…ไม่มีปัญหากับผีน่ะสิ!!
เรียวมือถูกยกขึ้นทึ้งผมตัวเองพร้อมบิดไปมาขณะที่ดวงตากำลังจับจ้องไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งบอกเวลาว่าใกล้จะเที่ยงคืนเต็มที มาลารินชะโงกหน้าส่องถนนเงียบเชียบไร้วี่แววของรถสปอร์ตคุ้นตาก่อนขบเม้มริมฝีปาก เธอไม่ได้ต้องการพุ่งกลับบ้านหลังเลิกเรียนเพื่อจะมากระวนกระวายนั่งรอเด็กนั่นเป็นนานสองนานแบบนี้เสียหน่อย…เก่งมากกวิน ตันติณรงค์…เรื่องปั่นประสาทชาวบ้านนี่ช่างเชี่ยวชาญเหลือเกิน!
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด เมื่อตระหนักขึ้นประเดี๋ยวนั้นเองว่าขอบเขตการรอของเธอควรมาถึงจุดสิ้นสุดได้แล้ว กวินไม่รับโทรศัพท์ อันที่จริงเรียกว่าตัดสายเธอแล้วปิดเครื่องจะถูกกว่า ให้มันได้อย่างนี้สิ มาลารินคว้าเสื้อโค้ตตัวยาว มองออกไปยังถนนซึ่งปรากฏภาพความมืดและแสงไฟหรุบรู่สีส้มนวลที่เอาแต่สาดสะท้อนคืนฤดูใบไม้ร่วงจนดูวิเวกเหงา พลางกอบกำจิตใจดื้อรั้นไว้ให้เป็นทิฐิผลักดันแม้จะไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มตามหาอีกฝ่ายที่ไหน
“ก็คงไม่พ้นพวกคลับบาร์หรอกน่า”
หญิงสาวกระซิบปลุกใจตัวเอง กระชับเรียวแขนกอดตนอย่างฮึกเหิมก่อนก้าวเดินฝ่าราตรีชื้นชุ่มและร่องรอยใบไม้เหลืองกรอบที่กระจายราวพื้นพรมไปตลอดทาง อาจเรียกได้ว่าตามหาด้วยสัญชาตญาณ คงเป็นเช่นนั้น
…และวกวนราวคนหลงทางจวบจนถึงบาร์แห่งที่เจ็ด ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนัก ท่ามกลางบทเพลงฝันสลายกับแสงไฟในม่านควันสีหม่น เธอก็หากวินจนเจอ
เขายืนพิงผนังกลางมุมเงาที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่สาวเท้าผ่านประตูเข้ามา โดดเด่นด้วยร่างสูงสง่าและดวงตาแข็งกระด้างคู่นั้น ข้างกันคือเกวราผู้กำลังหลับตาพริ้มฟังทำนองดนตรี เพลิดเพลินไปกับการโยกเลื้อยตามจังหวะจนดูเหมือนนักเต้นในนิทานอาหรับ และในช่วงเวลาที่เบสหนักๆ หวดซัดผ่านลำโพงก็เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าถูกจับจ้อง เมื่อกวินชายตามาสบกับเธอนิ่งพร้อมยกคิ้วข้างหนึ่งกึ่งๆ จะเย้ยเยาะ ยกเบียร์ในมือขึ้นจิบ…ราวกำลังรออยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
มาลารินแก้มร้อนผ่าวโดยไม่รู้สาเหตุ แต่เธอสรุปอย่างรวดเร็วว่าอาจเพราะกำลังโกรธ หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมตัวยาวทั้งที่อากาศในบาร์อบอุ่นจนแทบร้อนขณะเบียดผ่านผู้คนจนไปถึงร่างสูง เพียงเพื่อจะถลึงตาจ้องด้วยอับจนถ้อยคำจะตำหนิ…ไม่ใช่ว่าด่าไม่ออกหรอก แต่คำพูดในหัวมันเยอะจนเลือกมาใช้ไม่ถูกเสียมากกว่า
“ตามมาทำไม”
เสียงทุ้มเคลือบอาบด้วยแววเย็นชา เรียกให้คนถูกถามแทบตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีตอบกลับไป
“บอกว่าอย่ากลับดึกไง!”
“ไม่ได้ตอบตกลงเสียหน่อย”
“เอ๊ะ!”
“วิน…”
เกวราที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญรีบเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มพร้อมจับจ้องมาลารินด้วยดวงตากลมโตที่ฉายประกายเอือมระอา หล่อนช้อนดวงหน้างามขึ้นหาร่างสูงอย่างออดอ้อน ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ให้ได้ยินอย่างถ้วนทั่ว
“เค้าตามวินมาทำไมอีก เป็นสตอล์กเกอร์หรือเปล่า เรียกการ์ดมาลากออกไปดีมั้ยคะ”
“ที่ตามน่ะใช่ แต่ที่ว่าเป็นสตอล์กเกอร์ก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ”
มาลารินอธิบายรัวเร็วก่อนผละความสนใจไปยังเจ้าของดวงตาสีเทาควันบุหรี่ เธอไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำกับเด็กสาวเวลานี้ จุดประสงค์ของการมาที่นี่มีเพียงเพื่อลากคนตัวสูงกลับบ้านเท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
“ไม่ไป”
เด็กหนุ่มตอบกลับทันที ซ้ำยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดขวดโดยไม่สนใจ