With Love
ทดลองอ่าน ณ ภวังค์สุดฝั่งฟ้า บทนำ-บทที่ 1
บทนำ
ว่ากันว่าการแอบรักเป็นเรื่องขลาดเขลาและทำให้เรากลายเป็นคนโง่งม…
กีรติไม่เชื่อเช่นนั้น หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยคิดว่าตนเป็นเช่นนั้น…กระทั่งระยะหลังมานี้
“ลาเต้ร้อนค่ะ”
เสียงเอ่ยพร้อมแก้วกาแฟถูกวางตรงหน้าเรียกสติของเขากลับมาอย่างรวดเร็ว และแม้ถ้อยคำนั้นจะไม่ได้นุ่มนวลอ่อนหวาน หากก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าคนฟังซับสีชมพูขึ้นจาง กีรติหันไปเก้กังพึมพำขอบคุณคนพูด ผะผ่าวอีกครั้งเมื่อเธอยิ้มรับคำก่อนผละออกไป
กระทั่งเหลือตนเองนั่งอยู่คนเดียวอีกครั้งนั่นแหละ เด็กหนุ่มจึงค่อยก้มลงมองสมุดจดตรงหน้า ความว่างเปล่าถูกครอบครองด้วยลายเส้นดินสอ มากมาย หลากหลาย ล้วนแต่เป็นโครงร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง…สูงเพรียวในชุดกระโปรงสีหม่นและผ้ากันเปื้อนไร้ลวดลาย ผมดำยาวถึงเอวถักเปียไว้อย่างหลวมๆ อยู่ตลอดแต่กลับไม่เคยลุ่ยออกมาสักครั้ง และใบหน้าของเธอ…ดวงตาเฉยชาคลุมเครือแววร้าวลึกข้างใน จนดูคล้ายกำลังแบกสัมภาระแห่งความโศกเศร้า ซัดเซพเนจรจากดินแดนทรงจำร้างไร้อันเป็นปริศนาคู่นั้น
มาลาริน…คือชื่ออันแสนบอบบางของเธอ และทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้ก็มีเพียงชื่อของเธอกับร้านกาแฟลึกลับนามฟอร์บิดเดนคาเฟ่แห่งนี้เท่านั้น
กีรติจำได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในยามบ่ายอึมครึมชื้นไอฝน ตอนที่เขาอยากลองทำตัวเป็นเด็กหนุ่มหัวขบถหลังได้รับแรงกดดันจากแม่เรื่องอนาคตของตัวเอง ดื้อรั้น ขุ่นเคือง ทะยานพารถราคาแพงออกจากบ้านอย่างไร้จุดหมายและจบลงด้วยการหลงทางกลางซอยแปลกตา เบื้องหน้าร้านกาแฟเล็กๆ ซึ่งแทบจะหลบมิดชิดอยู่หลังพุ่มใบเขียวสดของต้นไม้ ราวจะหลีกเร้นตัวตนจากโลกใบนี้
…เริ่มแรก กีรติตกหลุมรักกาแฟของเธอก่อน ลาเต้ซึ่งมักจะมาพร้อมฟองนมโรเซ็ตตาของคุณมาลารินทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเชื่องช้าจนแทบจะหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มใช้เวลาที่เหลือของวันนั้นนั่งละเลียดเครื่องดื่ม หลงลืมความขุ่นมัวซึ่งไม่รู้ว่าจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มองฝนหยาดผ่านกระจกสลับกับแมวอ้วนสีเทาบนเบาะพิเศษของมันโดยเฉพาะ ฟังเพลงแจ๊ซที่ไม่รู้จักกระทั่งเธอปิดร้าน…ก่อนจะกลับไปอีกครั้งในสองวันต่อมา และสัปดาห์ต่อมา และต่อมา ซ้ำแล้วซ้ำอีก กว่าจะรู้ตัว สายตาของเขาก็ลอบติดตามหญิงสาวผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หลังเครื่องทำกาแฟและดูแลต้นไม้ที่ไม่มีวันนับได้หมดเหล่านั้นไปแล้ว
เมื่อมองจากภายนอก ดูอย่างไรเจ้าของร้านกาแฟซึ่งคะเนอายุราวยี่สิบเศษๆ (กีรติตัดสินเอาจากใบหน้าซึ่งแทบจะไร้ริ้วรอยแม้เพียงนิดนั่น) กับเขาที่เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยก็มีช่องว่างอยู่มากโข แต่มันก็มีความรู้สึกเชื่อมโยงอันยากจะอธิบาย ในตอนที่เขามองลายฟองบนกาแฟของตนแล้ววาบหวามในใจ ยามตระหนักลึกๆ ว่าลวดลายตรงหน้าคือสิ่งที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเขา เป็นกาแฟที่เธอทำขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียว
เพ้อเจ้อไปหน่อย กีรติรู้ดี แต่นี่คือหลักฐานพยานของความสัมพันธ์ซึ่งบางเบายิ่งกว่าไอควันเหนือแก้วระหว่างทั้งสอง เท่าที่คนแอบรักคนหนึ่งจะเก็บสะสมได้นี่นา…
เมี้ยว…
แมวอ้วนบนเบาะส่งเสียงครางขึ้นเบาๆ ปรือตาหง่าวง่วง ก่อนพลิกท่านอน กระหวัดเรียกสติของชายหนุ่มกลับมายังปัจจุบัน ตอนที่ลมหอบใหญ่พัดฝนเม็ดแรกกระทบกระจกพอดี
“วันนี้กาแฟขมไปหรือเปล่าคะ”
เสียงคุ้นเคยตรงหน้าเรียกให้ชายหนุ่มรีบปิดสมุดวาดภาพอย่างรวดเร็ว มาลารินยืนเยื้องเขาไปไม่เท่าไหร่ เธอเพิ่งเก็บโต๊ะของลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเสร็จจึงหันมาทักทายเมื่อเหลือแค่เขาในร้าน
“ไม่เลยครับ” กีรติหน้าแดง “อร่อยเหมือนเดิมเลย”
หญิงสาวยกยิ้มบางให้กับคำชมนั้น บอกไม่ได้ว่ากำลังพอใจหรือแค่รับตามมารยาท เธอเบนสายตาออกไปยังสายฝนด้านนอกซึ่งเริ่มตกหนักขึ้นพร้อมเสียงฟ้าผ่าจังหวะสั้นๆ จากที่ไหนสักแห่ง ขณะเอ่ยเสียงอ่อนจางคล้ายกระซิบกับตัวเอง
“จำได้ว่าวันแรกที่คุณติมาที่ร้านฝนก็ตก”
คนฟังเริ่มวูบไหวในหัวใจ ระรัวเร็วจนไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นได้กับหัวข้อสนทนาอันปุบปับ
“ใช่ครับ น่าจะเป็นช่วงนี้ของปีที่แล้วพอดี”
“พี่จำได้…วันนั้นคุณติเป็นลูกค้าคนเดียวของร้านค่ะ” มาลารินเด็ดใบแห้งจากกระถางฟอร์เกตมีนอตบนโต๊ะออก ก่อนหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง “ถ้าคุณติไม่เข้ามา วันนั้นทั้งวันคงไม่มีลูกค้าเลย สงสัยวันนี้เราคงต้องติดฝนกันเหมือนวันนั้นแล้วล่ะค่ะ…น้ำเปล่ามั้ยคะ”
กีรติไม่ได้ตอบรับเพราะมัวแต่ตื้นตันปนวาบหวามใจกับคำพูดของเธออยู่ ความรู้สึกที่ว่าเขามีตัวตนอยู่ในสักเสี้ยวความทรงจำของมาลารินทำให้เด็กหนุ่มเต็มตื้น ราวละอองไอบางเบาซึ่งค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละน้อย ดวงตาคมติดตามร่างเพรียวระหงเทน้ำใส่แก้วอย่างเป็นสุขอยู่ในสงบเงียบระหว่างทั้งสอง
“ความจริงวันนี้ผมนัดพี่ชายให้มาลองดื่มกาแฟที่ร้านนี้ดูครับ รายนั้นเค้าเป็นคอกาแฟ ตั้งแต่กลับไทยก็ยังไม่มีที่ไหนถูกใจสักร้าน” ว่าพลางจิบลาเต้ของตนบ้าง รสละมุนของนมสดเจือเมล็ดกาแฟคั่วขมอบอุ่นถูกมัดรวมกันผ่านลำคอ “แต่ฝนตกหนักขนาดนี้ คงจะมาไม่…”
กีรติชะงักคำพูดเมื่อเห็นเงาร่างสูงในชุดสูทสีดำกำลังกางร่มผ่านม่านสายฝนเข้ามายังสวนหน้าร้าน ทึมทึบท่ามกลางเงาไม้เปียกปอน สลัวมัวราวภาพวาด และทันทีที่เขาผลักประตูเปิด เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งต้อนรับก็สะท้อนแว่วพร้อมฟ้าซึ่งกระหึ่มก้อง แสงวาววาบเกรี้ยวกราดขึ้นอีกครั้งพอดี
“อ้าว พี่วิน นึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีกฮะ…”
เพล้ง!!
ฉับพลัน โดยไม่มีใครตั้งตัวด้วยซ้ำ แก้วที่เพิ่งจะบรรจุน้ำจนเต็มก็ร่วงหล่น แตกกระจายทันที
กีรติหันกลับไปหามาลารินด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถูกความพิศวงประดังประเด เมื่อหญิงสาวผู้มักจะมีท่าทีเฉยชากลับมีสีหน้าซีดเผือด ดวงตาที่สาดสะท้อนเพียงความโศกกลับคล้ายจะค่อยๆ แตกร้าวไม่ต่างกับแก้วของเธอ ขาเรียวใต้กระโปรงสีทึบก้าวถอยหลัง และราวกับหญิงสาวจะลืมหายใจไปชั่วขณะ จังหวะต่อมาเธอจึงสะท้านขึ้นมาเฮือกใหญ่…ก่อนจะนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นราวถูกสาป
ผู้มาใหม่จับจ้องเจ้าของร้านกับทุกท่าทางของเธอตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา ดวงตาสีเทาเย็นเยียบหากแปลบปลาบด้วยประกายซ่อนเร้นบางอย่างภายใน ก่อนจะกราดเกรี้ยว…เกลียดชังทิ่มแทง ดุจจะประกาศกร้าวต่อดินฟ้าว่าหญิงสาวตรงหน้าคือสิ่งเลวร้ายที่สุดบนโลกใบนี้
ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้ม พร้อมเอ่ยคำทักทายซึ่งดังอยู่ในการร่วงหล่นของพายุฝน
“ไม่ได้เจอกันนานนะ…มาลาริน!!”