ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 73-74
ในไม่ช้ากองทัพเซียวอ๋องก็สูญเสียเรือรบลำเล็กไปหลายสิบลำ ขณะที่ฝั่งหนานลู่กงนอกจากเรือลำเล็กไม่กี่ลำแล้วแทบจะไม่สูญเสียอะไร เซวียเฟิงที่อยู่บนแท่นบัญชาการผงกศีรษะ หลังจากสัญญาณธงเปลี่ยนก็ได้เห็นว่ากองทัพเรือที่กระจายตัวกันสู้ใครสู้มันของกองทัพเซียวมารวมตัวกันกะทันหัน เรือสิบลำจับกลุ่มเป็นกองทัพย่อย พากันเล็งเป้าหมายแล้วรุมเข้าโจมตี ถึงแม้เรือลำเล็กของกองทัพเซียวจะเป็นกองทัพเบ็ดเตล็ด พละกำลังในการโจมตีอ่อนกว่ากองทัพเติ้งมาก แต่ว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือก็ยากจะรับมือกับศัตรูสี่มือ มดรุมกัดช้างตายได้ เรือสิบลำรุมเรือลำเดียว กองทัพเติ้งเองก็ต้านไม่ไหว ถึงแม้จะทำลายเรือของกองทัพเซียวไปมากแล้ว แต่เรือรบของกองทัพเติ้งที่ถูกรุมโจมตีเองก็ทยอยกันถูกปืนกระสุนดินเหลืองตัดสินว่าเรือจมเช่นเดียวกัน จากนั้นกองทัพเซียวก็จะเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีใหม่
ผู้บัญชาการกองทัพเติ้งเองก็ตื่นตระหนก รีบสั่งให้เรือรบขนาดกลางกับขนาดใหญ่เข้าแก้ไขสถานการณ์ แต่เรือรบขนาดกลางจำนวนหนึ่งกับเรือรบขนาดเล็กยี่สิบลำของกองทัพเซียวกลับผละจากพื้นที่สงครามแต่เดิมของตนเองกะทันหัน จัดกระบวนทัพเป็นทรงกรวยแล้วพุ่งเข้าใส่เรือรบขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ขณะที่เรือรบลำเล็กจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เรือรบขนาดกลางที่ป้องกันเรือรบขนาดใหญ่ตรงๆ จากนั้นบนเรือเล็กล่อเป้าที่ไร้ผู้คนพลันเกิดเสียงระเบิดกับควันหนาขึ้นมากะทันหัน เรือรบลำเล็กกับเรือรบขนาดกลางของกองทัพเติ้งที่โดนชนถูกตัดสินว่าจมลงทะเลเพลิงพร้อมกันในทันที ส่วนเรือรบยี่สิบลำของกองทัพเซียวที่ลอยอยู่แนวหลังก็จัดทัพเดินเรืออ้อมกองทัพเรือทั้งสองฝ่ายที่ปะทะกันอยู่ พุ่งเข้าหาแท่นบัญชาการของกองทัพเติ้ง และอาศัยจุดเด่นด้านจำนวนที่มากกว่าตรึงกองทัพเติ้งเอาไว้ ไม่ให้พวกเขามาช่วยเหลือทางแท่นบัญชาการ
กองทัพเติ้งไม่พัวพันกับกองทัพเซียวต่ออีก คิดแต่จะสลัดหลุดเพื่อไปปกป้องแท่นบัญชาการ สุดท้ายตอนที่กองทัพเรือลอบโจมตีของเซียวอ๋องยังเหลืออีกสามสิบจั้งก่อนถึงแท่นบัญชาการกองทัพเติ้ง กองทัพเติ้งก็สามารถทำลายกองทัพเซียวลงได้ทันกาล การซ้อมรบจบลงที่ตรงนี้ กองทัพเซียวแทบจะเสียชีวิตทั้งกองทัพ ขณะที่กองทัพเติ้งสูญเสียไปเพียงหนึ่งในสาม
ทูตต่างแคว้นบางส่วนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหนานลู่กงร้องชื่นชมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังชำเลืองมองไปทางเซียวอ๋องที่อยู่บนแท่นบัญชาการ ก่อนจะผิดหวังที่พบว่าเซียวอ๋องมีสีหน้าเป็นปกติ อดไม่ได้ลอบค่อนขอดว่าหน้าด้านหน้าทนจริงๆ
แต่บางส่วนที่ตาแหลมกลับพบว่าถึงแม้กองทัพเติ้งจะคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ สีหน้าของหนานลู่กงกลับดำทะมึนอย่างหนัก คล้ายเป็นคนแพ้สงครามเสียเอง ขณะที่ขุนนางกับแม่ทัพต่างแคว้นที่มีความเข้าใจเรื่องกองทัพต่างตกตะลึง มองคล้ายเซียวอ๋องพ่ายแพ้ยับเยิน แต่อย่าลืมว่ากองทัพเรือของไหวหนานได้หนานลู่กงดูแลอย่างยากลำบากมายี่สิบกว่าปีถึงมีความสามารถอย่างในตอนนี้ และกองทัพเรือที่นำออกมาซ้อมรบในครั้งนี้ก็เกือบจะถึงเจ็ดส่วน ทว่ากลับเสียหายถึงหนึ่งในสามภายในศึกเดียว
หันกลับมามองทางเซียวอ๋อง เรือที่ใช้ส่วนใหญ่ต่างเป็นเรือเก่ากับเรือประมงดัดแปลง สิ้นเปลืองเวลากับเงินทองไม่มากเท่าไรก็สามารถสร้างกองทัพเรือ ‘ขอทาน’ ขนาดเดียวกันออกมาได้อีกครั้ง ถ้าหากเกิดศึกใหญ่ขึ้นจริงๆ เซียวอ๋องสิ้นเปลืองน้อยมากก็ทำให้กองทัพเรือไหวหนานบาดเจ็บหนักได้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้หนานลู่กงไม่ผิดหวังเคืองโกรธ ถึงขั้นที่แอบหวาดกลัวได้อย่างไร มิหนำซ้ำกองทัพที่ลอบโจมตีเมื่อครู่นี้ถึงแม้จะถูกทำลายลง แต่ก็แล่นไปถึงบริเวณที่คุกคามแท่นบัญชาการได้แล้ว
นี่มิใช่เป็นการบอกว่าในสงครามของจริง ขอแค่เซียวอ๋องส่งกองทัพที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีมาอ้อมแนวป้องกันของตนเองสำเร็จ จะมีโอกาสกำจัดตนเองทิ้งได้หรอกหรือ หนานลู่กงยิ่งคิดยิ่งตกใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวภายหลัง แววตาที่มองเซียวอ๋องดูอึมครึมผิดปกติ
ส่วนอวี้ฉือเฟยเยี่ยนอยู่บนที่นั่งรับชมฝั่งสตรีจากจวนต่างๆ รับฟังคำพูดแสดงความเสียดายแทนเซียวอ๋องจากบรรดาสตรีรอบกายก็เพียงยิ้มน้อยๆ ก่อนผงกศีรษะเบาๆ ให้กับหนานลู่กงฮูหยินเว่ยเซวียนซื่อที่อยู่ด้านข้าง
เพียงแต่ครั้งนี้หนานลู่กงฮูหยินผู้อ่อนโยนกลับยิ้มอย่างฝืดฝืนอยู่บ้าง
การซ้อมรบครั้งเดียวช่วยลดทอนบรรยากาศตึงเครียดของไหวหนาน เซียวอ๋องเพิ่มความมั่นคงให้กับสถานการณ์การปกครองละแวกจินสุ่ย รวมถึงขยายขอบเขตปกครองเมืองชายแดนได้อีกก้าว ต้าฉีนั้นรับเครื่องราชบรรณาการทุกสิ้นปี หลังจากแต่ละท้องที่เก็บรวบรวมเงินภาษีประจำปีเรียบร้อยก็จะจ่ายให้กับราชสำนัก เซียวอ๋องพิจารณาถึงชาวบ้าน ตัดสินใจลดภาษีให้กับราษฎรในพื้นที่การปกครองของเขา ในฐานะพ่อค้าเกลือรายใหญ่ที่ยึดครองการค้าเกลือไผ่ทั่วทุกหนแห่งเอาไว้ เซียวอ๋องช่วยจ่ายค่าภาษีแทนราษฎรในพื้นที่ไหวหนานให้อย่างใจกว้าง
นี่ทำให้ราษฎรของไหวหนานยกย่องสรรเสริญอย่างมาก! แต่ที่ทำให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนมีความสุขมากที่สุด กลับเป็นเรื่องที่น้องชายน้องสาวของนางจะแวะมาเยี่ยมนางที่ไหวหนานด้วยกัน
ท่านลุงในฐานะผู้อาวุโสย่อมไม่มีเหตุผลให้มาฉลองปีใหม่ที่จวนของหลานสาว ขณะที่เสียนเกอเอ๋อร์รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่เล็กๆ อยู่ในท้องถิ่นหนึ่ง ฝึกฝนมาหนึ่งปีเต็มแล้ว พอถึงช่วงสิ้นปีสามารถกลับมาเยี่ยมครอบครัวได้พอดี จึงขอลาหยุดล่วงหน้า พาน้องสาวอวี้ฉือจิ้งโหรวนั่งเรือสินค้าของไหวหนานที่บรรทุกเกลือไผ่ไปขายเสร็จกลับมาด้วยกัน อวี้ฉือเฟยเยี่ยนส่งรถม้าไปรอรับญาติผู้น้องที่ท่าเรือล่วงหน้า รวมถึงสั่งให้หัวหน้าเว่ยเตรียมเรือนแยกสองแห่งสำหรับให้ทั้งสองคนพักอยู่
อวี้ฉือจิ้งโหรวเลิกม่านก้าวลงจากรถม้า ขณะนี้ตรงกับช่วงฤดูหนาวจัดของไหวหนาน เด็กสาวสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว ประดับปิ่นหยกบุปผา ขับเน้นให้ดูอ่อนหวานน่ารักยิ่งขึ้น เดิมอวี้ฉือเฟยเยี่ยนหลงนึกว่าจะได้เห็นดวงหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานของอวี้ฉือจิ้งโหรวตอนลงจากรถม้า แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเด็กสาวร้องไห้จนตาคู่งามแดงก่ำ บวมปูดดั่งผลเหอเถา เมื่อมองเห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนที่ยืนรออยู่หน้าประตูจวนก็เอ่ยเรียกญาติผู้พี่เสียงสั่นแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนสะดุ้งตกใจ นึกว่าเสียนเกอเอ๋อร์กับอวี้ฉือจิ้งโหรวสองพี่น้องทะเลาะกันบนเรือจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงทักทายกันสั้นๆ แล้วพาพวกเขาเข้าจวน หาโอกาสดึงตัวเสียนเกอเอ๋อร์มาคุยด้วย “เจ้าเข้าไปทำงานในที่ว่าการเมืองแล้วก็ควรจะมีความเป็นผู้ใหญ่ เหตุใดยังทะเลาะกับน้องสาวเจ้าอีก ทำให้นางร้องไห้จนมีสภาพดูไม่ได้เช่นนี้”
เสียนเกอเอ๋อร์ยิ้มขื่นอย่างจนใจ ก่อนเอ่ย “ญาติผู้พี่ มีบางอย่างที่ท่านไม่ทราบ สาเหตุที่ซ่อนอยู่นี้ช่างชวนให้คนพูดได้ยากนัก!”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนช้อนสายตาขึ้นจ้องเขม็งมองเสียนเกอเอ๋อร์โดยไม่รู้ตัว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ก.พ. 68
Comments
