ณัฐรัมภาเลี้ยงข้าวเที่ยงณัฐนนท์ตามที่บอกไว้ ขณะเดียวกันงานก็คืบหน้าพอสมควร เขาอยากให้เธอปรับบางจุด โดยมากไม่ใช่จุดใหญ่ เธอเลยไม่หนักใจ
“ไปส่งฉันที่ออฟฟิศ?” หญิงสาวหันไปมองเขาแบบงงๆ หลังจากเดินนำเขาออกจากตรอกซอกตึกแล้วอีกฝ่ายบอกว่าจะเดินไปส่งเธอที่ออฟฟิศ “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณต้องไปเข้าร่วมงานสัมมนาไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่รีบหรอกครับ งานแบบนี้ช่วงเริ่มก็ต้องมีอารัมภบทกันอีก เดินไปส่งคุณได้สบายเลย”
เมื่อชายหนุ่มยืนยันความตั้งใจ ณัฐรัมภาก็ไม่ได้คัดค้านอีก เธอปล่อยให้เขาถือร่มกันแดดเดินตามเธอไปยังอาคารออฟฟิศซึ่งอยู่ห่างไปราวร้อยเมตร แต่เมื่อถึงแล้วเธอก็ไม่ได้เลี้ยวเข้าไปทันทีและเดินต่อไปยังร้านสะดวกซื้อแทน
ตอนแรกสาวสวยไม่ได้อธิบายเนื่องจากกำลังเล่าให้เขาฟังว่าย่านนี้มีร้านรวงเก๋ๆ อะไรบ้าง และมีการเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะเขาบอกว่าเคยมาแถวนี้สมัยยังไม่ได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา มันดูเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้ทีเดียว เธอกับเขาคุยกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอเลี้ยวเข้าใต้ชายคาของร้านสะดวกซื้อแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาจึงทำหน้างงๆ นิดหนึ่ง
“ฉันจะแวะซื้อของแป๊บนึงค่ะ”
“อืม จะว่าไปผมควรหาลูกอมเปรี้ยวๆ ไว้เหมือนกัน จะได้ไม่เผลอหลับ”
“ด็อกเตอร์อย่างคุณเคยหลับในห้องเรียนด้วยเหรอ” มัณฑนากรสาวเลิกคิ้วทำท่าแปลกใจ
“ทำไมทำท่าแบบนั้นล่ะ คนจบปริญญาเอกก็แค่คนที่มีโอกาสได้นอนหลับในห้องเรียนมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นแหละ” ณัฐนนท์ยิ้มขำๆ ขณะหุบร่มแล้วเดินตามเธอเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อ “พูดกันจริงๆ โดยทั่วไปผมว่าผมเป็นนักเรียนที่ดีนะ ผมชอบเรียน แต่ก็มีอาจารย์หรือผู้บรรยายบางคนที่เหมือนเป็นยานอนหลับพูดได้น่ะ”
“ฉันว่ายังไงเลเวลการทนต่อยานอนหลับพูดได้ของคุณก็ต้องสูงกว่าของฉันแน่เลย” เธอหัวเราะกับการเปรียบเทียบของเขาก่อนจะเลี้ยวไปดูตรงเชลฟ์วางขนมปัง ขณะที่ชายหนุ่มรั้งอยู่แถวชั้นวางลูกอมใกล้แคชเชียร์
ณัฐรัมภาหยิบๆ วางๆ ขนมปังกับแซนด์วิชหลายแบบ ปกติเธอไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้เลยไม่รู้ว่าชิ้นไหนอร่อย ดังนั้นเธอเลยพิจารณาจากหน้าตาน่ากินเป็นหลัก หญิงสาวใช้เวลาเลือกอยู่พักใหญ่ จนชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับลูกอมแล้วเธอก็ยังเลือกขนมปังไม่เสร็จ
“อันนี้อร่อยนะ” เขาชี้ไปยังขนมปังชิ้นหนึ่งซึ่งวางอยู่ข้างแซนด์วิชที่เธอเพิ่งเอื้อมไปแตะ
“อันนี้เหรอคะ” หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาพลิกไปพลิกมา จากนั้นก็เอามันไปรวมกลุ่มกับขนมปังที่เลือกไว้แล้วในอ้อมแขนอีกข้าง
ณัฐนนท์ผละไปอีกครั้งโดยไม่ได้พูดอะไร ขณะที่เธอก็ก้มหน้าก้มตาเลือกขนมปังต่อ แต่ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับตะกร้าในมือ พอเห็นว่าเขายื่นมันมาตรงหน้าเธอเลยปล่อยขนมปังในอ้อมแขนลงในตะกร้า
“คุณคงไม่ได้ซื้อไปกินเองใช่ไหม มันเยอะมากเลยนะ”
“ฉันจะซื้อไปให้พวกที่ออฟฟิศค่ะ คือวันนี้งานเร่งมาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมาฉันว่าน่าจะมีคนไม่ได้พักเที่ยงแน่ๆ…สถาปนิกในออฟฟิศเป็นผู้ชายซะเยอะ พวกนี้กินจุด้วย”
“คุณใจดีจัง” เขาแสดงความชื่นชมทั้งทางสายตาและคำพูด
“ถ้าฉันยุ่งจนไม่มีเวลาพักเที่ยงจะได้ใช้พวกนี้ไปซื้อของกินให้มั่งไงคะ” ณัฐรัมภาพูดติดตลก
“ถ้าตอนผมทำธีสิสมีคนแบบคุณอยู่ใกล้ๆ ก็ดีสิ” ชายหนุ่มทำท่าเสียดาย “อันที่จริงมีคนแบบคุณอยู่ใกล้ๆ ตอนไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรุ่นน้องดูรักและเคารพคุณจัง”
หญิงสาวสะดุดหูกับคำพูดของเขา ทว่าเธอก็เลือกจะปล่อยผ่านแล้วหย่อนขนมปังลงตะกร้าอีกชิ้น จากนั้นก็ก้มลงพินิจจำนวนขนมปังและตัดสินใจว่าซื้อเท่านี้น่าจะพอแล้ว
“คุณจะซื้ออย่างอื่นอีกไหมคะ”
ณัฐนนท์ส่ายหน้า มัณฑนากรสาวเลยเดินไปที่แคชเชียร์ ระหว่างที่รอพนักงานคิดเงินอยู่นั้นก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามา สีหน้าท่าทางดูงุนงง ทั้งสองตรงไปหาพนักงานแล้วเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษติดสำเนียง เท่าที่ฟังน่าจะพยายามถามหาร้านอะไรสักร้าน ภาษาอังกฤษของทั้งสองค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แถมมีภาษาอื่นแซมมาเป็นระยะด้วย ฟังแล้วน่าจะเป็นภาษาจีน…
ณัฐรัมภาเงยหน้าขึ้นมาจากการหยิบถุงผ้าร่มที่พับจนเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ออกจากกระเป๋าสะพาย เธอนึกสงสัยว่าจะพอช่วยพนักงานที่ดูมึนอย่างชัดเจนได้ไหม เพราะสำเนียงภาษาอังกฤษของสองนักท่องเที่ยวก็ฟังค่อนข้างยาก ขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดีอยู่นั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างตัวก็ส่งเสียงขึ้นมา แถมเป็นภาษาจีนเสียด้วย
สองสาวหันขวับมาทันที พวกเธอดูแปลกใจมากทีเดียว ก่อนที่จะพร้อมใจกันพุ่งตรงมาหาณัฐนนท์แล้วรัวภาษาจีนใส่เป็นชุด ชายหนุ่มพูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาจีนสั้นๆ เธอเดาเอาเองจากภาษามือว่าเขาน่าจะกำลังบอกว่าใช้ภาษาจีนได้แค่นิดหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สามารถสื่อสารกับสองสาวจนได้ความ แล้วก็หันมาถามเธอ