ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 5 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 5

บนถาดไม้เคลือบเงาสีแดงอมม่วงทรงสี่เหลี่ยมขนาดย่อม มีชามไม้ใบเล็กเคลือบเงาสีเดียวกันวางอยู่สามใบ ตัวชามใช้สีดำเขียนลายสัตว์ตัวน้อยแปลกตาจำนวนหนึ่ง ชามไม้ใบตรงกลางซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าหน่อยใส่โจ๊กที่กรุ่นกลิ่นหอมฟุ้งปะทะจมูก อวี๋ไฉ่หลิงเพียงได้กลิ่นก็รู้ทันทีว่าเป็นโจ๊กเห็ดเคี่ยวกระดูกวัวที่ตนชื่นชอบ ในชามด้านข้างที่เล็กกว่าหน่อยคือผักดองด้วยน้ำส้มกับเกลือสมุทร ให้รสเปรี้ยวเค็มถูกปาก เป็นจานถนัดของอาจู้ ในชามเล็กใบสุดท้ายทรงสี่เหลี่ยมมุมมนถึงกับวางขนมนมหวานสองชิ้นเล็กที่กำจายกลิ่นหอมของนมออกมาทั่วทิศ ไม่รู้ข้างในใส่น้ำตาลไปเท่าไร อวี๋ไฉ่หลิงรู้ว่ายุคนี้น้ำเชื่อมได้มาไม่ง่ายเลย ในชนบทมีอี๋ถัง* สองก้อนก็ทำให้เด็กน้อยน้ำลายสอกันถ้วนหน้าได้แล้ว

ทั้งหมดล้วนเป็นของที่ตนชอบกิน อวี๋ไฉ่หลิงจึงเจริญอาหารเป็นพิเศษ อาจู้ยิ้มละไมมองอยู่ด้านข้าง อิ่มใจราวกับสิ่งที่กินเข้าปากเด็กสาวนั้นลงท้องของอาจู้เองก็ไม่ปาน

ระหว่างกินอาหารอวี๋ไฉ่หลิงถามถึงอาเหมยกับน้องชาย อาจู้ก็ตอบปนยิ้ม “ด้วยนายหญิงเมตตาไม่รังเกียจ ต่อไปอาเหมยจะมารับใช้คุณหนูเช่นกันเจ้าค่ะ ส่วนอาเลี่ยงยังไม่รู้ว่าจะได้ติดตามคุณชายท่านใด เพียงแต่พวกเขาสองพี่น้องซุกซนอยู่ในชนบทจนเคยตัวแล้ว ตอนนี้ชิงชงฮูหยินจึงกำลังหาคนสอนกฎระเบียบให้พวกเขาอยู่” จากนั้นนางก็แนะนำสาวใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังด้วยเลย

สาวใช้หน้ากลมที่อ่อนวัยกว่าอายุราวสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้นมีนามว่าเฉี่ยวกั่ว ส่วนสาวใช้หน้ารีอาวุโสกว่า อายุราวสิบห้าสิบหกปีมีนามว่าเหลียนฝาง ตามคำกล่าวของอาจู้ เซียวฮูหยินผู้ ‘เก่งกาจรอบด้าน’ นั้นมองหาสาวใช้คนสนิทที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ให้บุตรสาวตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว เห็นชัดว่าสองคนนี้ก็คือผลจากการคัดสรรเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี

มุมปากของอวี๋ไฉ่หลิงกระตุกนิดๆ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘คนสนิท’ นี้ควรบ่มเพาะด้วยตนเองจึงจะเชื่อถือได้มิใช่หรือไร

“ว่าแต่ชิงชงฮูหยินผู้นั้นคือใครหรือ” อวี๋ไฉ่หลิงและเล็มขนมหวานชิ้นเล็กพลางถาม

อาจู้ยิ้มตอบ “คือน้องสาวร่วมสาบานของนายหญิงเจ้าค่ะ หลายปีมานี้ดีที่นายหญิงมีนางช่วยแบ่งเบา ต่อไปคุณหนูต้องปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนะเจ้าคะ”

อวี๋ไฉ่หลิงผงกศีรษะรับ ที่แท้ก็คือน้าสาว

หลังกินอาหารเสร็จ เฉี่ยวกั่วก็ยกถาดอาหารออกไป เหลียนฝางรีบหยิบกระบอกไม้เคลือบเงาสูงราวครึ่งฉื่อ*ซึ่งอุ่นอยู่ในถุงนวมออกมาผสมน้ำร้อนให้อวี๋ไฉ่หลิงล้างมือบ้วนปากในอ่างสำริด อันที่จริงอวี๋ไฉ่หลิงยังกินไม่อิ่มเลย ทว่าอาจู้กลับให้กินอิ่มเพียงเจ็ดส่วน โดยชี้แจงเพียงว่า “ประเดี๋ยวยังต้องดื่มยาอีกนะเจ้าคะ”

รอจนล้างมือบ้วนปากเสร็จแล้ว อวี๋ไฉ่หลิงซึ่งเดิมอยากอู้กลับเข้าผ้าห่มไปนอนต่อก็ถูกอาจู้ดึงตัวออกมาเสียอย่างนั้น แล้วพาเดินวนอยู่ในห้องเล็กๆ นี้ “ข้างนอกหนาว คุณหนูยังร่างกายอ่อนแอ เดินยืดเส้นสายในห้องจะดีกว่า”

ในใจอวี๋ไฉ่หลิงไม่ยินยอม ทว่าข้อเท็จจริงคือ ‘อดีตจอมยุทธ์หญิงอวี๋’ ผู้สามารถฉีกขายามเต้นรำและผ่าก้อนอิฐยามต่อยตีนั้น บัดนี้เพียงเดินสองรอบกลับหอบแฮกเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เดินตระเวนในหมู่บ้านได้แล้วชัดๆ ปรากฏว่าต้องกลับสู่ช่วงก่อนปลดแอกในชั่วคืนเดียว ต้องเริ่มกินยาพักฟื้นใหม่ตั้งแต่ต้น อวี๋ไฉ่หลิงมีไฟโทสะลุกท่วมท้อง ได้แต่เดินไปพักไป พักไปด่าไป สาปแช่งให้หญิงแซ่เก่อทั้งนายบ่าวออกไปข้างนอกแล้วสะดุดหกล้ม เลี้ยวโค้งแล้วเอวเคล็ด ขากลับเจอนักต้มตุ๋นหลอกจนเสียทั้งเงินทั้งความรู้สึกจึงจะดี!

ยามที่เด็กสาวเดินหอบอยู่ในห้องจนถึงรอบที่แปด เฉี่ยวกั่วหน้ากลมก็ยกยาต้มที่ร้อนฉุยเดินเข้ามา ทันทีที่ม่านขนสัตว์บุนวมหนาถูกเลิกขึ้น สิ่งที่โชยมาปะทะใบหน้าก็คือกลิ่นอันเผ็ดร้อนขมเฝื่อน

อาจู้ประคองอวี๋ไฉ่หลิงไปนั่งบนเตียง แล้วยื่นชามยาตามมาติดๆ อวี๋ไฉ่หลิงเพิ่งจิบไปคำเดียวเท่านั้น ก็รู้สึกได้แต่รสขมจนชาจากปลายลิ้นขึ้นไปถึงหน้าผาก ซ้ำในรสขมยังซ่อนเปรี้ยว ในรสเปรี้ยวยังอมเผ็ด ในรสเผ็ดยังปนกลิ่นคาวเข้าไปอีก รสชาติอันยอดเยี่ยมหลากชนิดนี้ถาโถมโจมตีจนเด็กสาวน้ำตาเล็ดทันใด

อาจู้เห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปลอบ “นี่เป็นยาที่หมอหลวงจากในวังจัดให้ จริงอยู่ว่าขมไปสักหน่อย ทว่าเห็นผลชะงัดยิ่ง เมื่อวานคุณหนูกินยานี้ลงไปเทียบเดียว ไข้ก็ลดทันทีเลยนะเจ้าคะ”

พูดน้ำท่วมทุ่ง หากมิใช่อยากหายดีโดยไว ภูตผีล่ะสิจึงจะกินของขึ้นรานี่ อวี๋ไฉ่หลิงประท้วงอยู่ในใจพลางยื่นหน้าไปใกล้ขอบชามอีกหนทั้งน้ำตา ตอนนี้เองเสียงรายงานของเหลียนฝางที่อยู่นอกประตูก็ดังมาให้ได้ยิน “ใต้เท้ากับนายหญิงมาถึงแล้ว”

 

* อี๋ถัง คือน้ำตาลที่เคี่ยวได้จากธัญพืชซึ่งมีองค์ประกอบของแป้ง เช่น ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถูกใช้เป็นยามาแต่โบราณ อี๋ถังแบบนิ่มมีลักษณะเป็นของเหลวหนืดเหนียวสีเหลืองน้ำตาล อี๋ถังแบบแข็งมีลักษณะเป็นก้อนน้ำตาลสีขาวเหลือง

* ฉื่อ (เชียะ) เป็นหน่วยวัดความยาวของจีน สมัยโบราณเทียบระยะประมาณ 10 นิ้ว หรือหนึ่งส่วนสามเมตร ปัจจุบันยังใช้คำนี้ในความหมายว่า ‘ฟุต’

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com