บทที่ 4 ผู้ชายฉลาด
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี่ยที่ฉันนัดเจอลูกค้าในสวนแบบนี้…อันที่จริงถึงนัดเพื่อนหรือคนอื่นทั่วไปฉันก็ไม่ค่อยได้นัดในสวนเหมือนกัน”
ณัฐรัมภากำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า ขาในกางเกงยีนทรงเดฟเหยียดยาว เท้าเปลือยเปล่า มีรองเท้าหุ้มส้นทรงบัลเลริน่าวางอยู่ข้างๆ สองแขนของเธอเท้าไปทางด้านหลัง ดวงหน้าสวยแหงนเงยขึ้นมองแสงแดดที่สาดลอดช่องว่างระหว่างใบไม้ลงมาจนเกิดเป็นลวดลายแปลกตา
“ฟังเหมือนคุณไม่ค่อยได้มาสัมผัสต้นไม้ใบหญ้าแบบนี้ใช่ไหม” ณัฐนนท์เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือแวบหนึ่งเพื่อถาม
“จะว่างั้นก็ได้ค่ะ คือคุณก็รู้ว่าอากาศเมืองไทยร้อนเป็นส่วนใหญ่ ไหนจะแดดอีก ต่อให้เป็นในสวนแบบนี้ต้นไม้ก็เอาไม่อยู่ แค่ลงจากรถก็รู้สึกเหมือนจะเป็นเนื้อแดดเดียวแล้ว” เธอถอนหายใจ “นานๆ ทีจะมีวันอากาศดีๆ ที่แดดไม่แรงเกินไปและพอมีลมให้รู้สึกสบายๆ แบบวันนี้”
“โชคดีที่เรานัดกันวันนี้” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ผมโอนเงินมัดจำงวดแรกให้คุณแล้วนะ”
โทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนหน้าขาของณัฐรัมภาส่งเสียงร้องเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาในจังหวะเดียวกันกับที่เขาพูดจบ เธอหยิบมันขึ้นมากดดูแล้วพยักหน้ารับ
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งแบบแรกให้คุณดูภายในสัปดาห์หน้านะคะ จริงๆ ฉันก็ทำไปบ้างแล้วล่ะ แต่ยังไม่เสร็จ”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหญิงสาวไปพบกับณัฐนนท์ตามที่นัดกันไว้ โดยเธอส่งสัญญาให้เขาดูตั้งแต่คืนวันเสาร์ พอเจอกันเขาก็บอกว่าขอเวลาอ่านสัญญาอีกนิดก่อนเซ็น เพราะเขาเป็นคนประเภทที่อ่านภาษากฎหมายไม่เข้าใจเอาเสียเลย ดังนั้นจึงต้องมองหาคนมาช่วยอ่าน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากตัวเองก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ที่มีสัญญาให้ลูกค้าเซ็นเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เอาต้นแบบมาจากสัญญาของบริษัท Archwin ผสมรวมกับสัญญาที่พวกรุ่นพี่ร่วมวงการแบ่งปันเอาไว้ อีกอย่างยังไงเธอก็ต้องเจอเขาเพื่อรับสำเนาแบบแปลนบ้านอยู่แล้ว
นอกจากเอาสัญญาไปให้ชายหนุ่มแล้วณัฐรัมภาก็ไปวัดขนาดของห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วย เมื่อมีคนอยู่ด้วยการวัดอะไรต่อมิอะไรก็ง่ายขึ้นเพราะมีผู้ช่วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอก็ใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์เป็นหลัก มันเป็นตลับเมตรแบบไฮเทค ความจริงเครื่องนี้เป็นของบริษัท ทว่าด้วยความที่เธอต้องออกไปไซต์งานบ่อยๆ เลยขออาชวินยึดเครื่องนี้ติดตัวไว้เพื่อจะได้ไม่ลืม เขาอนุญาต ที่สำคัญคืออีกฝ่ายเป็นเจ้าของบริษัทที่ไม่เคยงกกับเรื่องข้าวของที่ใช้ในการทำงาน เครื่องในมือของเธอตอนนี้จึงเป็นเครื่องคุณภาพดีมากด้วย ณัฐนนท์สนอกสนใจเครื่องวัดระยะเลเซอร์นี้มาก ถึงขั้นขอเธอเอาไปลองเล่นทีเดียว
จะว่าไปวันนั้นก็สนุกดี มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอไปช่วยทำงานที่บ้านเพื่อนหน่อยๆ ชายหนุ่มเป็นลูกมือที่ดี และอาจเพราะเขาเป็นนักวิจัยที่ทำงานในห้องแล็บอยู่แล้วเลยค่อนข้างละเอียดรอบคอบด้วย นอกจากนี้วันนั้นเขายังเอาขนมมาฝากเธอหลายอย่าง ทั้งขนมกล้วย ขนมตาล รวมไปถึงขนมฟักทอง อย่างหลังเธอชอบมากแต่ไม่ค่อยเจอให้ซื้อกิน เขาบอกว่าแม่เป็นแม่ค้าขายขนม แต่ระยะหลังทำขนมแค่ตามออเดอร์งานบุญงานบวช พอดีเขากลับบ้านไปแบบประจวบเหมาะกับที่มีออเดอร์เข้ามา เขาเลยขอแบ่งมา
สองสามวันหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ส่งข้อความมาบอกเธอว่าโอเคกับสัญญา และเขาก็ขอนัดเจอเธออีกรอบ อันที่จริงจะให้เขาเซ็นสัญญาแล้วส่งมาทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่เธอเองก็ว่างอยู่ บวกกับมีรายละเอียดบางอย่างที่อยากถามเขาเพิ่มเติม ซึ่งการคุยแบบตัวต่อตัวน่าจะดีที่สุด เธอก็เลยรับนัดออกมาเจอเขาในบ่ายวันเสาร์
ตอนแรกณัฐรัมภานัดเขาที่ห้างเหมือนเดิม แต่จู่ๆ ณัฐนนท์ก็ส่งข้อความมาถามเธอว่าออกมาที่สวนใกล้ๆ ห้างได้ไหม เธองงและไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ทว่าก็ยอมออกมา เพราะคิดว่าบ่ายแก่แล้วอาจไม่ร้อนมาก ปรากฏว่าวันนี้อากาศค่อนข้างดี เธอเลยได้นั่งเล่นบนพื้นหญ้าอย่างที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว
“เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบคุณนะ จนกระทั่งไปอยู่เมืองหนาวหลายปี ผมคิดถึงแดดแบบนี้มากเลย” ชายหนุ่มวางมือถือลงแล้วเอนกายไปเท้าแขนกับพื้นหญ้าด้านหลังแบบเดียวกับเธอ “อีกอย่างห้างที่อเมริกาก็สู้ห้างที่ไทยไม่ได้ด้วย ห้างที่นั่นน่าเบื่อมาก ไปๆ มาๆ ผมเลยค้นพบว่าชอบอยู่ในสวน พอกลับมาไทยบางทีมันก็ร้อนเกินไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็จะหาโอกาสมาเดินเล่นนั่งเล่นในสวนสักสัปดาห์ละหน ที่ผมซื้อบ้านหลังนี้นอกจากดีไซน์แล้วก็เพราะโครงการนั้นมีสวนขนาดใหญ่นี่แหละ”
“อืม สวนที่นั่นถือว่าใหญ่เลยถ้าเทียบกับขนาดโครงการ” มัณฑนากรสาวพยักหน้ารับหลังจากนึกทบทวนถึงสวนที่เธอขับรถผ่านตอนไปบ้านของเขา
“แล้วนี่เดี๋ยวคุณจะไปไหนต่อหรือเปล่า”