ทว่าคืนนี้กลับแตกต่างออกไป เรื่องราววุ่นวายเมื่อตอนบ่ายแก่ยังติดค้างอยู่ในใจเด็กชาย ดังนั้นทันทีที่ผ้าห่มถูกวางทาบตัว ศรันย์ก็คว้าเรียวมือของผู้เป็นมารดามากุมแน่น ขณะที่ดวงตาคู่โตยังคงช้อนขึ้นสบมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง
“ยังเจ็บอยู่มั้ยฮะ”
เพียงเท่านั้น ใบหน้าอันคลุมเครือแววเฉยชาอยู่เสมอของมาลารินก็ระบายเงารางของความเอ็นดูออกมา หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบเรือนผมเส้นเล็กดุจสายไหมแผ่วเบาราวจะกล่อมฝันคนตรงหน้า แล้วเหลือบมองแผลที่เท้าของตนแวบสั้นๆ ก่อนตอบ
“ไม่เจ็บแล้ว” ริมฝีปากอิ่มยกมุมหยักขึ้นจาง “แผลแค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย”
อาจเพราะเป็นเด็ก คงจะอย่างนั้น ศรันย์จึงเชื่อคำของมารดาโดยทันทีซ้ำยังแย้มยิ้มวางใจ เด็กชายไม่คิดถามอะไรหรือกระทั่งว่าใครคือชายที่เข้ามาแสดงอาการเกรี้ยวกราดคนนั้น เขาค่อยๆ หลับตาลงเชื่องช้าแล้วร่วงลงสู่ความง่วงงุนจากการถูกลูบเรือนผม ผลุบหายเข้าไปในลำนำความฝันสักเรื่องอย่างง่ายดาย ทั้งยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้ว ‘ความเจ็บ’ ที่ตนสื่อถึงไม่ใช่แผลเศษแก้วบาด…หากเป็นรวดร้าวบางอย่างข้างในซึ่งมักจะลักลอบปรากฏผ่านแววตาในโมงยามที่แม่ของเขาไม่รู้ตัวต่างหาก
ศรันย์ไม่รู้ หรือต่อให้รู้…ความเจ็บปวดที่หญิงสาวกำลังแบกรับก็ยังมากเกินกว่าที่เด็กวัยสิบขวบจะจินตนาการถึงอยู่ดี
ใช้เวลาต่ออีกสักพักกว่าจะแน่ใจว่าคนตัวเล็กร่วงลงสู่นิทราฝันแล้วจริงๆ มาลารินจ้องมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาชวนเอ็นดูของเด็กชายในความมืดต่ออีกชั่วครู่ก่อนจะค่อยผละออกจากห้อง ก้าวเดินผ่านเงาสลัวและสงัดเงียบของค่ำคืนอย่างเดียวดายไปในบ้านซึ่งยังเหลือเพียงเธอที่ยังตื่น หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้โยกริมหน้าต่างอย่างคนไร้เรี่ยวแรง มองผ่านความมืดออกไปมีเพียงเงาจันทร์อ้างว้างซึ่งสาดกระทบร้อยพันดอกใบชื้นชุ่มในสวน สายฝนเมื่อตอนบ่ายทิ้งเอาไว้แต่หยดน้ำใสกระจ่างปลายยอด ระริกไหวจนแวบหนึ่งก็ดูราวกับต้นไม้กำลังร่ำไห้ หรือบางที…พวกมันอาจหลั่งน้ำตากันอยู่จริงๆ ก็ได้
เมี้ยว…
แมวอ้วนพาตัวเองเข้ามาถูไถกับเรียวขาของมาลารินอย่างเชื่องช้า มันเหลือบดวงตาสุกสกาวราวกับนวดาราคู่นั้นขึ้นมามองเธอครู่สั้นๆ ก่อนผละออกไปขดม้วนบนโซฟาเยื้องกันราวรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ตอนนั้นเอง เฉกเช่นเคยเป็นตลอดสิบปีที่ผ่านมา โดยไร้สุ้มเสียง ท่ามกลางม่านเงาแสนเศร้าซึ่งไม่เคยมีใครรับรู้…มาลารินก็ร้องไห้ สั่นสะอื้นอย่างเงียบเชียบ ล่มร้างภายใต้แสงจันทร์ส่องกับหยาดหยดความทรงจำพรูพร่างประดังประเด
สิ่งที่เคยเกิดขึ้น สิ่งที่เคยรู้สึก ความผิดพลาดและรอยน้ำตาร่วงหล่นลงมาไม่ขาดดุจสายฝน
ใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่หญิงสาวจะสูดลมหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าแมวอ้วนหลับตาลงไปแล้ว…แต่มันไม่ได้หลับหรอก เธอรู้ดี มันก็แค่เบื่อจะมองมนุษย์หน้าโง่อย่างเธอร้องไห้ต่างหาก
ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ ยิ้มหยันขณะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แสงจากหน้าจอสี่เหลี่ยมสาดสะท้อนให้หยดน้ำตาที่ยังไหลร่วงกลายเป็นสีอความารีนตอนที่เธอกดโทรออก แล้วรอคอยกระทั่งปลายสายตอบรับ
“พี่ณต…” รสขมๆ ข้างในตีรื้นจนต้องข่มกลั้นในครู่ขณะ “เค้าเจอลีแล้ว”
มาลารินกระซิบแผ่วเจือก้อนสะอื้นจนสากเครือใต้ม่านเงาสลัวรางนั้นอย่างเดียวดาย…