ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 63 – 64
หลิ่วเหมียนถังออกเดินทางทั้งคืนจริงๆ ทว่าจุดหมายปลายทางของนางไม่ใช่อี้โจวแต่เป็นโยวโจว
ยาทาดอกอิงกู่ถูกนางใช้ไปบ้างแล้ว ส่วนที่เหลือเพราะว่าแกะไขผึ้งออกแล้วเลยต้องรีบใช้ให้หมดโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นฤทธิ์ยาจะลดทอนลงมากๆ
เมื่อวานหลังนางได้ยินเรื่องราวจากจ้าวเฉวียน กลับไปที่บ้านก็ไม่ได้กินอะไรทั้งนั้น เพียงถือตำราเล่มหนึ่งไว้ ทว่าไม่ได้พลิกเปิดสักหน้า แค่นั่งซึมกะทืออยู่ตลอดบ่าย
ในตำราเล่มนั้นเสียบดอกไม้แห้งไว้ กลิ่นหอมยังไม่เลือนหาย เวียนวนอยู่ใกล้จมูกคล้ายมีคล้ายไม่มี
หลิ่วเหมียนถังไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเช่นนี้มาก่อน เลยโยนตำราทิ้งลงไปในเตาถ่านด้านข้างเสียเลย
นางปลอบตนเองว่าโยวโจวอยู่ห่างจากนางมาก คนที่นั่นจะเป็นหรือตายเกี่ยวอันใดกับชาวบ้านธรรมดาอย่างนางกัน
แต่อุตส่าห์บังคับให้ตนเองขึ้นเตียงหลับตานอนได้แล้ว บริเวณมือเท้ากลับรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาจากการใช้ยา ยากให้คนนอนหลับลง
ปี้เฉ่าไม่รู้ว่าผู้เป็นนายจิตใจว้าวุ่น ต้องการจะทายาให้นางตามความเคยชิน
แต่หลิ่วเหมียนถังมองดูกระปุกยาที่ใช้ไปกว่าครึ่งแล้วกลับเอ่ยปากกะทันหัน ‘อย่าแตะต้องยานั่น…ไป ไปเก็บสัมภาระให้ข้าหน่อย…’
นางเป็นสตรี ต่อให้มือเท้าไร้กำลังก็ไม่เป็นอะไร แต่เขาในฐานะแม่ทัพ จะขึ้นลงหลังม้าทั้งที่ขาพิการได้อย่างไร
หลิ่วเหมียนถังไม่อยากรับน้ำใจจากชุยสิงโจวอย่างจับพลัดจับผลูไม่มีเหตุผลอีก
ที่ติดค้างเขาไว้ต้องคืนให้เป็นเท่าตัว ถึงจะไม่มีพันธะผูกพันใดต่อกันนับจากนี้…
หลิ่วเหมียนถังเป็นคนที่ตัดสินใจทำอะไรแล้วจะไม่มีทางลังเล
เพียงแต่พวกฟั่นหู่เป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ติดตามนาง ยังถามว่านางจะไปที่ใดด้วย
ตอนเดินทางไปได้ครึ่งทาง หลิ่วเหมียนถังยืนอยู่บนหัวเรือ คิ้วขมวดน้อยๆ บอกกับฟั่นหู่ตามตรงว่าเกิดปัญหาด้านการค้า คนไม่พอ ขอเชิญฟั่นหู่พาองครักษ์ขึ้นเรือมาช่วยกันด้วย
ฟั่นหู่ได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้มาทำงานจิปาถะกับหลิ่วเหมียนถัง ไม่สะดวกจะปฏิเสธ จึงพาคนของตนสิบกว่าคนขึ้นเรือไปช่วยขนย้ายสินค้าที่ท่าเรือ
ครั้งนี้สินค้าที่นำไปส่งเป็นสินค้าพื้นเมืองจากภูเขาชุดใหญ่ เจ้าของสินค้ามอบของแห้งชั้นดีหนึ่งถุงให้กับสำนักคุ้มภัยอีกด้วย
หลิ่วเหมียนถังให้คนเลือกเห็ดหัวลิง หวงฉี ไก่ตัวเมีย โสมตั่งเสิน และพุทราแดงลูกใหญ่ชั้นดีมาต้มเป็นน้ำแกงโสมฉีหัวลิงใส่ไก่ด้วยตนเอง รอพวกฟั่นหู่ทำงานเสร็จก็เรียกพวกเขามากินน้ำแกงกันที่หัวเรือ
ในฤดูหนาวเหน็บท่ามกลางแม่น้ำและขุนเขา พอได้กินน้ำแกงไก่ใส่เห็ดรสเข้มข้นอบอุ่นไปหนึ่งชามก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างอุ่นวาบ สบายตัวอย่างยิ่ง น้ำแกงนี้อร่อยมากจริงๆ ทุกคนต่างกินติดกันไปหลายชาม ในเวลารวดเร็วน้ำแกงทั้งหม้อก็ตกถึงท้อง ตัวคนรู้สึกล่องลอย เบาสบายจนแทบชวนให้หลงลืมทุกอย่าง กระทั่งร่างกายยังคล้ายไม่มีอยู่ ประหนึ่งลอยอยู่ในทะเลดวงดาว
แต่ละคนล้มฟุบระเนระนาด ศีรษะทิ่มโต๊ะนอนหลับสนิทกันไปอย่างรวดเร็ว ฟั่นหู่หลับไปเป็นคนสุดท้าย ในความสะลึมสะลือถึงคิดได้ว่าดูเหมือนตนเองจะตกหลุมพรางหลิ่วเหมียนถังอีกแล้ว
ในน้ำแกงนั้นจะต้องใส่ยาสลบตำรับลับเฉพาะของหลิ่วเหมียนถังลงไปอย่างแน่นอน
ในช่วงสะลึมสะลือได้ยินคุณหนูหลิ่วรับปากว่าหากพวกเขาเสียงานไป สามารถมาที่สำนักคุ้มภัยของนางได้ แม้จะไม่ได้ดูสูงศักดิ์เท่าทำงานให้จวนอ๋อง แต่ว่าจะได้ค่าจ้างไม่น้อยแน่นอน!
รอพวกฟั่นหู่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าพวกเขาถูกทิ้งอยู่ที่ท่าเรือ ส่วนคุณหนูหลิ่วกับคณะเรือหายไปไม่เห็นเงาแล้ว…
หลังหลิ่วเหมียนถังจัดการกับพวกติดสอยห้อยตามที่เกะกะเสร็จก็ละทิ้งเรือสินค้า ออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนด้วยเรือเร็วตลอดเส้นทาง ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็มาถึงโยวโจว
โชคดีที่เป็นช่วงฤดูหนาวพอดี ยาทาเก็บรักษาไว้ด้วยน้ำแข็ง ไม่ต้องกลัวว่าฤทธิ์ยาเสีย
แต่หลังมาถึงโยวโจวแล้วควรจะไปเจอชุยสิงโจวอย่างไรยังนับเป็นปัญหา
ทว่าคิดไม่ถึงว่านางจะได้เห็นไหวหยางอ๋องเร็วกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก เนื่องจากเขามาส่งทูตพิเศษของราชสำนักเดินทางกลับพอดี
บนท้องถนนพลุกพล่าน หลิ่วเหมียนถังได้ยินเสียงร้องตะโกนครื้นเครงของกลุ่มคน จึงไหลตามฝูงคนไปดู
บุรุษที่ไม่ได้เจอหน้ามานานผู้นั้นนั่งอยู่ในรถม้า สวมกวนหยก ชุดตัวหลวม แต่งตัวสบายๆ มีเพียงสีผิวที่ดูดำคล้ำมากขึ้นกว่าในความทรงจำของนาง แล้วก็ผ่ายผอมลงบ้าง แววตาคมกริบประหนึ่งกระบี่แหลมคม ปลายคิ้วมุมปากต่างเปลี่ยนไปเคร่งขรึม
ตอนไปถึงหน้าประตูเมือง ไหวหยางอ๋องลงจากรถม้ามาส่งทูตพิเศษ เห็นว่าในมือของเขาค้ำไม้เท้างาช้างไว้ ร่างกายสูงใหญ่ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ ไม่ได้ย่างก้าวกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนอีก ทว่าเดินติดๆ ขัดๆ ไปทีละก้าวๆ
ต่อให้หลิ่วเหมียนถังจะจินตนาการภาพเขาเดินถือไม้เท้าขาเป๋นับครั้งไม่ถ้วนในใจ แต่ตอนได้มาเห็นกับตาจริงๆ ยังคงรู้สึกดวงตาร้อนผ่าว หลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่ได้
นางรีบใช้ผ้าโพกศีรษะพันใบหน้าตนเอง แล้วก็กลืนเสียงสะอื้นที่เกือบหลุดออกมากลับลงไปได้ทันเวลา
คำว่า ‘ลืมไปหมดจด’ ที่พูดเสียดิบดี พอได้มาเจออีกครั้งจริงๆ ถึงได้พบว่าที่แท้นางก็แค่ซุกซ่อนเอาไว้ในใจ บัดนี้เมื่อได้พบเขาความรู้สึกเหล่านั้นก็ทะลักทลายขึ้นมาอีกครั้ง
เดิมนางตั้งใจจะมอบยาให้กลุ่มองครักษ์ของท่านอ๋องแล้วเป็นอันเสร็จเรื่อง แต่ภายในใจตอนนี้กลับอยากเห็นอาการของเขากับตา…กระนั้นนางก็ไม่อยากคุยกับเขา หากสามารถพบกันได้เหมือนในความฝันถึงจะเหมาะสมมากที่สุด
เพราะไหวหยางอ๋องได้รับบาดเจ็บที่ขา จึงเข้าพักรักษาตัวอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาซึ่งมีบ่อน้ำพุร้อนสมุนไพรชื่อดังของโยวโจว ท่านหมอบอกตรงๆ ว่าอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องร้ายแรงเกินไป ทนลำบากจากการนั่งรถนั่งเรือไม่ได้ แล้วก็เพราะเช่นนี้ถึงไม่ได้ย้อนกลับไปรายงานตัวที่เมืองหลวงพร้อมทูตพิเศษจากราชสำนัก
คฤหาสน์บนภูเขาที่มีบ่อน้ำพุร้อนสมุนไพรแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ขุนนางสูงศักดิ์ละแวกใกล้ๆ ชอบแวะเวียนมา ดังนั้นเหล่าเรือนห้องหับภายในคฤหาสน์จึงวิจิตรงดงามเป็นพิเศษ ทุกวันนี้เป็นเพราะไหวหยางอ๋องเข้าพัก ทั้งข้างในและข้างนอกคฤหาสน์จึงเต็มไปด้วยคนเฝ้ายาม การป้องกันแน่นหนา
หลิ่วเหมียนถังเดินวนรอบนอกคฤหาสน์ไปรอบหนึ่ง มองดูแม่น้ำที่เกิดจากลำธารสายเล็กบนภูเขาไหลมารวมกัน ทันใดนั้นพลันนึกอะไรออก
วันนี้ไหวหยางอ๋องทำตัวเหมือนปกติ หลังแช่ขาที่บาดเจ็บในน้ำพุร้อนสักพักก็นอนพักผ่อนอยู่บนตั่งนิ่มในห้องอุ่น
เขาฝึกวรยุทธ์กับยอดฝีมือมาตั้งแต่เด็ก รวมกับพรสวรรค์แต่กำเนิด ความสามารถในการได้ยินจึงยอดเยี่ยมผิดปกติ
ดังนั้นตอนที่องครักษ์หน้าประตูล้มลงประหนึ่งหัวไช้เท้าโดนฟันล้ม เขาพลันระวังตัวขึ้นมาทันใด สายตามองควันยาสลบถูกเป่าเข้ามาจากในซอกหน้าต่าง ชุยสิงโจวใช้ผ้าเปียกในอ่างปิดปากกับจมูกไว้ จากนั้นยกผ้าห่มขึ้นมาบังใบหน้าซีกล่างของตนเอง แสร้งทำเป็นหมดสติ
ไม่นานจากนั้นหลังควันยาสลบสลายหายไป เงาร่างคล่องแคล่วอรชรร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องอุ่น
ชุยสิงโจวอยู่นิ่งๆ เพียงหรี่ตาลงรอมือสังหารเข้ามาลงมือกับเขา เขาค่อยตอบโต้กลับถึงตาย
แต่ที่ไม่คาดคิดเลยคือมือสังหารผู้นั้นคล้ายไม่ได้รีบร้อนลงมือ เพียงมองสำรวจเขาก่อน จากนั้นหยิบเก้าอี้ด้านข้างตัวหนึ่งมานั่งข้างตั่งนิ่มของเขา ทั้งยังอ่านจดหมายที่เขาเขียนไปได้ครึ่งทางอีกด้วย
จดหมายสำหรับฆ่าเวลาประเภทนี้มักจะเขียนอย่างไร้เป้าหมาย ไม่ค่อยสละสลวย
เนื้อหาในจดหมายที่ชุยสิงโจวส่งไปยังซีโจวช่วงนี้น่าเบื่อถึงขั้นเล่าว่าลูกแมวเหมียนเอ๋อร์เข้ามาปัสสาวะในรองเท้าเขาอย่างไรแล้ว
อย่างที่คิดไว้จดหมายประเภทนี้กระทั่งมือสังหารเองก็นึกดูถูก เขาพลันได้ยินเสียง “ฮึ” หลุดออกมาเบาๆ…
หลังชุยสิงโจวได้ยินเสียงแผ่วเบานี้กลับร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นร่างก็ผ่อนคลายลงอีกครั้ง รอ ‘มือสังหาร’ ผู้นั้นเข้ามาใกล้เงียบๆ
ในที่สุดมือสังหารก็พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมลงมือทำงาน เลิกผ้าห่มออก จากนั้นก็เป็นความเงียบที่ยาวนานอีกระลอก
ในตอนที่ชุยสิงโจวเริ่มรู้สึกหนาวขา ถึงสัมผัสได้ว่ามีของเย็นเฉียบบางอย่างทาลงบนขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเขา
ชุยสิงโจวผุดลุกขึ้นมาจับมือของ ‘มือสังหาร’ ไว้
นางเองก็ตกใจ ไม่คาดคิดแต่อย่างใดว่าเขาจะไม่ถูกยาสลบทำให้หมดสติ!
ชุยสิงโจวมองใบหน้างามสะพรั่งที่ไม่ได้เห็นมานานอย่างค่อนข้างละโมบ ก่อนเอ่ยนิ่งๆ “เจ้ามาหาข้า ข้าใช่ว่าจะไม่ให้พบ เหตุใดต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย”
หลิ่วเหมียนถังต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่แล้ว นางกลัวว่าชุยสิงโจวจะไม่ยอมใช้ยา กลัวว่าจะให้นางยอมรับหนี้น้ำใจ เลยตั้งใจจะลอบเข้ามาทายาให้เขา ถึงเวลาค่อยวางกระปุกยาทิ้งไว้อีกที
ถึงอย่างไรยาที่เหลือก็ไม่มากพอให้นางใช้แล้ว ชุยสิงโจวคิดถึงจุดนี้ได้ก็น่าจะยอมใช้ยาที่เหลือแต่โดยดี
แน่นอนว่าเบื้องหลังข้ออ้างนับพันนับหมื่นคือหลิ่วเหมียนถังอยากมาเห็นบาดแผลของชุยสิงโจวเองกับตา อยากมาดูว่าตอนนี้เขาสบายดีหรือไม่ อาศัยโอกาสตอนที่เขาหลับมาพบหน้าสักครั้งได้จะดีที่สุด ทั้งไม่เยิ่นเย้อ แล้วก็ไม่ลึกซึ้งจนเกินไป
แต่คาดไม่ถึงว่าคนคนนี้กลับหลบเลี่ยงควันยาสลบที่รุนแรงเพียงนั้นของนางได้ ถึงกับลุกมาจับมือนางไว้ด้วยสีหน้าแจ่มใส
นางอยากสลัดหลุดจากมือเขา แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย เพียงออกแรงก็ดึงตัวนางเข้าไปในอ้อมกอดตนเอง
ตอนที่ร่างอ่อนนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมที่เปียกชื้นเย็นเฉียบเข้ามาในอ้อมกอด ชุยสิงโจวเลือดเดือดพล่านไปทั่วทั้งตัว
ตอนทั้งสองคนเลิกรากัน เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะคิดถึงหญิงสาวที่ใจดำผู้นี้เพียงนี้ ตอนนี้เมื่อได้ตระกองกอดนางอีกครั้ง ต่อให้ตายชุยสิงโจวก็ไม่คิดปล่อยมืออีก!
“ปล่อยข้า ข้าแค่นำยามาให้ ในเมื่อท่านอ๋องตื่นแล้วก็เรียกคนมาทายาก็พอ…”
ชุยสิงโจวกอดนางไว้แน่น ปลายจมูกแนบอยู่บนใบหน้าที่ยังมีหยาดน้ำติดอยู่ของนางพลางเอ่ยแนบข้างหูนางว่า “เจ้าบอกว่ามาส่งยา กลับทำคนของข้าสลบกันไปหมด หากข้าไม่สอบสวนเจ้าก็ปล่อยตัวไปเลย มิใช่ว่าเลอะเลือนหรือ”
นางช่างขวัญกล้านัก ใต้หล้านี้ยังมีเรื่องใดที่นางไม่กล้าทำอีก แต่ก่อนตนเองยังดูถูกนางพอตัว!
หลิ่วเหมียนถังได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็เลิกดิ้นรน นึกว่าเขาไม่วางใจ สงสัยว่าตนมีแผนชั่วร้าย ดังนั้นจึงบอกออกไปตามตรง “ข้าลอบดำน้ำเข้ามาตามทางแม่น้ำของคฤหาสน์ ตาข่ายเหล็กใต้แม่น้ำไม่แข็งแรง แค่บิดก็เปิด หลังจากนี้ท่านสั่งให้คนไปอุดช่องโหว่อีกทีเถอะ…”
ชุยสิงโจวฟังจนโทสะซัดใส่จิตใจ เอ่ยเสียงดัง “เหลวไหล! น้ำเย็นเฉียบเพียงนั้นเจ้ากลับดำน้ำเข้ามา? มือเท้าเจ้าทนไอเย็นเช่นนี้ได้ที่ใดกัน”
พูดจบเขากระชากผ้าห่มข้างตัวมาห่อตัวนางไว้มิดชิดทันที จากนั้นตะโกนเรียกคนให้เตรียมเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่เข้ามาให้