X
    Categories: LOVEฌาลิสสาทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฌาลิสสา บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 5

เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นหินขัดดังตึกตักจากการเดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้าร้อนใจ ตรงข้ามกับผู้เป็นเจ้านายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น มือหนาลูบขนเจ้าเสืออ้วนที่นั่งอยู่บนพรมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลจุดดำยิบหยีลงยามผู้ที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกลูบขนให้อย่างอ่อนโยน

“ทรงนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ ข่าวออกโครมๆ แบบนั้น”

“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะปานเดย์”

“รับสั่งมาสิพ่ะย่ะค่ะ จะให้กระหม่อมสั่งปิดหนังสือพิมพ์ สั่งให้เล่นข่าวอื่นหรือไม่ก็ตั้งทีมไอโอมาเบี่ยงเบนความเห็นของประชาชนก็ได้”

“ฉันจะห้ามความคิดคนได้ยังไง”

“แล้วจะปล่อยให้เจ้าหญิงน้อยรับเรื่องนี้ลำพังเหรอพ่ะย่ะค่ะ”

ปานเดย์เม้มปากเมื่อมหาราชาผงกศีรษะขึ้นจากพนักพิงด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย

“เรื่องบางอย่างมันมีจังหวะของมัน รีบร้อนไปจะเสียงานเปล่า”

ปานเดย์เป็นมหาดเล็กประจำพระองค์ของมหาราชาฌาร์มานมาเป็นสิบปี รู้อารมณ์ของเจ้านายดีว่าโปรดหรือไม่โปรดอะไร แต่หากเป็นเกมการเมืองหรือการรับมือศัตรู ปานเดย์มักจะตามไม่ค่อยทันเจ้านายเสมอ

“แต่นี่ผ่านมาตั้งห้าวันแล้ว อย่างน้อยฝ่าบาทก็น่าจะรับสั่งให้สำนักข่าวเพลาๆ ข่าวนี้บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าฉันทำเช่นนั้นก็เข้าทางคาจาลสิ พวกมันเล่นงานลิสสาเพื่อชิ่งกระทบฉัน ข่าวถึงโจมตีว่าฉันไร้ความสามารถ แค่เจ้าหญิงพูรัมก็ดูแลไม่ได้ แล้วจะดูแลประชาชนได้ยังไง พวกมันเอาเรื่องนี้มาตีข่าวให้ฉันกับพูรัมแตกคอกัน เพราะอยากให้ฉันเสียมิตรประเทศสำคัญไป”

“ฝ่าบาทหมายถึงกลุ่มบาดัลเหรอพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้มีแค่กลุ่มบาดัล แต่คูชรีก็ร่วมด้วย”

กลุ่มบาดัลเป็นกลุ่มที่รวบรวมชนชั้นนำระดับประเทศไว้ด้วยกัน โดยมีรานีคาจาลเป็นหัวหอกสำคัญ ซึ่งเผลอๆ อาจมีรานีจากคูชรีที่เป็นอริกับมหาราชาฌาร์มานร่วมมือด้วย

“ทางโน้นคงรอจังหวะนี้มานาน พอลิสสาบินมาร่วมงานเลยใช้แผนลักพาตัว แล้วโยนความผิดให้ฉันรับผิดชอบ โดยเลือกใช้คนจากคูชรีเพื่อปัดสวะให้พ้นตัวว่ากลุ่มบาดัลไม่เกี่ยวข้อง”

“ร้ายกาจมาก!”

มหาราชาแค่นยิ้มหยัน “คาจาลทำเรื่องเลวร้ายกว่านี้มาตั้งมาก นี่แค่เสี้ยวนึง แกไม่เห็นต้องตกใจ”

“ว่าแต่ฝ่าบาททรงติดต่อไปทางพูรัมรึยังพ่ะย่ะค่ะ ทางนั้นว่ายังไงบ้าง” ฌาร์มานส่ายหน้า “อย่างน้อยฝ่าบาทควรอธิบายให้ทางพูรัมเข้าใจนะพ่ะย่ะค่ะ”

“รู้แล้วล่ะน่า แกออกไปก่อนเถอะ”

ปานเดย์ทำความเคารพผู้เป็นนายก่อนก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป ทิ้งเจ้าเหนือหัวไว้กับเจ้าเสืออ้วนวัยสองขวบกว่า

“โทรดีไหมเกอร์”

ฌาร์มานลูบหัวเสือโคร่งเบงกอลที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กเท่าต้นแขน แต่บัดนี้ตัวใหญ่จนเขาอุ้มแทบไม่ไหว เจ้าเสืออ้วนเงยหน้า แยกเขี้ยวแหลมอวดก่อนทิ้งตัวลงนอนพังพาบกับพื้น แกว่งหางอย่างสบายอารมณ์

ขณะที่เจ้าของเสือกลับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นติดตามตัว สัญญาณจีพีเอสในเขี้ยวเสืออันใหม่ที่เขาสับเปลี่ยนตอนคืนให้ลลิสสาหลังออกมาจากกระท่อมฉับไวขึ้นกว่าอันเก่าที่เคยแอบสับเปลี่ยนสมัยช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ในวัยสิบเก้าปี

“ข่าวลือขนาดนี้ ยังมีแก่ใจขี่ม้าอีกเหรอลิสสา”

 

‘ไปขี่ม้า ไม่ต้องตาม เดี๋ยวกลับเอง’ 

เจ้าหญิงลลิสสาทิ้งข้อความไว้ให้พี่เลี้ยงมันจูก่อนแอบออกมาขี่ม้าตามลำพัง เธอขลุกอยู่ที่อุทยานเกือบสองชั่วโมง แต่แล้วความสงบก็ถูกรบกวนเมื่อขบวนองครักษ์ออกตามหากันจ้าละหวั่นจนเธอต้องขี่ม้ากลับตำหนักในที่สุด

“ลิสสาแค่ออกไปขี่ม้าเล่น ทำไมต้องยกโขยงมาขนาดนี้ด้วยนะพี่มันจู”

หญิงสาวชักสีหน้าใส่พี่เลี้ยงซึ่งยืนรออยู่หน้าตำหนัก

“ทรงหายไปเกือบสองชั่วโมง จะไม่ให้ร้อนใจได้ยังไงล่ะเพคะ”

“ลิสสาส่งข้อความบอกพี่มันจูแล้วนี่นา”

“โทรศัพท์ของหม่อมฉันแบตฯ หมดน่ะสิเพคะ อย่างน้อยก็น่าจะแจ้งนางกำนัลคนอื่นไว้ด้วย แอบออกไปในสถานการณ์แบบนี้มันอันตรายนะเพคะ”

“ตายเสียได้ก็ดี ใครๆ จะได้เลิกเห็นลิสสาเป็นหมากในกระดานเสียที”

“โธ่ ใครจะกล้าคิดแบบนั้นล่ะเพคะ”

“เยอะแยะ เปิดเฟซบุ๊กก็เจอแล้ว”

แค่ออกไปขี่ม้าให้พ้นสายตาใคร่รู้ของเหล่านางกำนัลยังถูกตามตัวกลับ ตกลงเธอเป็นเจ้าหญิงหรือนักโทษกันแน่ ความขุ่นเคืองที่ยังอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจทำให้เจ้าหญิงน้อยเร่งฝีเท้า หมายจะเดินหนีกลับห้องนอน แต่ฝีเท้าก็เป็นอันต้องสะดุดเมื่อเสียงพูดคุยดังลอดมาจากโต๊ะน้ำชาในห้องนั่งเล่น

“พวกนักการเมืองทำไปเพราะหวังผลเลือกตั้ง คนนึงพูดแล้วได้ซีน คนอื่นก็หิวแสงทำตามๆ กัน เรื่องของราชวงศ์เป็นอาหารปากของประชาชนอยู่แล้ว พี่จะห้ามอะไรได้”

“แต่ลูกสาวหม่อมฉันเป็นเหยื่อนะเพคะ ฝ่าบาทไม่คิดจะทำอะไรเพื่อลิสสาบ้างรึไง”

“ไม่ใช่ไม่ทำ พี่แค่รอเวลาให้อารมณ์ของประชาชนเย็นลงกว่านี้”

“อย่างน้อยก็น่าจะรับสั่งให้นักข่าวเขียนข่าวเพลาๆ ลงหน่อย ฝ่าบาทเป็นมหาราชานะเพคะ”

“ขืนเราสั่งห้ามออกข่าว พวกนั้นก็หันมาโจมตีว่าเราใช้อำนาจบาตรใหญ่ ปิดหูปิดตาประชาชน ทีนี้ล่ะประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็คงพานเกลียดราชวงศ์น่ะสิวตี”

แม้จะเห็นด้วย แต่ในใจของมหารานีแห่งพูรัมกลับยังไม่หายขุ่นใจ

“แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอเพคะ ลิสสามีแต่เสียกับเสีย หม่อมฉันมั่นใจว่าสองวันที่ลิสสาหายไปไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น”

“พี่รู้ว่าลิสสาปลอดภัย ฌาร์มานยืนยันกับพี่เอง เชื่อพี่เถอะวตี อีกไม่นานอะไรๆ จะดีขึ้นเอง”

“แล้วทรงคุยกับลิสสารึยังเพคะ”

“ลิสสาไม่ยอมเจอพี่น่ะสิ ไม่รู้โกรธอะไรนักหนา”

“ก็ทรงบังคับให้ลิสสาไปร่วมงานวันเกิดมหาราชาทำไมล่ะเพคะ”

“พี่หวังดีหรอก”

รานีปัทมาวตีถอนหายใจ “ทรงเลิกจับคู่ลิสสากับมหาราชาได้แล้วนะเพคะ มหาราชาย่างสี่สิบแล้ว แต่ลูกสาวของหม่อมฉันแค่ยี่สิบเอ็ด ห่างกันตั้งเกือบยี่สิบปี ทรงคิดอะไรอยู่ถึงจับคู่ลิสสากับชายแก่”

“พูดซะเสียเลย ฌาร์มานแค่สามสิบเก้าเองวตี ยังไม่แก่เสียหน่อย ในสายตาของเรา ฌาร์มานเหมาะกับลิสสามาก เราเชื่อว่าฌาร์มานจะปกป้องคุ้มครองลิสสาได้”

“แต่หม่อมฉันรับปากรานีอุษมาไว้ก่อนท่านสิ้นว่าจะดูแลลิสสาเหมือนลูก เพราะฉะนั้นอย่าทรงบีบให้ลิสสาไปดูตัวอีก หม่อมฉันไม่ยอมแน่”

“พี่ก็แค่…”

“ส่งลิสสาไปงานวันเกิดมหาราชา อ้างว่าเป็นตัวแทนพูรัม แต่แท้จริงแล้วทรงวางแผนจะให้สองคนนี้ทำความรู้จักกัน อย่าคิดว่าหม่อมฉันรู้ไม่ทันนะ” มหาราชาแห่งพูรัมยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกรานีคู่ใจอ่านออกจนหมดเปลือก “สาวๆ กุณฑ์ชาลาสวยๆ เยอะแยะ เหตุใดต้องมายุ่งกับลิสสา หรือว่าทรงมีรสนิยมชอบเด็ก”

“ฌาร์มานไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วอีกอย่างหมอนั่นวันๆ ทำแต่งาน จะเอาเวลาไหนไปยุ่งกับผู้หญิง”

“หรือไม่ก็อาจจะโปรดเพศเดียวกันเหมือนที่คนเขาลือกัน”

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

“ฝ่าบาทเป็นแค่พระสหายนะเพคะ ไม่ได้อยู่กับมหาราชาตลอด ทรงแน่พระทัยได้ยังไง”

“พี่รู้ก็แล้วกันน่าว่าฌาร์มานไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน ฌาร์มานเป็นพวกฝังใจ รักแล้วรักเลย”

“แปลว่าทรงมีคนรักอยู่แล้วเหรอเพคะ”

สีหน้าของมหาราชาอาเมียร์เหมือนคนน้ำท่วมปาก จะเอ่ยตอบอะไรก็เข้าตัวไปเสียหมด

“เอาเป็นว่าฌาร์มานเหมาะสมกับลิสสามาก พี่เชื่อว่าเขาจะปกป้องคุ้มครองลิสสาได้”

“ทรงคิดแต่ในมุมของผู้ชาย คิดไหมว่าลิสสาจะทุกข์แค่ไหนหากต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”

“พี่ถึงส่งลิสสาไปเจอฌาร์มานก่อนไงล่ะ ถ้าลิสสาไม่ชอบ พี่ก็ไม่บังคับ”

“ทรงยอมรับแล้วใช่ไหมเพคะว่าเป็นแผนของพระองค์” บางครั้งมหาราชาอาเมียร์ก็อยากให้รานีของพระองค์ใสซื่อ อ่อนต่อโลก ไม่ใช่รู้ทันพระองค์ไปเสียทุกเรื่อง “ทรงทำแบบนี้ทางโน้นจะคิดว่าพูรัมหมดหนทางถึงกับต้องส่งเจ้าหญิงไปแต่งงาน ไปเป็นตัวประกันทางการเมือง”

“เหลวไหล ตัวประกันอะไรกัน ฌาร์มานไม่คิดแบบนั้นหรอก”

“ไม่รู้แหละ อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะเพคะ หม่อมฉันจะปกป้องลูกสาวของหม่อมฉันทุกวิถีทาง”

น้ำเสียงหนักแน่นของรานีปัทมาวตีทำให้พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจของเจ้าหญิงลลิสสาอ่อนกำลังลงจนเป็นลมเย็นอ่อนๆ ชวนชื่นใจ

นับตั้งแต่ทูลกระหม่อมย่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคหัวใจเมื่อหลายปีก่อน ทูลกระหม่อมปู่ก็ลั่นวาจาว่าจะประทับอยู่แต่ในตำหนักฤดูร้อนเพื่อประพฤติพรหมจรรย์แบบนักบวช รานีปัทมาวตีจึงไปรับเธอมาประทับที่วังหลวง มหารานีรักและดูแลพระองค์เหมือนลูกสาวแท้ๆ กระทั่งเธอขอไปเรียนต่อที่อังกฤษ

‘เรียนที่อินเดียดีกว่าไหมลิสสา เดี๋ยวนี้การศึกษาที่นั่นทัดเทียมกับลอนดอนเลยนะ’

มหาราชาค้าน เจ้าหญิงลลิสสาจึงหันไปเกาะแขนอ้อนแม่บุญธรรม

‘พี่วตีขา ช่วยลิสสาด้วย’

แน่นอนว่าแม่บุญธรรมที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มีหรือจะไม่ออกหน้าช่วยสุดตัว

‘อินเดียกับพูรัมใกล้กันแค่นี้จะได้อะไรนักเชียว หม่อมฉันเห็นว่าไปเรียนที่ลอนดอนจะช่วยเปิดโลกให้ลิสสา ได้รู้จักผู้คน เผลอๆ จะได้คอนเน็กชั่นอีกเพียบนะเพคะ’

‘อยากได้คอนเน็กชั่นก็ให้ทูตของเราจัดการไป เป็นผู้หญิงเรียนเยอะๆ สุดท้ายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี’

‘พี่วตีช่วยด้วยค่ะ ลิสสาไม่อยากแต่งงาน’

‘อย่าลืมสิเพคะว่ารานีอุษมายกลิสสาให้เป็นลูกสาวของหม่อมฉัน ฝ่าบาทเป็นแค่พี่ชาย เพราะฉะนั้นสิทธิ์ขาดการตัดสินใจเป็นของหม่อมฉัน ถ้าลูกสาวหม่อมฉันไม่อยากแต่ง ใครก็บังคับไม่ได้ทั้งนั้น’

‘พี่ก็ไม่ได้บอกให้แต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียหน่อย’

‘เรียนจบกลับมาแล้วลิสสาอยากกลับมาทำงานพัฒนาศิลปวัฒนธรรมในประเทศค่ะพี่วตี ลิสสาไม่อยากแต่งงาน’

‘จ้ะ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง’ รานีปัทมาวตีพยักหน้าเห็นด้วยก่อนถลึงตาใส่สวามี ‘ลูกสาวหม่อมฉันเป็นคนเก่งมีความสามารถ เรียนจบมาแล้วอยากกลับมาทำงานพัฒนาประเทศก็ถูกแล้ว จะรีบแต่งไปทำไมเพคะ’

‘ไม่ได้รีบ พี่ก็แค่…แค่นี้ลิสสาก็ร้ายกาจจนหาผู้ชายมาแต่งด้วยไม่ได้แล้วนะวตี แสบแบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะรับมือไหว’

‘แต่งไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง ลูกสาวคนเดียว หม่อมฉันเลี้ยงได้’

เจอคำขาดแบบนี้เข้า มหาราชาแห่งพูรัมซึ่งเกรงใจมหารานีเป็นทุนเดิมถึงกับถอนหายใจแรงๆ

‘ตามใจกันตั้งแต่ทูลหม่อมย่าจนมาถึงวตี ลิสสาถึงรั้นไม่ฟังใครแบบนี้’

รับสั่งจบก็เดินตึงตังจากไป ทิ้งให้เจ้าหญิงลลิสสาอยู่กับรานีปัทมาวตีลำพัง

‘ลิสสาทำให้พี่วตีกับพี่ราชทะเลาะกันใช่ไหมคะ’

‘ไม่ต้องไปสนใจหรอก ดุไปงั้นเอง ที่จริงก็ห่วงลิสสานั่นแหละ ไปไกลหูไกลตาใครจะดูแล’

‘พี่วตีอยากให้ลิสสาเรียนใกล้ๆ เหมือนพี่ราชเหรอคะ’

‘พี่รักลิสสาเหมือนลูกก็ต้องอยากให้ลิสสาเรียนใกล้ๆ เป็นธรรมดา แต่อนาคตเป็นของลิสสา ลิสสาต้องตัดสินใจเอง พี่จะคอยซัพพอร์ตลิสสาเอง’

‘ลิสสารักพี่วตีที่สุดในโลกเลยค่ะ’

เจ้าหญิงลลิสสาวาดวงแขนกอดรานีปัทมาวตีไว้ด้วยความดีใจ รานีปัทมาวตีลูบศีรษะพลางหยอกยิ้มๆ

‘เดี๋ยวลิสสาไปเรียนที่โน่น เจอหนุ่มๆ ถูกใจก็รักแฟนมากกว่าพี่อยู่ดี’

‘ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ราชยังบอกเองเลยว่าไม่มีหนุ่มคนไหนรับมือลิสสาได้’

คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในความคิดของเจ้าหญิงลลิสสามากระทั่งปัจจุบัน เธอเรียนเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศเล็กๆ อย่างพูรัม ไม่ใช่เพื่อแต่งงานกับมหาราชาที่เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวสักหน่อย

“ใครจะไปยอมแต่งด้วย ชิ!”

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 20 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: