บทที่ 3 สองครอบครัว
ณัฐรัมภาระบายลมหายใจเบาๆ หลังจากดับเครื่องรถยนต์จอดตรงหน้ารั้วบ้าน เธอมองผ่านแนวรั้วแบบโปร่งไปยังตัวบ้านสองชั้นที่มีร่องรอยความเก่าให้เห็นชัดเจน ซึ่งก็ว่าไม่ได้ ในเมื่อมันมีอายุนับได้ยี่สิบปีเศษแล้ว
หญิงสาวหันไปหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมและถุงขนมจากร้านดังที่วางเคียงกันบนเบาะข้างคนขับ จากนั้นเธอก็เปิดประตูลงจากรถ แล้วหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูรั้วเข้าบ้านเอง สุนัขปอมเมอเรเนียนตัวจิ๋ววิ่งออกจากบ้านมาเห่า แม้จะเห็นว่าเป็นเธอซึ่งคุ้นกันดีมันก็ยังไม่ยอมหยุดเห่า เพียงแต่วิ่งวนรอบตัวเธอไปเห่าไปโดยไม่เข้ามากัดเท่านั้นเอง
ณัฐรัมภาสังเกตเห็นคนโผล่หน้ามาดูตรงประตู ก่อนจะผลุบหายไปโดยไม่ออกมาต้อนรับ ทว่าเธอก็ไม่แปลกใจและเดินต่อไปยังตัวบ้านด้วยความเร็วเท่าเดิม
“ว่าไงลูก”
ศุภกิจเปิดประตูบ้านออกมาตอนที่เธอกำลังถอดรองเท้าพอดี เธอยกมือไหว้พ่อทั้งที่ข้าวของพะรุงพะรัง พอเห็นอย่างนั้นเขาเลยถามต่อ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะอีกแล้ว”
“ขนมที่คุณพ่อชอบไง” หญิงสาวบอกทั้งรอยยิ้ม “ห้ามบ่นนะ ยังไงรัมภาก็ซื้อมาแล้ว”
“พ่อไม่ได้จะบ่น พ่อแค่เกรงใจ ขนมพวกนี้ก็ไม่ได้ถูกๆ” ศุภกิจเอื้อมมาดึงถุงขนมไปจากมือลูกสาว
“ถ้าคุณพ่อไม่ยอมรับเงินจากรัมภาไปซื้อของกินเองก็ต้องรับขนมต่อไปแหละ”
ณัฐรัมภาหัวเราะแล้วก้าวตามพ่อเข้าสู่ตัวบ้าน ครั้นสังเกตเห็นรสนานั่งอยู่บนโซฟาเธอก็ยกมือไหว้ อีกฝ่ายยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะก้มลงไปอุ้มเจ้าปอมเมอเรเนียนที่วิ่งตื๋อตามพวกเธอเข้ามาในบ้าน ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธออีก แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากวิสาสะกับรสนาเช่นกัน ที่ยกมือไหว้ก็เป็นไปตามมารยาท และเธอก็แน่ใจด้วยว่าเงาคนที่เห็นลุกขึ้นมาดูตอนเพิ่งมาถึงก็คือภรรยาใหม่ของพ่อนี่เอง
ศุภกิจเลิกกับรุจิราผู้เป็นแม่ของณัฐรัมภามาสิบกว่าปีแล้ว แถมเป็นการเลิกกันแบบไม่ดีเสียด้วย เพราะต่างฝ่ายต่างนอกใจกัน…ตอนนั้นครอบครัวของเธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ส่วนเธอยังเป็นเด็กหญิงเรียนชั้นมัธยมต้น ความทรงจำในช่วงนั้นไม่ชัดนัก เธอจำได้แค่ว่าพ่อแม่ระหองระแหงกัน มารู้อีกทีก็ตอนค้นพบว่าแม่มีชู้เป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัท หลังจากนั้นไม่นานความจริงก็เปิดเผยตามมาอีก ว่าพ่อเองก็นอกใจไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสมัยเรียน ซึ่งก็คือรสนา แล้วพ่อแม่ของเธอก็หย่ากัน
รุจิราออกจากบ้านไป ทิ้งเธอไว้กับพ่อ ทว่าอยู่กันตามลำพังไม่นานรสนาก็ย้ายเข้ามา อีกฝ่ายเป็นแม่ม่าย มีลูกติดหนึ่งคนคือปรพล เขาอายุมากกว่าเธอและกำลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ช่วงนั้นเขาอยู่หอพักเลยไม่ได้ย้ายตามรสนาเข้ามาด้วย มาพักแค่ชั่วครั้งชั่วคราวระหว่างปิดเทอมเท่านั้น
พูดตามตรง ถึงตอนนั้นเธอจะโตจนรู้ความแล้ว แต่ก็ถือว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และเธอก็ไม่อาจทำใจรับความจริงที่ว่าครอบครัวแตกสลายได้ ถึงจะไม่ได้กลายเป็นเด็กมีปัญหา ทว่าเธอก็ไม่สามารถเปิดใจรับรสนาเป็นแม่เลี้ยงได้เช่นกัน เธอเฉยชากับอีกฝ่าย และพอขึ้นชั้นมัธยมปลายก็ทำตัวเป็นเด็กกิจกรรม รวมถึงเรียนพิเศษทุกอย่างที่เรียนได้เพื่ออยู่นอกบ้านให้มากที่สุด เรียกได้ว่ากลับบ้านเพื่อมานอนเท่านั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับรสนาจึงค่อนข้างห่างเหิน ซึ่งเธอก็ไม่ได้นึกเสียใจ อีกฝ่ายอาจเป็นภรรยาใหม่ของพ่อ ทว่าก็ไม่ใช่แม่ของเธออยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ณัฐรัมภาค่อนข้างสนิทใจกับปรพล เขาทำความรู้จักกับเธอในลักษณะเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ก็คอยดูแลเธอเหมือนพี่ชาย โดยเฉพาะช่วงที่เธอย้ายไปอยู่หอพักตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาเรียนจบพอดีและย้ายเข้ามาอยู่กับรสนาที่บ้านหลังนี้ ถึงจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่เวลาต้องการแรงงานขนของเขาก็ไปช่วย หรือกระทั่งไปรับส่งในบางครั้งที่เธอต้องเดินทางดึกดื่นเที่ยงคืน ดังนั้นเธอเลยมองปรพลเป็นพี่ชายคนหนึ่ง และอาจเป็นเพราะจุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับรสนาไม่แย่เกินไปนัก