ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 139-140 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 139-140

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 139

เซียวอ๋องเดินทางเข้าเมืองหลวงไปเข้าเฝ้าครั้งนี้นับว่าราบรื่นผิดปกติ ฮ่องเต้เรียกพบองค์ชายรองในห้องทรงพระอักษรทิศใต้ตามลำพัง หลังจากอ่านฎีการายงานการทำงาน รวมถึงบัญชีเก็บภาษีการเกษตรและการค้าเมืองต่างๆ ในช่วงสองปีมานี้ของไหวหนานที่เซียวอ๋องถวายให้ก็ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ

“ถึงแม้เติ้งไหวโหรวจะเสียชีวิตแล้ว แต่พรรคพวกของเขายังคงถูกกวาดล้างไม่หมด ด้วยเหตุนี้ลูกจึงจัดตั้งกองกำลังขึ้นตามเมืองต่างๆ และย้ายให้ไปอยู่ในเขตอำนาจของเมืองเหล่านั้นเป็นคนดูแล ขณะเดียวกันยังตรวจสอบทะเบียนเรือนของแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้หมู่บ้านห่างไกลเป็นแหล่งรังลับค่ายโจร เมื่อเวลาผ่านไปพวกเราจะปราบปรามโจรเติ้งจนสิ้นซาก คืนความสงบสุขแก่ชาวไหวหนานได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮั่วอวิ่นผงกศีรษะอีกครั้ง ตลอดมาบุตรชายคนนี้ของเขาเป็นคนรอบคอบ ทำอะไรสุขุม ผลงานที่งดงามของไหวหนานก็เป็นแค่การยืนยันความสามารถของเจ้ารองอีกครั้งเท่านั้น

“หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ทางชายแดนเหนือเร่งด่วน ข้าก็ไม่เต็มใจโยกย้ายเจ้าออกจากไหวหนานเหมือนกัน! สถานที่แห่งนี้ยังเหลืองานคั่งค้างไม่พูดถึง…เรือนหลังที่อุตส่าห์เก็บกวาดสะอาดสะอ้าน แม้แต่เวลานั่งลงชื่นชมทิวทัศน์ จิบชาอย่างสบายๆ ก็ยังไม่มี ต่อให้เปลี่ยนเป็นข้าก็ไม่เต็มใจเหมือนกัน!”

ปากฮั่วอวิ่นเอ่ยเสียดายแทนเจ้ารอง ทว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับจับจ้องสีหน้าของฮั่วจวินถิงอย่างวาวโรจน์

เซียวอ๋องได้ยินคำพูดของบิดาแล้วรีบเอ่ยปากตอบ “ใต้หล้าของต้าฉียังไม่สุขสงบ ลูกจะกล้าเมินเฉยไม่สนใจ ปักหลักอยู่ในสถานที่คับแคบ แต่ไม่ช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อได้อย่างไร ช่วงนี้ชนต่างเผ่าทางชายแดนเหนือรุ่งเรืองขึ้น เผ่าต๋าต๋าพิชิตแคว้นโหลวหลัน แล้วอำนาจเพิ่มพูน ยกทัพออกมาหยั่งเชิงอยู่บ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะบุกรุกเมืองชายแดน ถึงแม้ตัวลูกจะอยู่ทางใต้ ทว่าคอยกังวลทุกคืนวันจนนอนไม่หลับ ต่อให้เสด็จพ่อมิทรงออกพระราชโองการ ก็ตั้งใจจะขอนำทัพออกรบเองอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉีตี้ได้ยินถึงตรงนี้ก็ผงกศีรษะ สีหน้าไม่แสดงอาการ

เซียวอ๋องกล่าวต่อ “เมื่อหลายวันก่อนลูกเคยศึกษาสภาพภูมิประเทศของชายแดนเหนือ พอจะเข้าใจบางอย่าง จึงเอากระบะทรายกระบะหนึ่งมาเป็นพิเศษ ขอเชิญเสด็จพ่อทอดพระเนตรดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉีตี้ร้องอ้อรับรู้พลางมองเซียวอ๋อง หรือเจ้ารองจะวางแผนทิ้งไหวหนานที่สร้างรากฐานเรียบร้อย รีบรุดไปยังชายแดนเหนืออันทุรกันดารจริงๆ ภายในใจนึกสงสัย ขณะปากเอ่ยว่า “ได้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ารองคือม้าวิ่งพันหลี่ ของสกุลฮั่วเรา สามารถช่วยแบ่งเบาภาระแก้ปัญหาให้พ่อได้” ก่อนหันไปบอกให้ขันทีนำสิ่งของที่ถวายขึ้นมา

สักพักจากนั้นขันทีสี่คนก็ยกกระบะทรายใบใหญ่จากนอกตำหนักมาวางลงบนโต๊ะ

กระบะทรายนี้ขนาดใหญ่เทียบเท่ากับกระบะทรายธรรมดาห้าหกใบ ใช้ดินเหนียวปั้นเลียนแบบเทือกเขาสลับซับซ้อน ใช้ทรายขาวโรยเป็นลำธารแม่น้ำ ใช้กิ่งไม้กับหญ้ากอเล็กทำเป็นผืนป่ากับทุ่งหญ้าตามลักษณะภูมิประเทศจริงของชายแดนเหนือ อีกทั้งยังใช้ท่อนไม้แกะสลักเป็นเมือง กระโจมเอามาแทนเมืองของชนต่างเผ่ากับสถานที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีทหารม้ากับทหารเดินเท้าแกะสลักจากไม้อีกจำนวนมากมาแทนจำนวนและตำแหน่งของกองทัพชนเผ่าต่างๆ ทว่ากลับละเอียดถี่ถ้วนและประณีตยิ่งกว่ากระบะทรายไหนๆ ที่ฮ่องเต้ฉีตี้เคยเห็น มองดูกระบะทรายนี้แล้ว ต่อให้ฮ่องเต้ฉีตี้ไม่เคยเดินทางไปชายแดนเหนือก็สามารถทำความเข้าใจการกระจายตัวของขั้วอำนาจทางชายแดนเหนือของต้าฉี กับตำแหน่งและพลังของชนต่างเผ่าต่างๆ ได้ในการมองครั้งเดียว

ฮ่องเต้ฉีตี้เองก็แยกแยะเป็น รู้ว่าของสิ่งนี้ไม่อาจเตรียมขึ้นมาในเวลากระชั้นชิดอย่างแน่นอน ถ้าไม่เสียเวลาสักสองสามปีคงไม่มีทางทำได้ประณีตถึงขั้นนี้ ดูท่าที่เจ้ารองบอกว่ากังวลต่อสถานการณ์ของชายแดนเหนือไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น

หลังจากเซียวอ๋องอธิบายทุกอย่างจบ ฮั่วอวิ่นนิ่งเงียบอยู่นานมาก รู้สึกว่าจุดติดขัดที่ทำให้เขาใคร่ครวญอยู่นานล้วนถูกแก้ไขไปทีละอย่างภายใต้เสียงสุขุมมีพลังของฮั่วจวินถิง

ฮ่องเต้ฉีตี้อดเคลื่อนสายตามองไปทางบุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่ยืนอยู่ข้างกระบะทรายอย่างมั่นคงไม่ได้ ภายในใจเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว รูปร่างกับเค้าโครงหน้าของบุรุษหนุ่มตรงหน้าล้วนคล้ายคลึงกับเขาสมัยอายุน้อย นี่คือบุตรชายของเขา มีเลือดของเขาฮั่วอวิ่นไหลเวียนอยู่ นี่เป็นความรู้สึกชื่นใจอย่างอดไม่ได้เวลาบิดาคนหนึ่งมองเห็นบุตรชายประสบความสำเร็จ คิดถึงตรงนี้เขาก็ลุกขึ้นยืนเดินอ้อมโต๊ะทรงพระอักษร ค่อยๆ ก้าวถึงข้างกายเซียวอ๋องแล้วตบบ่าอีกฝ่าย เอ่ยว่า “สมกับที่เป็นลูกข้า”

เซียวอ๋องรีบก้มหน้าลง ฮั่วอวิ่นเคลื่อนสายตามองไปยังมือตนเองที่ตบลงบนบ่ากว้างของบุตรชายโดยไม่รู้ตัว แตกต่างจากผิวกายเต่งตึงกำยำของเซียวอ๋อง มือของฮ่องเต้ฉีตี้เริ่มมีริ้วรอยขึ้นมาแล้ว พอจะมองเห็นจุดด่างดำที่ไม่สม่ำเสมอ สีน้ำตาลเข้มเผยกลิ่นอายเสื่อมโทรมปะทะเข้าใส่หน้า

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 20

บทที่ 20 ความรักลึกซึ้งแนบแน่น เฮ่อหลันฉือไม่มีท่าทางประหนึ่งไม่ยี่หระต่อความตายแต่บนใบหน้ายังคงดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 137-138

บทที่ 137 ยามนั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเองก็เปลี่ยนเป็นชุดพันรอบอกสำหรับเล่นน้ำแล้ว นางเกิดมาแขนขายาว ดังนั้นท่อนล่างถัดจากเสื...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 139-140

บทที่ 139 เซียวอ๋องเดินทางเข้าเมืองหลวงไปเข้าเฝ้าครั้งนี้นับว่าราบรื่นผิดปกติ ฮ่องเต้เรียกพบองค์ชายรองในห้องทรงพระอักษรท...

community.jamsai.com