ชิงชงเดินตรงไปนวดคลึงช่วงเอวให้อีกฝ่ายเบาๆ พลางเอ่ย “ใต้เท้าน่าจะตกลงใจแน่วแน่จนได้”
เซียวฮูหยินกล่าว “ใต้เท้าอยากจะลงมือนานแล้ว เพียงติดขัดที่ท่านแม่เท่านั้น”
ชิงชงทอดถอนใจ “นายท่านผู้เฒ่าด่วนจากไปเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่าครองตนเป็นม่ายก็ไม่ง่ายดายเลย”
เซียวฮูหยินพลันเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ต่อให้ท่านพ่อยังอยู่ ชีวิตท่านแม่ก็จะง่ายดายหรือไร”
ชิงชงคลี่ยิ้มตามอย่างห้ามไม่อยู่
เซียวฮูหยินเอ่ยเยาะ “ตอนนั้นวงศ์ตระกูลของคุณชายผู้รักในการขับบทกวีประพันธ์ลำนำพลันตกยาก ภายใต้การปกครองอันฟอนเฟะของทรราชลี่ตี้ ผู้คนล้วนไม่มีอาหารจะกินแล้ว ใครกันยังจะฟังลำนำขับร้องเพลงอีก หากไม่อาจแต่งกับจั๋วเหวินจวิน* ผู้งมงายและมั่งมี ก็ไม่มีทางจะกลายเป็นซือหม่าเซี่ยงหรูไปได้หรอก ท่านพ่อที่ใกล้จะหิวโซแล้วจึงจำใจแต่งกับบุตรสาวชาวนาผู้มีอันจะกิน ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ หน่ายกระทั่งจะเอ่ยวาจากับท่านแม่ พอใต้เท้าเพิ่งซื้อเรือนใหม่ ท่านพ่อก็รีบยึดห้องใหญ่ห้องหนึ่งหาความสุนทรีย์กับลำนำกวีของตนไป ทั้งบอกว่าหากเห็นหน้าภรรยาบ่อยครั้งต่อวัน พานจะกินอาหารไม่ลงเอา”
นึกถึงท่าทีรังเกียจรังงอนฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงขณะที่นายท่านผู้เฒ่าเฉิงยังมีชีวิตอยู่ ชิงชงก็ผลิยิ้ม “นายท่านผู้เฒ่ากลับดีต่อนายหญิงมาก ปกป้องนายหญิงมาโดยตลอด”
“นั่นย่อมแน่นอน ท่วงทำนองที่ท่านพ่อเขียน ผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งบ้านมีแต่ข้าที่ดูรู้เรื่อง ทั้งที่เป็นสามีภรรยากันหลายสิบปี มีบุตรธิดาด้วยกันกลุ่มใหญ่ ท่านแม่กลับยังนึกว่าท่านพ่อหัดเขียนยันต์แบบพวกหมอดูคนทำพิธี เคยคิดจะเรียกให้ท่านพ่อตั้งแผงดูดวงเพื่อเพิ่มรายรับเข้าบ้านด้วยซ้ำ”
ในที่สุดชิงชงก็กลั้นไม่อยู่ หลุดเสียงหัวเราะคิกออกมา
ใครจะรู้หนนี้เซียวฮูหยินกลับไม่หัวเราะ ตรงข้ามยังทอดถอนใจกล่าว “ต่อมาบ้านเมืองวุ่นวายกว่าเดิม สกุลเฉิงใช่ว่าร่ำรวย ทั้งหมดล้วนอาศัยท่านแม่ดูแล จึงยังประทังปากท้องไปได้ แต่เล็กก็เห็นท่านแม่ตรากตรำ ซ้ำถูกท่านพ่อเฉยเมยเช่นนั้นอีก ใต้เท้าเป็นบุตรชายคนโตจะไม่ปวดใจได้หรือ”
ฟังมาถึงตรงนี้ อวี๋ไฉ่หลิงก็แอบหัวเราะอย่างพวกตัวร้าย ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดอารมณ์คับแค้นของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงจึงมากมายเพียงนั้น
ชิงชงถอนหายใจเบาๆ “หากนายท่านผู้เฒ่ายังอยู่ก็คงดี เขาต้องไม่ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่ารังแกท่าน และท่านก็จะไม่พลัดพรากกับคุณหนูถึงสิบปี”
เซียวฮูหยินถอนหายใจเช่นกัน เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยวาจา “หากผู้เฒ่าทั้งสองมีอายุยืนอยู่เสพสุขได้เพียงท่านเดียว อันที่จริงก็ควรแล้วที่จะเป็นท่านแม่”
ชิงชงถูกทำให้ตกใจจนตัวโยน “นายหญิงเลอะเลือนไปแล้ว”
เซียวฮูหยินให้คำชี้แจงอันคาดไม่ถึง “ท่านแม่ไม่ชอบข้าเป็นเรื่องหนึ่ง ทว่าในใจข้านับถือนางเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นางขึ้นเขาเก็บผัก ลงนาเพาะปลูก กลับบ้านทอผ้า ซักผ้ากวาดถู ยังมีสามีกับลูกๆ ที่ต้องกินอาหาร ยามที่แผ่นฟ้าจะถล่มลงมา ต่อให้นางเหนื่อยล้าสายตัวแทบขาด ก็ยังต้องยืดตัวตรงค้ำยันแผ่นฟ้าไว้ มิใช่ท่านพ่อผู้บรรเลงเครื่องดีดสีตีเป่า บัดนี้สมควรเป็นนางที่จะได้เสพสุขกับลูกหลาน!”
ได้ยินถ้อยคำนี้ อวี๋ไฉ่หลิงให้บังเกิดความเคารพต่อเซียวฮูหยินขึ้นมาส่วนหนึ่ง รู้สึกว่าแม้สตรีผู้นี้จะเก่งการใช้กลอุบาย แต่ก็นับว่าแยกแยะผิดถูกชัดแจ้ง
เซียวฮูหยินหยุดเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ “อีกอย่างแบบท่านแม่ก็ยังเหนือกว่ามารดาบังเกิดเกล้าของข้ามาก”
ชิงชงมีหรือจะกล้าวิจารณ์มารดาแท้ๆ ของอีกฝ่าย จึงได้แต่เบี่ยงหัวข้อสนทนา “นายหญิงเห็นแล้วหรือไม่ คุณหนูเล็กหน้าตาละม้ายท่านยายของนางทีเดียว”
ดวงหน้าเรียบเฉยของเซียวฮูหยินผุดอารมณ์อันซับซ้อนขึ้นมาอีกครา “อย่าให้อุปนิสัยเหมือนด้วยก็พอ ไม่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย มิสู้เหมือนท่านย่าของนางยังดีเสียกว่า”
“อย่าเลยเจ้าค่ะ” ชิงชงรีบท้วงปนยิ้ม “อุปนิสัยไม่เอ่ยถึง เฉพาะรูปโฉมยังคงเหมือนมารดาแท้ๆ ของท่านดีกว่า”
นึกถึงรูปโฉมปานภูเขาเนื้อของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงแล้ว เซียวฮูหยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ชิงชงสังเกตสีหน้าของเซียวฮูหยินพลางเอ่ยต่อ “อันที่จริงข้ารู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ลำบากอันใดนัก ตั้งแต่สิบขวบใต้เท้าก็แบกปากท้องของคนทางบ้านแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ลำบากนานเลย” จากนั้นนางก็เอ่ยอย่างเป็นกังวล “ถ้าใต้เท้าคิดเช่นนายหญิง ใต้เท้าจะแข็งใจจัดการกับฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือเจ้าคะ”
“หากใต้เท้าใจอ่อนเยี่ยงสตรี คงตายไปแต่แรกไม่รู้กี่รอบแล้ว” เซียวฮูหยินพูดอย่างมั่นใจ
นางเงยหน้ามองไปยังคานห้องที่อยู่สูงแล้วเอ่ยพึมพำ “ใต้หล้านี้มีลูกสะใภ้คนใดกันไม่อาจสู้แม่สามีบ้าง มีเพียงสามีไม่ยอมเป็นผู้ช่วยก็เท่านั้น”
อวี๋ไฉ่หลิงถูกความเห็นอันสูงส่งนี้ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด เนื่องจากพลันค้นพบว่ามารดาของตนในชาตินี้ไม่เพียงเป็นนักรบในเรือนหลังกับนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ถึงกับยังเป็นนักปรัชญาสายวัตถุนิยมวิภาษอีกต่างหาก!
เพียงแต่ว่า…เพราะเหตุใดเธอจึงเจอแม่ๆ ที่เก่งฉกาจเช่นนี้อยู่เรื่อยเล่า คนรุ่นก่อนยอดเยี่ยมแบบนี้แล้ว คนรุ่นหลังก็ก้าวหน้าไปกว่านี้ได้ยากน่ะสิ เธอรู้สึกว่าตนเองควรจะตั้งเป้าหมายเล็กๆ สักข้อก่อน อย่างเช่น…ไปเกิดใหม่อีกสักรอบ?
* จั๋วเหวินจวิน เป็นบุตรีคหบดีและได้รับยกย่องเป็นหนึ่งในสี่ยอดปราชญ์หญิงของจีนโบราณ นางประทับใจในความสามารถกับเพลงพิณของซือหม่าเซี่ยงหรูกวีเลื่องชื่อสมัยฮั่นตะวันตกผู้ซึ่งตอนนั้นยังมีฐานะฝืดเคือง นางถึงขั้นหนีตามเขาไป ต่อมาบิดาของนางแบ่งทรัพย์สินกับบ่าวรับใช้ให้จำนวนมาก ทั้งสองจึงได้ใช้ชีวิตอย่างมั่งมี
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.