ลู่อู่เองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสอบสวน สุยอ๋องผู้นั้นจับจุดอ่อนเรื่องชื่อเสียงของหลิ่วเหมียนถังไว้ ข่มขู่ให้ยอมเป็นอนุ แม้หลิ่วเหมียนถังจะพูดว่าไม่สนใจชื่อเสียง แต่นั่นล้วนเป็นคำพูดของเด็กน้อย
ในสายตาของลู่อู่ สตรีมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงได้อย่างไร แต่หากจะให้สุยอ๋องข่มขู่แล้วยอมเข้าไปในจวนอ๋องของอีกฝ่าย นั่นก็ห้ามกระทำตามฝ่ายนั้นโดยเด็ดขาด
แม้เขาจะไม่ได้เจอสุยอ๋องผู้นั้น แต่สามารถข่มขู่เช่นนี้ออกมาได้ก็ไม่ใช่คู่ครองที่ดีอะไร นับประสาอะไรกับที่สตรีตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพาอย่างหลิ่วเหมียนถังไปเป็นอนุให้ท่านอ๋อง นั่นเป็นประตูที่ลึกล้ำดุจมหาสมุทรจริงๆ มิใช่ว่าจะโดนคนกุมความเป็นตาย ไม่มีพื้นที่ให้ตัดสินใจอะไรเองได้เลยหรือ
คิดมาถึงตรงนี้ต่อให้โกรธมากกว่านี้ก็ไม่อาจโกรธอยู่ได้นาน ลู่อู่ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว ถามหลิ่วเหมียนถังว่าคิดอย่างไร ตอนนี้บุรุษที่หลอกแต่งงานอยู่ที่ใด สามารถรีบกลับมาชดเชยงานแต่งให้หลิ่วเหมียนถังได้หรือไม่
หลิ่วเหมียนถังตอบตามตรงว่าเขาอยู่ในกองทัพ ไม่มีเจตนาจะแต่งงานกับนาง ดังนั้นคงไม่มีทางรีบเดินทางมา
ลู่อู่ได้ยินแล้วขมวดคิ้วกัดฟันกรอด ตะคอกด่าลู่เซี่ยนอีกครั้ง ในเมื่อตอนนั้นเขาอยู่ที่ซีเป่ย เหตุใดจึงเก็บเจ้านั่นไว้ ไม่หักขาเจ้าสุนัขหลอกสตรีไม่รับผิดชอบตัวนั้นเสีย!
ลู่เซี่ยนไม่กล้าพูดว่าคนสารเลวหลอกลวงสตรีเป็นผู้บัญชาการทหารซีเป่ย เพียงแอบส่งสายตาให้หลิ่วเหมียนถัง บอกให้นางอย่าหลุดเผยความจริงออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นวันนี้บิดาเขาคงได้โมโหจนสลบไปแน่
พูดกันตามตรงหลิ่วเหมียนถังเองก็คิดไม่ถึงว่าสุยอ๋องจะนึกรับตนเองเป็นอนุขึ้นมา แต่คิดอีกทีก่อนหน้านี้ตอนที่เขาคิดว่าตนเป็นภรรยาพ่อค้า ยังทำเรื่องอย่างลักพาตัวออกมาได้เลย
ตอนนี้รู้ว่าตนเองถูกคนหลอกลวง ไม่ได้แต่งงานจริงๆ ย่อมไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว
หากเรื่องเกิดขึ้นเร็วกว่านี้นางอาจไร้แผนการรับมือ แต่ตอนอยู่โยวโจวไหวหยางอ๋องบอกกับนางว่าห้ามแต่งงาน ดังนั้นเรื่องนี้ควรจะให้ท่านอ๋องต่อสู้กัน ปล่อยท่านอ๋องทั้งสองไปปรึกษากันเอง
หลังปลอบท่านตาให้เขาไม่ต้องกังวลเกินไป รอเรื่องราวสงบลงค่อยคิดวิธีคืนสินสอดกลับไปอย่างไร หลิ่วเหมียนถังก็กลับไปที่เรือนตนเองแล้วจับพู่กันเขียนจดหมายให้ชุยสิงโจว
ในจดหมายเองก็ไม่มีประโยคอ้อมค้อม เพียงเขียนว่าตอนนี้หน้าประตูบ้านของตนมีคนคิดรับตนเป็นอนุเรียงเป็นแถว สุยอ๋องจับจุดอ่อนตน คิดอยากบังคับให้แต่งงานด้วย
เขียนจดหมายเสร็จหลิ่วเหมียนถังก็เรียกฟั่นหู่เข้ามาให้ช่วยส่งจดหมายให้
เขาย่อมมีวิธีส่งจดหมายไปถึงมือชุยสิงโจวโดยเร็วที่สุด
กระนั้นหลิ่วเหมียนถังก็รู้ว่าน้ำไกลดับกระหายที่ใกล้ไม่ได้* เรื่องนี้เกิดขึ้นตรงหน้าจะปฏิเสธสินสอดโดยอ้อมอย่างไรเป็นเรื่องที่ตนเองต้องเผชิญหน้าเอง ไม่อย่างนั้นหากเอาสินสอดกองไว้ตรงหน้าประตูต่อไป ทันทีที่มีฝนตกลงมาเปียกสินสอดจะยิ่งส่งคืนได้ยากกว่าเดิม
ในตอนนั้นเองฟางเซียรีบร้อนเข้ามาเอ่ย “คุณหนู มีใต้เท้ามาเยือนอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ตอนนี้เวลาปี้เฉ่าได้ยินคำจำพวก ‘ใต้เท้า’ เอย ‘ผู้สูงศักดิ์’ เอย ในใจล้วนรู้สึกตื่นตระหนก ถามอย่างอึดอัดใจ “คงไม่ใช่เจิ้นหนานโหวท่านนั้นกลับมาร่วมวงด้วยใช่หรือไม่”
ฟางเซียถลึงตาใส่นางพลางเอ่ย “ท่านโหวผู้นั้นกลับไปตั้งแต่คุณหนูไม่อยู่แล้ว ไฉนเลยจะวกกลับมาร่วมวงได้! ครั้งนี้เป็นผู้ช่วยนายอำเภอของพวกเรา ใต้เท้าหลี่กวงไฉ!”
หลิ่วเหมียนถังขมวดคิ้วน้อยๆ หันไปมองหลี่มามา “เขามาทำอะไร”
หลี่มามาก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ในสายตานางท่านอ๋องไม่อาจวางใจในตัวคุณหนูหลิ่ว เกรงว่าเรื่องที่สุยอ๋องผู้นั้นตั้งใจมาตัดหน้าจะสร้างความไม่พอใจให้ท่านอ๋องอีกแล้ว
หลี่มามามองหลิ่วเหมียนถังแล้วลอบถอนหายใจ คุณหนูที่ไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุน แต่ดันมีรูปโฉมดีเพียงนี้ ไฉนเลยจะยืนตามลำพังได้ หรือจะถูกชะตากำหนดให้มีชีวิตเป็นอนุจริงๆ?
หลิ่วเหมียนถังลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปห้องโถงด้านหน้า คิดอยากฟังว่าใต้เท้าหลี่ท่านนี้มาทำอะไร