LOVE
ทดลองอ่าน ณัฐรัมภา บทที่ 3
หลังจากเรียนจบหญิงสาวก็ไม่ได้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน เธอเลือกทำงานในบริษัทที่อยู่ค่อนข้างไกล และนอกจากทำงานบริษัทตามปกติแล้วเธอก็ยังรับงานพิเศษจนแทบไม่ได้พัก พยายามเก็บเงินชนิดที่เรียกว่าแทบไม่ได้ใช้จ่ายอะไรนอกจากค่ากินค่าอยู่ บวกกับเงินเก็บจากการที่พ่อแม่ส่งให้ใช้และเงินจากการสอนพิเศษต่างๆ ตั้งแต่สมัยเรียน เธอจึงสามารถซื้อคอนโดฯ เป็นของตัวเองได้สำเร็จ
ถึงตอนนี้ณัฐรัมภาก็ยังผ่อนคอนโดฯ ไม่หมด แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้สบายขึ้นกว่าเมื่อก่อน งานก็อยู่ตัวทั้งในและนอกบริษัท เธอซื้อรถคันเล็กๆ ได้ รวมถึงใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องจำกัดจำเขี่ยแบบก่อนหน้านี้ด้วย…อันที่จริงเธอทราบดีว่าถ้าช่วงแรกยอมอยู่บ้านสักระยะก็น่าจะเก็บเงินก้อนได้และสบายกว่านี้ ทว่าก็นั่นแหละ หญิงสาวรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไปแล้ว
ทุกวันนี้มัณฑนากรสาวจะกลับมาเยี่ยมพ่ออย่างน้อยเดือนละหน ท่านไม่ยอมรับเงินจากเธอ ดังนั้นเธอจึงมักจะซื้อข้าวของเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ก็ของกินมาให้ท่านแทน ซึ่งท่านก็น่าจะรู้ดีว่าเธอไม่มีวันกลับมาอยู่บ้านอีก…สำหรับเธอ พ่อมีครอบครัวของท่าน ส่วนแม่ก็เลิกกับอดีตเพื่อนร่วมงานและมีสามีใหม่อีกคนเป็นชาวฮ่องกง ตอนนี้ท่านย้ายไปอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว แม่ไม่ค่อยได้กลับไทยด้วย เธอไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว โทรคุยก็ไม่บ่อย ส่วนใหญ่ส่งข้อความคุยกันมากกว่า เธอเองก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง นับว่าทุกอย่างลงตัวดีแล้ว
“ตอนแรกเห็นว่าจะมาพรุ่งนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจล่ะ” ศุภกิจถาม
แรกสุดลูกสาวส่งข้อความมาบอกว่าจะแวะมากินข้าวเย็นในวันอาทิตย์ แต่จู่ๆ เมื่อสองชั่วโมงก่อนเธอก็ส่งข้อความมาถามใหม่ว่าวันนี้ท่านอยู่บ้านไหม พอรู้ว่าอยู่เธอก็บอกว่าจะเข้ามาวันนี้แทน
“งานเข้านิดหน่อย…ไม่ใช่งานในเชิงไม่ดีนะ พอดีจู่ๆ รัมภาก็ได้งานพิเศษงานใหม่” ณัฐรัมภาอธิบายเพิ่มเติมเมื่อนึกได้ว่าพ่ออาจไม่เข้าใจ
“อ้อ” ชายสูงวัยพยักหน้าหงึกหงัก “พ่อก็นึกว่ามีนัดกับแฟนกะทันหันหรืออะไรแบบนั้น”
สาวสวยไม่พูดอะไร ปกติเธอไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้พ่อฟังอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องเจอผู้ชายเจ้าชู้คบซ้อนนอกใจยิ่งไม่คิดจะเล่า เพราะพูดไปก็จะกลายเป็นกระทบพ่อบังเกิดเกล้าเปล่าๆ
“เสียงรถนี่” รสนาชะเง้อมองออกไปนอกบ้าน ก่อนจะลุกขึ้นไปดูตรงประตูโดยที่ในอ้อมแขนยังอุ้มสุนัขปอมเมอเรเนียนตัวโปรด “ป๊อกกลับมาแล้วจริงด้วย”
พอได้ยินว่าปรพลกลับมาณัฐรัมภาก็สบายใจขึ้นกว่าเดิมพอสมควร เพราะถ้ามีแค่เธอกับศุภกิจและรสนา บางทีบรรยากาศก็อิหลักอิเหลื่อ เธออาจจะผูกมิตรกับใครต่อใครเก่ง แต่เธอไม่คิดจะพยายามกับภรรยาใหม่ของพ่อเสียด้วย ถ้ามีปรพลอยู่ด้วยบรรยากาศจะดีกว่า
วันนี้คงเป็นวันโชคดีของเราล่ะมั้ง…
ณัฐรัมภาคิดถูก การมาของปรพลทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปในทางรื่นเริง หลังกินข้าวเสร็จเธอไม่ได้อยู่ต่อนานนักเพราะยังมีสัญญาที่ต้องไปเตรียม ต่อให้มีสัญญาจากงานเก่าๆ เป็นต้นแบบอยู่แล้วก็ตาม และจากการไปเห็นบ้านจริงในวันนี้ก็ทำให้เธอพอมีไอเดียในหัวอยู่บ้าง คืนนี้เธอน่าจะเริ่มรวบรวมไอเดียเหล่านั้นให้เป็นเรื่องเป็นราวหรืออาจเริ่มงานเบื้องต้นได้เลย
พอชายหนุ่มเห็นว่าเธอจะกลับ เขาก็เดินตามออกมาส่งที่รถเหมือนทุกครั้ง
“ตอนกินข้าวกันได้ยินรัมภาพูดว่ามีงานพิเศษงานใหม่ งั้นตอนนี้รัมภาก็ไม่ว่างแล้วใช่ไหม เพราะปกติรัมภารับงานพิเศษแค่ทีละงาน” ปรพลถาม
“ฮื่อ ทำไมเหรอ”
“ไม่ใช่พี่หรอก ไอ้แจ็คนู่น รัมภาจำแจ็คได้ใช่ไหม”
“เพื่อนพี่ป๊อกคนที่เป็นลูกครึ่ง หน้าตาดีๆ หน่อยใช่หรือเปล่า”
หญิงสาวไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการนึกหน้าอีกฝ่าย ถึงเธอจะได้เจอเพื่อนคนนี้ของปรพลแค่สองสามหน แต่จตุภูมิหรือแจ็คเป็นผู้ชายหน้าตาดี โพรไฟล์ก็เป็นถึงวิศวกรด้านคอมพิวเตอร์ที่ได้ยินว่าเก่งไม่ใช่น้อย แถมเขายังเป็นเพื่อนที่ปรพลพูดชื่อให้ได้ยินบ่อยๆ ด้วย เพราะทั้งสองหนุ่มเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กทีเดียว
“นั่นแหละ พอดีหมอนั่นซื้อคอนโดฯ ใหม่ จริงๆ มันก็มีออพชั่นตกแต่งพร้อมอยู่นั่นแหละ แต่แจ็คไม่ชอบการตกแต่งของโครงการเลยขอต่อรองลดราคาแล้วจะเอาเงินส่วนต่างมาแต่งห้องเอง”
“อ้อ ก็เลยจะหาอินทีเรีย”
“ใช่ แจ็คจำได้ว่ารัมภาทำอินทีเรียก็เลยฝากพี่มาถาม หมอนั่นว่าอย่างน้อยก็พอรู้จักกันอยู่ แจ็คไม่ค่อยไว้ใจพวกอินทีเรียทั่วไปเท่าไหร่”
“แล้วจะมาจ้างรัมภาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำพี่ป๊อกเสียเพื่อนนะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ
การทำงานให้คนรู้จักมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการรู้จักกันอยู่แล้วทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถือเป็นข้อเสียไปพร้อมกัน เพราะถ้างานไม่ถูกใจก็อาจเป็นปัญหา มีการแก้งานไม่จบไม่สิ้นต่างจากลูกค้าทั่วไปโดยอาศัยความสนิทสนมส่วนตัว หรือกระทั่งปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วเธอเลยไม่ค่อยนิยมการรับงานคนรู้จักเท่าไหร่
“ไม่หรอก พี่คุยกับแจ็คแล้ว หมอนั่นจะจ้างรัมภาแบบลูกค้าคนนึงเลย ไม่ต่อราคา ไม่ขออะไรพิเศษ…แจ็คกลัวเจอพวกทิ้งงานแล้วก็พวกทำงานส่งๆ น่ะ” ปรพลเปิดประตูรั้วให้เธอเดินออกไปก่อนจากนั้นเขาจึงก้าวตาม “แต่รัมภารับงานไว้แล้ว คงรับงานของแจ็คไม่ได้ใช่ไหม”
“คอนโดฯ พี่แจ็คนี่ห้องใหญ่ไหม” ณัฐรัมภาถาม ขณะเดียวกันก็ชั่งใจว่าควรจะส่งต่องานนี้ให้พวกพ้องหรือรับเอาไว้เองดี
“ก็หนึ่งห้องนอน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณสี่สิบตารางเมตร”
“แล้วเขารีบไหม”
“ไม่รีบ คอนโดฯ ยังไม่เสร็จดีเลย น่าจะอีกสักเดือนสองเดือนหรือไงนี่แหละกว่าจะให้เอาช่างข้างนอกเข้าไปได้”
หญิงสาวหยิบกุญแจรีโมตออกมาจากกระเป๋าสะพาย เธอมองหน้าปรพลนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจ
“ถ้าอีกเดือนสองเดือนจริงงั้นรัมภาน่าจะรับงานนี้ได้นะ ป่านนั้นงานบ้านที่รัมภารับไว้ก่อนน่าจะใกล้เสร็จแล้ว”
“ดีสิ งั้นเดี๋ยวพี่ให้เบอร์รัมภากับแจ็คไว้นะ จะได้โทรคุยกัน”
“พี่ป๊อกส่งเบอร์พี่แจ็คมาให้รัมภาทางข้อความด้วยแล้วกัน”
“โอเค” ปรพลพยักหน้ารับทั้งรอยยิ้ม “โล่งไป พี่จะได้ไม่ต้องฟังหมอนั่นบ่นเรื่องหาอินทีเรียแล้ว”
“แล้วเจอกันใหม่นะคะ” ณัฐรัมภาพูดกลั้วหัวเราะ เธอยกมือไหว้อีกฝ่ายจากนั้นก็เปิดประตูขึ้นรถ
ใครจะไปนึกว่าวันนี้วันเดียวเธอจะได้งานพิเศษถึงสองงาน แถมลูกค้าทั้งสองงานก็มีทัศนคติคล้ายกันแบบแปลกๆ เกี่ยวกับการติดต่อจ้างงานมัณฑนากรทั่วไปเสียด้วย