บทที่ 5 ความบังเอิญที่ตั้งใจ
“เฮ้ย พวกแกอย่าทำงานเพลินนะ ยังไงพักกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเผางานต่อ”
ณัฐรัมภาร้องบอกเพื่อนร่วมงานกว่าครึ่งออฟฟิศซึ่งยังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองแม้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว พอได้ยินเสียงตอบรับอือออเธอจึงระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปยังโถงลิฟต์ด้านหน้า ขณะเดียวกันก็บอกตัวเองว่าหลังกินข้าวเสร็จคงจะต้องแวะซื้อของกินจำพวกแซนด์วิชหรือขนมปังจากร้านสะดวกซื้อมาเผื่อไว้ เธอเชื่อว่าถึงตอนนั้นก็น่าจะมีคนที่ยังนั่งทำงานไม่ได้ลุกออกไปกินข้าวเที่ยง
วันนี้ในออฟฟิศ ‘เดือด’ มาก ไม่ใช่เพราะมีใครทะเลาะกัน แต่วันนี้มีงานต้องส่ง คือบ่ายนี้มีงานโปรเจ็กต์หนึ่งต้องส่งให้อาชวินดูก่อนที่เขาจะเอาเข้าที่ประชุมตอนสี่โมงเย็น อันที่จริงงานนี้ควรจะเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ทว่าที่ไม่เสร็จเนื่องจากเมื่อวานนี้ก็มีอีกงานที่ต้องเร่งทำเพื่อเอาไปประชุมกับลูกค้าเช้านี้ ถึงขั้นที่ต้องอยู่กันดึกดื่นทีเดียว อาชวินเองก็ทราบว่าตอนนี้พนักงานเริ่มไม่พอดีกับงานที่รับมา เขาประกาศรับสมัครสถาปนิกเพิ่มแล้ว แต่คนที่มาสมัครก็ยังไม่เข้าตา ดังนั้นตอนนี้ทุกคนก็ต้องอดทนและช่วยกันไปก่อน
ส่วนณัฐรัมภากับแก๊งมัณฑนากรซึ่งมีกันอยู่สามคนถ้วนไม่สามารถช่วยงานสถาปนิกได้ ดังนั้นพวกเธอเลยสามารถออกมาพักเที่ยงกินข้าวได้ตามปกติ
บริษัท Archwin ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจกลางใจเมือง แต่ก็อยู่ในย่านที่ได้ชื่อว่าเก๋ไก๋ นอกจากใกล้รถไฟฟ้าแล้วยังมีห้างและร้านรวงมากมาย ของกินก็มีตั้งแต่ถูกมากไปจนถึงแพงมาก…ปกติแล้วพวกพนักงานของ Archwin ไม่ค่อยกินข้าวรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะแยกย้ายกันไปตามเมนูที่อยากกิน อย่างณัฐรัมภาเองถ้าไม่มีใครอยากกินอะไรเหมือนกันเธอก็ไปกินคนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร
อย่างไรก็ตาม วันนี้เธอมาที่ ‘ร้านเจ๊เขียว’ กับมัณฑนากรรุ่นน้องอีกสองคน ชาวออฟฟิศในละแวกนี้ล้วนต้องเคยเป็นลูกค้าร้านเจ๊เขียว เพราะขายอาหารตามสั่งราคาไม่แพงและมีเมนูค่อนข้างหลากหลาย เพียงแต่ที่ตั้งของร้านอยู่ในซอกหลังตึก ส่วนใหญ่เลยมีแค่คนในพื้นที่ที่จะรู้จักร้านนี้
“อ้าว หมู เพิ่งกลับจากไปไซต์ใช่ไหม แล้วนี่อู้หรือไง ทำไมเดินมาทางนี้ไม่ไปออฟฟิศ” ณัฐรัมภาร้องทักสุรทินที่บังเอิญเดินมาเจอกันตรงหน้าทางเข้าซอกตึกเพื่อไปร้านขายอาหารตามสั่ง
“โอ้โห รัวเป็นชุด” หนุ่มรุ่นน้องทำหน้าเมื่อย “เอาทีละเรื่องนะ ผมเพิ่งกลับมาจากไซต์ แต่นี่ยังไม่ได้กินข้าวเลยจะแวะกินข้าว ไม่ได้อู้…แล้วนี่พวกพี่จะมากินข้าวเหมือนกันใช่ไหม”
“อืม แกก็จะกินร้านเจ๊เขียวใช่ป่ะ งั้นไปด้วยกัน” สาวสวยพยักพเยิดแล้วเดินเลี้ยวเข้าสู่ซอกตึกที่นำไปสู่ร้านอาหาร “แต่ยังไงเดี๋ยวแกรีบกลับออฟฟิศหน่อยนะ ตอนนี้พวกที่เหลือกำลังเผางานกันหน้าไหม้แล้ว”
“งานห้างใช่ไหม”
“นั่นแหละ พี่วินต้องเอาไปประชุมสี่โมงเย็นไง”
สุรทินไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงถอนหายใจแบบปลงๆ เท่านั้น…จริงอยู่ที่เขามีสิทธิ์จะใช้เวลาพักของตัวเองให้ครบชั่วโมง แต่พอฟังจากณัฐรัมภาแบบนี้แล้วจะไม่รีบกลับไปก็ยังไงอยู่ ถึงปกติเขาจะไม่ได้เป็นสมาชิกทีมที่ทำโปรเจ็กต์นี้ ทว่าที่ผ่านมาถ้าใครว่างก็มักจะข้ามไปช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของโปรเจ็กต์ที่ตัวเองไม่ได้ทำ ยิ่งเวลาน้อยๆ งานเร่งๆ แบบนี้ยิ่งต้องช่วย
“แล้วทำไมหมูไม่กินข้าวที่อื่น ถ่อกลับมากินถึงนี่เลย” จิระประไพซึ่งเดินตามหลังสุรทินถามบ้าง
“ตอนแรกก็ว่าจะกินแถวไซต์งาน แต่ตอนออกมามันเที่ยงพอดี ร้านไหนๆ คนก็เยอะ พอขึ้นรถมาแล้วก็ขี้เกียจแวะกลางทาง เลยคิดว่ามากินร้านเจ๊เขียวดีกว่า บ่ายแล้วคนก็น่าจะน้อย ไม่ต้องรอนาน”
ที่ Archwin พักกลางวันกันตอนบ่ายโมง ข้อดีคือร้านอาหารจะคนน้อยกว่าตอนเที่ยงหน่อย แต่ข้อเสียก็คือตัวเลือกร้านอาหารอาจน้อยตามไปด้วยเช่นกัน เพราะบางร้านแถวนี้เปิดขายอาหารเที่ยงสำหรับพวกคนทำงานโดยเฉพาะ ดังนั้นถ้าลงมาช้าบางทีอาหารก็หมดไปแล้ว ส่วนร้านเจ๊เขียวนั้นขายจนถึงช่วงเย็น เวลานึกอะไรไม่ออกหรือไม่รู้จะกินอะไรคนส่วนใหญ่จึงมาที่ร้านนี้กัน
ณัฐรัมภาตั้งใจจะกินสุกี้แห้งแต่ปรากฏว่าสุกี้หมด เธอเลยปล่อยให้น้องๆ สั่งอาหารก่อน ส่วนตัวเองก็ยืนมองป้ายเมนูอาหารขนาดใหญ่บนกำแพงแบบมึนๆ เลือกไม่ถูกว่าควรจะกินอะไรดี