ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 4 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 4

ความจริงอุปนิสัยของเซียวฮูหยินระวังรอบคอบยิ่ง หากมิใช่เก่อซื่อตระเตรียมไม่ทัน ยามฉุกละหุกเพียงเจียดได้ห้องไม่กี่ห้องมาให้กลุ่มของเฉิงสื่อ ประกอบกับเซียวฮูหยินก็ไม่ยอมให้บุตรสาวกลับไปอยู่ในเรือนของเก่อซื่ออีกแล้ว หาไม่นางคงไม่มีทางรั้งอยู่สนทนาในห้องของบุตรสาวเด็ดขาด

ผ่านไปไม่นานนัก อาชิงก็เข้ามาทางประตูบานหนึ่งของห้องชั้นใน นางพาสตรีอีกคนเข้ามาด้วย สตรีผู้นั้นคำนับพลางเรียกขานผู้เป็นนาย อวี๋ไฉ่หลิงฟังออกในทันที ที่แท้ผู้มาถึงกับเป็นอาจู้!

“อาจู้ ลุกขึ้นเถิด” เซียวฮูหยินก้าวขึ้นหน้าไปประคองอีกฝ่ายด้วยตนเอง “หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ได้อยู่พร้อมหน้ากับอาอี่นานๆ ครั้งเท่านั้น”

อาจู้น้ำตารื้น มองเซียวฮูหยินพลางเอ่ยปนสะอื้น “นายหญิงไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ส่วนใต้เท้าน่าเกรงขามเหนือกว่ากาลก่อนอีกเจ้าค่ะ”

นับแต่เข้าประตูมาจนบัดนี้เฉิงสื่อเพิ่งจะแย้มยิ้ม เขาลูบหนวดดกของตน แล้วหันไปเอ่ยกับภรรยา “อาจู้ยังเหมือนเดิมเลย ไม่พูดก็แล้วไป พูดทีชอบเอาเรื่องจริงมาพูด”

วาจานี้พอออกจากปาก ตั้งแต่อวี๋ไฉ่หลิงที่แสร้งหลับอยู่ไปจนถึงเซียวฮูหยินผู้เยือกเย็นล้วนแต่มุมปากสั่นกระตุก ส่วนอาชิงใช้แขนเสื้อป้องปากหัวเราะออกมาเบาๆ

หลังจากโอภาปราศรัยไม่กี่คำ เซียวฮูหยินก็นั่งลงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าเล่ามาเถิด”

อาจู้ประสานมือรายงานอย่างเคร่งขรึม “ตอนนั้นบ่าวรับบัญชาจากนายหญิงรั้งอยู่ในเรือนสวน หลายปีล้วนไม่มีความเคลื่อนไหว เพียงได้ยินชื่อเสียงความเกเรของคุณหนูแพร่มารางๆ กระทั่งเมื่อเดือนก่อนได้ยินว่าคุณหนูวิวาทกับผู้อื่นในงานชมดอกเหมย ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ นางจึงถูกเก่อซื่อลงโทษให้ไปสำนึกผิดในเรือนสวนอีกแห่ง ผู้รับคำสั่งเฝ้าคุมคุณหนูคือป้าสูงวัยที่เป็นเครือญาติของหลี่จุย ขี้เมาและสุกเอาเผากินเป็นที่สุด ในวันที่น้ำหยดกลายเป็นน้ำแข็งเช่นนั้น ถึงกับทิ้งคุณหนูตัวเล็กๆ ไว้เพียงลำพังในบ้านอิฐอันหนาวเย็นและถูกทิ้งร้างมาช้านาน น้ำแกงร้อนๆ ข้าวร้อนๆ ก็ไม่มี ไม่ทันไรคุณหนูก็ล้มป่วย ยามที่บ่าวเร่งติดสินบนหลี่จุยจนได้ไปดูแลคุณหนูแทนนั้น คุณหนูเป็นไข้มาหลายวันแล้วเจ้าค่ะ”

เฉิงสื่อเดือดดาล ฟาดหนึ่งฝ่ามือใส่ที่เท้าแขนของเก้าอี้พับ จนที่เท้าแขนสลักลายนั้นปริร้าวบังเกิดเสียงให้ได้ยิน “หญิงผู้นี้น่าชังเหลือทน ควรให้น้องรองหย่านางทิ้งเสีย!”

อาจู้รีบก้มคำนับ “ล้วนเป็นความผิดของบ่าวเอง”

เซียวฮูหยินโบกมือเบาๆ “ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย คนที่ประจำอยู่เรือนสวนแห่งนั้นไม่ใช่เจ้า เจ้าสามารถรุดไปทันกาลก็ดีมากแล้ว”

“อาเยวี่ยนาง…” อาจู้เพิ่งจะเริ่มเอ่ย เซียวฮูหยินก็ยับยั้งอย่างเฉียบขาด “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

อวี๋ไฉ่หลิงลอบตระหนก ฟังน้ำเสียงอันเด็ดขาดจัดเจนของเซียวฮูหยินในเวลานี้แล้ว แทบไม่กล้าเชื่อว่าเป็นสตรีที่เมื่อครู่ก้มหน้าคุกเข่าขอขมาเสียงอ่อนผู้นั้น ที่แท้แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ* จริงเสียด้วย

เห็นสีหน้าของใต้เท้ากับนายหญิง อาชิงก็ส่งสายตายิ้มกล่าวกับอาจู้ “นั่นเป็นหนแรกที่เจ้าได้พบคุณหนูกระมัง ได้ยินว่าคุณหนูอารมณ์ร้าย นางเคยดุเจ้าตีเจ้าบ้างหรือไม่”

อาจู้ตอบปนสะอื้นแผ่ว “ดุด่าทุบตีอันใดกันเจ้าคะชิงชงฮูหยิน ตอนที่บ่าวรุดไปถึง คุณหนูลมหายใจรวยรินแล้ว น่าสงสารเด็กสาวที่ตัวเล็กเพียงนั้น ไข้ขึ้นจนทั่วร่างร้อนลวก นอนกับฟูกบนพื้นซึ่งทั้งชื้นทั้งหนาว เป็นไข้จนสติรางเลือน ยาก็ไม่อาจกลืนได้ ตอนนั้นบ่าวทั้งตระหนกทั้งหวั่นหวาดยิ่งนัก กลัวว่าคุณหนูจะเป็นอันใดไป และเกรงว่าจะผิดต่อคำฝากฝังของนายหญิง!”

เฉิงสื่อมองไปยังเตียงด้านหลังม่านที่ทิ้งตัวต่ำ นึกถึงรูปร่างเล็กจ้อยเปราะบางของบุตรสาวที่เพิ่งได้พบ แล้วนึกถึงบุตรชายสี่คนที่เลี้ยงอยู่ข้างกายและล้วนแข็งแรงดุจลูกวัว ก็ให้ยิ่งสงสารปวดใจเป็นเท่าทวี

“สำหรับอุปนิสัยของคุณหนู บ่าวมิกล้าพูดมาก ขอใต้เท้ากับนายหญิงรอจนคุณหนูหายป่วยแล้วตรวจสอบเองเถิด” อาจู้กล่าวอย่างขุ่นแค้น “ที่แท้มีคนจงใจปล่อยคำลือใช่หรือไม่ ทุกประการล้วนจะได้รู้กัน”

ฝูอี่กับอาจู้สองสามีภรรยาติดตามเฉิงสื่อมาสิบกว่าปี เฉิงสื่อรู้จักนิสัยของทั้งสองดี อาจู้กล้าพูดเช่นนี้ บุตรสาวของเขาต้องมิได้เป็นเช่นคำลือข้างนอกแน่

ชิงชงสังเกตสีหน้าเฉิงสื่ออย่างละเอียด ก่อนหันไปเอ่ยปนยิ้ม “ยังคงเป็นนายหญิงที่คิดการรอบคอบ ทิ้งคนไว้ที่เรือนสวนแต่แรก ไม่เช่นนั้นล่ะก็…คงแย่ไปแล้ว ใครจะคิดเล่าว่าฮูหยินรองจิตใจอำมหิตเยี่ยงนี้”

เฉิงสื่อหน้าดำทะมึนอีกครา เซียวฮูหยินปรายตามองเขา ทว่าเอ่ยกับชิงชงเสียงเนิบ “ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้คนที่ข้าเจอเป็นตัวโง่งมเล่า เจอคนฉลาดไม่น่ากลัว ชั่วดีอย่างไรเจ้าก็รู้ว่าคนผู้นั้นจะไม่กระทำเรื่องโง่ๆ แต่ถ้าเจอกับตัวโง่งมก็ลำบากแล้ว”

 

* แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ เป็นสำนวนจีน หมายถึงคนที่แท้จริงมีอำนาจยิ่งใหญ่หรือมีความสามารถแต่แสร้งทำตัวเซ่อซ่าให้ผู้อื่นหลงกลเพราะหวังผลประโยชน์จากอีกฝ่าย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com