LOVE
ทดลองอ่าน ณัฐรัมภา บทที่ 5
“คุณรู้จักร้านอาหารของดาราไหม เห็นว่าอยู่แถวนี้”
“ดารา?” สาวสวยเลิกคิ้วนิดหนึ่ง พอเห็นว่าสาวจีนยื่นหน้าจอมือถือมาเธอเลยยื่นหน้าเข้าไปดูแล้วร้องอ๋อ จากนั้นก็อธิบายที่ตั้งร้านอาหารที่ว่าให้เขาฟัง “จะว่าไป…มันก็น่าจะมีอยู่ในแมปมือถือนะ แต่แถวนี้ร้านก็เรียงติดกันเป็นพืด อาจจะหลงๆ สับสนก็ได้”
ชายหนุ่มหันไปอธิบายตำแหน่งที่ตั้งของร้านให้สองสาวชาวจีนฟังด้วยภาษาจีนสลับกับภาษาอังกฤษ พร้อมกันนั้นเขาก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดค้นหาร้านในแผนที่เพื่อเอาไปเทียบกับแผนที่ในมือถือของอีกฝ่าย
ณัฐรัมภาหันกลับไปจ่ายเงิน และเธอก็หยิบแพ็กลูกอมแบบแท่งของเขาให้พนักงานคิดเงินรวมไปด้วยกันเลย หลังจากขอให้พนักงานช่วยเอาของทั้งหมดใส่ถุงผ้า เธอก็ถามพนักงานว่ามีเศษกระดาษกับปากกาไหม อีกฝ่ายช่วยหาให้ พอได้มาเธอก็เขียนประโยคสั้นๆ ลงไปแล้วสะกิดเรียกณัฐนนท์
“คุณบอกทางเสร็จยังอ่ะ ยังไงให้เขาเอากระดาษนี้ติดไปดีไหม เผื่อหลงหรือหาไม่เจอจริงๆ ก็ยื่นถามคนแถวนั้นได้”
ชายหนุ่มมองข้อความบนกระดาษ มันเขียนเป็นคำถามว่าร้านอาหารนี้อยู่ตรงไหนคะ แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“คุณฉลาดจัง” เขาชมทั้งรอยยิ้มก่อนจะรับกระดาษไป หลังจากคุยกับสองสาวเรื่องตำแหน่งที่ตั้งร้านอีกรอบแล้วเขาก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ทั้งสอง พร้อมกับอธิบายว่าข้อความภาษาไทยเขียนว่าอะไร
นักท่องเที่ยวสาวทั้งสองหันมาขอบอกขอบใจเธอเป็นภาษาไทยติดสำเนียงเป็นการใหญ่ แล้วณัฐนนท์ก็พาพวกเธอออกจากร้านสะดวกซื้อไปยืนชี้ทิศทางให้อีกหนตรงหน้าร้าน ณัฐรัมภาหิ้วถุงผ้าตามออกไป พอสองสาวจากไปแล้วและชายหนุ่มหันกลับมา เธอก็ส่งยิ้มให้เขาก่อนจะหยิบแพ็กลูกอมขึ้นมาชู
“ของแถมล้างปากสำหรับมื้อกลางวันค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ณัฐนนท์รับลูกอมไป จากนั้นก็หลุบตามองถุงผ้าในมือเธอ “ให้ผมช่วยถือดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่หนัก และออฟฟิศฉันก็อยู่ตรงนั้นเอง” หญิงสาวชี้นิ้วไปที่อาคารสำนักงาน
“งั้นผมเป็นพนักงานถือร่มแล้วกัน”
คราวนี้เธอไม่ได้คัดค้านและปล่อยให้เขากางร่มจนเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกเดิน
“คุณพอใช้ภาษาจีนได้ด้วยเหรอ มันคือจีนกลางใช่ไหม”
“ใช่ จีนกลาง แต่จะบอกว่าใช้ได้ก็ไม่ถึงขั้นนั้น คือผมก็ใช้ได้แค่คำเบสิกๆ น่ะแหละ” ณัฐนนท์หยุดนิดหนึ่งก่อนจะยิ้ม “ตอนเรียนที่อเมริกาผมมีแฟนเป็นคนจีน”
“แบบนี้นี่เอง” เธอหัวเราะ ได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ ว่าการมีแฟนต่างชาติจะทำให้เรียนภาษาของชาตินั้นได้ดี ซึ่งเธอก็ค่อนข้างเชื่อว่าน่าจะจริง
“แต่ก็คบกันไม่นานหรอกครับ เลยได้ภาษามาแค่พอฟังคนด่าออก”
“อันนั้นประเด็นสำคัญเลยนะ” หญิงสาวแกล้งทำตาโต “จริงๆ ฉันสนใจเรียนภาษาจีนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน”
“ไปตามมหาวิทยาลัยสิ คนเรียนเยอะ ไม่แพงด้วย ยกเว้นคุณอยากเรียนตามเวลาที่ตัวเองสะดวกนะ อันนั้นคงต้องจ้างอาจารย์สอนตัวต่อตัว”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้จริงจังขนาดนั้น คืออย่างน้อยก็อยากลองก่อนว่าไหวไหม ถ้าไหวและชอบก็ค่อยว่ากันอีกทีว่าจะไปถึงขั้นนั้นหรือเปล่า” เธอบอก “คุณเคยเรียนภาษาในมหา’ลัยเหรอคะ”
“เปล่า แต่ผมรู้จักคนสอนในมหา’ลัย เป็นเพื่อนผมเองนี่แหละ ช่วงเสาร์อาทิตย์เขาจะเปิดคอร์สให้คนทั่วไปสมัครเรียนได้”
“อ้อ งั้นคุณมีมหา’ลัยไหนแนะนำไหม”
ณัฐนนท์เอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งออกมา หญิงสาวนึกตามแล้วพบว่ามันตั้งอยู่ในพื้นที่รถไฟฟ้าผ่าน ถือว่าสะดวกพอสมควร เธอเลยตั้งใจว่าเดี๋ยวกลับขึ้นไปบนออฟฟิศแล้วคงต้องค้นหาข้อมูลดูสักหน่อย
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันลองหาข้อมูลดู เผื่อจะได้เรียนสักที”
ณัฐรัมภาหยุดเดินตรงหน้าอาคารออฟฟิศ เขาเลยหยุดตาม ตามองป้ายที่บอกชื่อบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในอาคารแห่งนี้
“บริษัทคุณชื่อ Archwin ใช่ไหม ที่อยู่ชั้นสาม”
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวไม่แปลกใจที่เขาเดาได้ เพราะในอาคารมี Archwin บริษัทเดียวที่เป็นบริษัทสถาปนิก “ขอบคุณที่เดินมาเป็นเพื่อนนะคะ ส่วนเรื่องบ้านถ้าแก้อะไรๆ เรียบร้อยแล้วฉันจะส่งให้คุณดูอีกที”
“โอเคครับ ไว้เจอกันนะ” ณัฐนนท์หุบร่มและพับเก็บจนเรียบร้อยแล้วจึงค่อยส่งคืนให้เธอ
มัณฑนากรสาวเอ่ยขอบคุณ ส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าอาคารไป…ชายหนุ่มยืนมองจนประตูทางเข้าอาคารสวิงตัวปิดเรียบร้อยแล้วเขาจึงหมุนกายออกเดิน ทว่าเขาก็ไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิด ไม่ใช่ไม่แคร์ว่าจะไปเข้าร่วมงานสัมมนาสาย แต่ความจริงก็คือมันไม่มีงานสัมมนาที่ว่าเลยต่างหาก
ช่วงนี้เขาค่อนข้างว่าง เพราะแล็บในจีนยังฝุ่นตลบที่ข้อมูลถูกขโมยออกไป ทางนั้นยังจัดการอะไรๆ ไม่เรียบร้อย ทางไทยเลยทำอะไรไม่ได้มาก เขามีข้อมูลอยู่แล้วว่าณัฐรัมภาทำงานที่ไหนเลยตัดสินใจลองมาดูเผื่อจะได้เจอเธอ เพราะลำพังแค่การนัดเจอช่วงวันหยุดไม่น่าจะเพียงพอให้เขาตีสนิทเธอได้ในระดับที่ต้องการ ปรากฏว่าเขาก็ได้พบกับเธอจริงๆ เสียด้วย ถือว่าวันนี้มาไม่เสียเที่ยว ที่สำคัญคือจากท่าทีของเธอแสดงให้เห็นว่าเขาคิดถูกแล้วที่มา
อันที่จริงชายหนุ่มไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ขอโอกาสให้ได้เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างคอมพิวเตอร์ของปรพลสักครั้งก็เพียงพอแล้ว ส่วนจตุภูมินั้นน่าจะยากเกินไป ต่อให้เขาได้ยินข่าวมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกฝ่ายไปที่บ้านของปรพลโดยที่ณัฐรัมภาอยู่ด้วยก็ตาม
ครั้งนี้ณัฐนนท์โชคดีที่จู่ๆ ก็มีประเด็นภาษาจีนขึ้นมาโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย และถ้าหญิงสาวไปสมัครเรียนตามที่บอกเขาไว้จริงๆ อะไรๆ ก็จะยิ่งง่ายขึ้นอีก…แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็วางใจเรื่องการตกแต่งบ้านหลังใหม่ของตัวเองได้ เพราะณัฐรัมภาเป็นมัณฑนากรที่มีสไตล์เข้ากับความชอบของเขาพอสมควร ที่เหลือก็แค่หาทางได้เจอปรพลในแบบที่หมอนั่นจะไม่ฉุกใจสงสัยเท่านั้นเอง
(ติดตามตอนต่อไปในเล่ม…)