2
“ดิโอส มิโอ! ฉันน่าจะอยู่กับเธอตอนนั้น แม่จะด่ากลับจนยายป่อยอะไรนั่นหน้าหงายไปเลย!”
เสียงทุ้มต่ำติดสำเนียงละตินรัวผ่านโทรศัพท์เรียกรอยยิ้มขบขันให้มาลารินจนเผลอหัวเราะคิก ความขุ่นข้องเมื่อครู่ถูกพัดหายไปตามถ้อยคำเป็นห่วงที่ไม่มีประโยคใดอ่อนหวานนั่น หญิงสาวค่อยๆ พิงกำแพงชื้นแฉะของซอกตึกเมืองใหญ่อย่างผ่อนคลาย เอียงคอฟังจังหวะดนตรีที่กำลังเหวี่ยงหมุนโลกอีกฝั่งด้านในอาคารอย่างบ้าคลั่งพลางอธิบายตอบ
“เค้าชื่อพลอยย่ะ ไม่ใช่ป่อย”
“โอ๊ย เรียกยาก ไม่สนใจ” ปลายสายพ่นคำบ่นรัวเร็วดังเดิม “แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน มานอนห้องฉันก่อนสิ”
เพียงเท่านั้นคนฟังก็ยิ้มกว้างอย่างปลอดโปร่งราวยกภูเขาออกจากอกทันที
“ขอบใจนะฮวน ที่จริงก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นแหละ ตอนนี้เลยรอตรงซอกตึกข้างคลับ”
“แสนรู้ เข้ามารอห้องสตาฟฟ์สิ อีกสักพักนู่นกว่าฉันจะเลิกงาน”
“ไม่เป็นไร เสื้อผ้าฉันไม่ค่อยเหมาะกับร้านเท่าไหร่ เดี๋ยวเดินเตร่รอข้างนอกนี่แหละ” มาลารินอธิบายง่ายๆ ก่อนวางสาย อย่างน้อยวันนี้เธอก็มีที่ไปแล้ว ซ้ำยังเป็นที่ที่ชวนสบายใจอย่างยิ่ง
ฮวนเป็นโคลอมเบียนร่างใหญ่หัวใจนางพญาผู้ทำงานร่ายมนตร์ผสมน้ำเมาด้วยลีลาราวเริงระบำประจำคลับหรูชื่อสไปรซ์ มาร์เก็ต ขณะเดียวกันเวลากลางวันก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นระดับหัวกะทิของมาลารินในมหาวิทยาลัยด้วย เธอถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกพบ คุยถูกคอในสิ่งสนใจเดียวกัน สนิทสนมโดยไร้เรื่องบาดหมางเรื่อยมา กล่าวได้ว่าคนสองคนเดินทางจากอีกฟากฝั่งของโลกมาพานพบ เพื่อคอยช่วยเหลือกันและกันท่ามกลางดินแดนแปลกหน้าเป็นเวลาเกือบจะสองปีแล้ว
หญิงสาวขจัดความรู้สึกมืดครึ้มอันคอยก่อกวนอารมณ์มาตลอดคืนเงียบๆ ขณะนั่งลงหลบสายลมอวลกลิ่นฝนอยู่หลังถังขยะขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่พอที่จะบังได้จนหมดจด เธอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าพลางชั่งใจไปพลางว่าจะไปรอเพื่อนสนิทตรงเก้าอี้สาธารณะหรือในร้านราเม็งยี่สิบสี่ชั่วโมงดี
ก่อนได้ให้สะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มต่ำของใครคนหนึ่งจะบังเอิญดังขึ้นจากบริเวณใกล้กัน
“คุณอาไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอกครับ ผมรู้ว่าพ่อแค่อยากควบคุมชีวิตผม”
เพราะประโยคที่เอ่ยเป็นภาษาไทย มาลารินจึงลอบโผล่หน้าออกไปมองด้วยความอยากรู้อันไม่อาจห้าม ก่อนจะต้องรีบกระถดตัวเองกลับมาซ่อนในมุมเงาของถังขยะมากกว่าเดิม ทันทีที่ประจักษ์ถึงตัวตนของอีกฝ่าย ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้าง ความรู้สึกในอกเพื่อมพยอกจากอารมณ์ขุ่นมัวที่เพิ่งจะดับมอดไปเมื่อไม่นานมานี้
ไอ้เด็กจองหองเมื่อตอนเย็น!
หน็อย…ขณะที่เธอเพิ่งจะถูกกดดันจนต้องลาออกจากงานหยกๆ ตานี่ดันมาเข้าคลับสบายใจเฉิบงั้นเหรอ หญิงสาวได้แต่ทำหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างกล้าหาญอยู่ลับหลัง ซ้ำยังต้องร่นตัวหลบอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายคล้ายจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ตามน้ำเสียงต่อต้านกึ่งโมโหนั่น
“ในเมื่อเค้าเก่งเรื่องใช้เงินแก้ปัญหาอยู่แล้ว งั้นก็แค่เอาเงินมาฟาดตัวปัญหาอย่างผมเหมือนที่ผ่านๆ มาซะก็สิ้นเรื่อง!”
…แหม เอามาฟาดฉันด้วยสิ คนแอบฟังลอบเบะปากกับตัวเอง นินทาอยู่ในใจอย่างแสบร้อน
“ผมดูแลตัวเองได้! ฝากบอกเค้าด้วยว่าไม่ต้องมาแกล้งเป็นห่วงเป็นใยกันตอนนี้ ผมไม่ชิน!!”
อา…แล้วเงินนั่นล่ะ ถ้าไม่อยากได้จะเอาให้ฉันก็ได้นะ…มาลารินยังลอบครวญครางทีเล่นทีจริงอยู่ในใจไม่หยุด อาลัยอาวรณ์กับเงินของคนอื่นอย่างแสนเสียดาย และคงจะโศกเศร้าเกินจริงอยู่เช่นนั้นหากไม่ได้ให้สะดุ้งโหยง เมื่อร่างสูงอีกด้านพลันเตะถังขยะที่เธอใช้กำบังอย่างแรงพร้อมถ้อยสบถอันดัง
“แม่งเอ๊ย!!”
แกสิ ไอ้เด็กบ้า!