียนถังยังคงช่วยเอ่ยเตือนท่านป้าสะใภ้รองเฉวียนซื่อกับญาติผู้น้องชิงอิงอย่างปรารถนาดี นางหวังว่าหากท่านลุงรองจะหมั้นหมายกับสกุลซูจริงๆ อย่าได้ฟังคำแนะนำจากปากผู้อื่น แต่ควรไปตรวจสอบดูละแวกรอบๆ สกุลซูด้วยตนเองสักครั้งจะดีกว่า
เพราะนางรู้สึกว่าสกุลซูไม่เหมือนกับที่ท่านผู้เฒ่าเฉวียนแนะนำว่าเป็นตระกูลใหญ่โตหรือดีอะไรเช่นนั้น
บางทีอาจเพราะเป็นคู่สามีภรรยาปลอมๆ กับชุยสิงโจวมานาน หลิ่วเหมียนถังเลยได้เรียนรู้ความพิถีพิถันมาหลายอย่าง พวกท่าทางการแสดงออกของคนเองก็พอจะมีความเข้าใจผิวเผิน รายละเอียดเล็กน้อยหลายอย่างที่คู่แม่ลูกสกุลซูแสดงออกมาล้วนยกมาโอ้อวดไม่ได้
จากที่นางเห็นพวกเขาไม่ได้แตกต่างอะไรกับครอบครัวขุนนางครึ่งๆ กลางๆ อย่างท่านป้าสะใภ้รองเท่าไร
แต่สองแม่ลูกคู่นั้นฟังคำแนะนำของหลิ่วเหมียนถังไม่เข้าหู โดยเฉพาะลู่ชิงอิง มั่นใจว่าหลิ่วเหมียนถังไม่ได้กินองุ่นจึงหาว่าองุ่นเปรี้ยว คงเพราะซูฮูหยินไม่ถูกใจนางถึงได้แอบมายุแยงตะแคงรั่วลับหลังเช่นนี้
ความจริงหลิ่วเหมียนถังยังมีข่าวอีกเรื่องหนึ่งของคุณชายซูที่ไม่ได้ยกขึ้นมาพูด เช่นระยะนี้คุณชายซูมักบังเอิญมาเจอนางในสวนดอกไม้ ท่องบทกวีอยู่ด้านหลังนาง ลูกเล่นแพรวพราว
พูดกันตามตรงหลิ่วเหมียนถังหลงนึกมาโดยตลอดว่าตนเองอาจชื่นชมบุรุษจำพวกสุภาพสง่างามอย่างบัณฑิต ในเมื่อคุณชายจื่ออวี๋คนก่อนเป็นเช่นนี้ ชุยสิงโจวในตอนหลังก็เหมือนกัน
นิสัยของสองคนนี้หากไม่ต้องไปสนว่าดีหรือเลว พวกเขาต่างก็ไม่ใช่คนที่ทำตัวโอ้อวดเกินจริง ไม่ว่าจะหยิบใครขึ้นมาก็ล้วนเป็นคุณชายสูงศักดิ์ที่มีเสน่ห์ต่างกันไป
นอกจากทำให้หลิ่วเหมียนถังสงสัยว่าตนเองมองบุรุษได้ตามืดบอดก็มีความภาคภูมิใจแปลกๆ ต่อความชื่นชอบชั้นสูงของตนเองอยู่ด้วย
แต่พอมาถึงคุณชายซู นางแอบเบื่อหน่ายกับ ‘ท่าทางสุภาพสง่างาม’ เช่นนี้บ้างแล้วจริงๆ หากไม่ติดที่คุณชายซูเป็นสมบัติล้ำค่าบนฝ่ามือของครอบครัวท่านลุงรอง ตอนที่ถูกเขาตามหลังมา หลิ่วเหมียนถังยังอยากจะหันกลับไปถีบให้สักหนึ่งฝ่าเท้าจริงๆ
ถึงอย่างไรเรื่องที่ควรพูดนางล้วนพูดให้ครอบครัวท่านลุงรองฟังแล้ว หากพวกเขาคิดว่านางอิจฉาจริงๆ นางก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก ได้แต่แอบไปคุยกับท่านตาลับหลัง ให้ท่านผู้เฒ่าเตรียมตัวที่จะช่วยดูแลครอบครัวท่านลุงรองอีกทอด
แต่วันนี้เฉวียนซื่อพูดเรื่องหนึ่งออกมาอย่างปลาบปลื้ม เสมือนเป็นการยืนยันว่าหลิ่วเหมียนถังมองผิดไป ดูถูกครอบครัวสกุลซู
ที่แท้ก่อนหน้านี้เฉวียนซื่อก็นัดซูฮูหยินไปชิมเป็ดย่างหนังกรอบขึ้นชื่อของซีโจวที่หอชุ่ยฮวา
นึกไม่ถึงว่าซูฮูหยินกลับพูดว่าหลานชายห่างๆ คนหนึ่งของนางมาที่ซีโจวเช่นกัน ดังนั้นคุณชายซูเหมียนจึงทำตัวเป็นเจ้าบ้าน ต้องการเชิญญาติผู้พี่ของตนเองมากินเลี้ยงที่หอชุ่ยฮวาด้วย ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัว จึงได้แต่ยกเลิกนัดกับเฉวียนซื่อแล้ว
เฉวียนซื่อสืบข่าวดูเล็กน้อย จึงได้รู้ว่าหลานชายที่ซูฮูหยินพูดถึงเป็นท่านโหวบรรดาศักดิ์ผู้หนึ่ง
นางได้ยินบิดาพูดถึงมานานแล้วว่าสกุลซูมีญาติสูงศักดิ์คอยช่วยสนับสนุน อนาคตของคุณชายซูเหมียนกว้างไกลไร้ขอบเขต ตอนนี้ดูท่าแล้วจะเป็นความจริง!
ซูฮูหยินแค่มาเที่ยวเล่นที่ซีโจว ท่านโหวผู้เป็นญาติกลับตามมาด้วย เห็นได้ว่าระหว่างลูกพี่ลูกน้องสนิทสนมกันอย่างยิ่ง
ทุกวันนี้เฉวียนซื่อคิดแต่อยากยกบุตรสาวให้แต่งกับสกุลซู ย่อมมองท่านโหวผู้นั้นเป็นญาติของตนเองไปด้วย
แต่ตอนนี้พวกเขากินเลี้ยงกันอยู่ที่หอชุ่ยฮวา ตนเองกลับไร้วาสนาได้พบหน้า ช่างน่าหงุดหงิดใจเสียจริง เฉวียนซื่อเอาแต่คิดว่าวันพรุ่งนี้จะหาเหตุผลอะไรให้คุณชายซูช่วยแนะนำ นายท่านรองของบ้านตนเองจะได้คารวะท่านโหวผู้นั้นเหมือนกัน
อาจเพราะสวรรค์ได้ยินคำภาวนาของนาง ประมาณช่วงบ่ายตอนที่แม่ลูกสกุลซูซึ่งฝากตัวพักอยู่ที่บ้านสกุลลู่กลับมา ได้พาแขกผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งมาด้วย