บทที่ 8
เซียวฮูหยินเบิกบานใจได้ไม่นานนัก รอจนเฉิงสื่อกลับถึงห้อง นางก็เห็นลูกซาลาเปาบนมุมหน้าผากของสามี ครั้นไถ่ถามสาเหตุจนชัดแจ้งแล้ว โทสะก็ประดังมาทันใด จึงฉวยโถสุราที่ทำจากไม้เคลือบเงาใบหนึ่งทุบใส่มุมหน้าผากอีกด้านของเขาจนปูดเป็นซาลาเปาอีกลูก มอบให้แม่ทัพเฉิงผู้ยิ่งใหญ่ครบคู่พอดี
ค่ำนั้นเฉิงสื่อรอจนมารดาคลายโทสะแล้ว ค่อยแบกลูกซาลาเปาที่มีสัดส่วนสมดุลกันหนึ่งคู่บนหน้าผากเข้าไปในห้องของมารดาอีกครั้ง ในที่สุดความรู้สึกอันจริงแท้ผสมทักษะการแสดงซึ่งยามกลางวันไม่ได้งัดมาใช้ก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างดี แม่ลูกจึงคืนดีกันจนได้
ขั้นถัดมาก็คือรักษา ‘ผลการรบ’ ไว้ให้มั่นคง
ก่อนอื่นเฉิงสื่อพาสตรีสูงวัยผมขาวดอกเลาหน้าตาตรากตรำผู้หนึ่งออกมา พอเห็นอีกฝ่าย ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็พลันหลั่งน้ำตาดุจสายฝน เมื่อครั้งที่สกุลต่งยังมีฐานะดี นายท่านผู้เฒ่าต่งเคยจ้างคนงานจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นชาวนาที่มาเช่าที่นาทำกิน สตรีสูงวัยผู้นี้ก็คือบุตรสาวของลูกจ้างที่ตอนนั้นทำนาให้สกุลต่ง วิ่งเล่นเติบใหญ่ในชนบทมาด้วยกันกับฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ผูกพันกันลึกล้ำดุจพี่น้อง ต่อมาฐานะทางบ้านขัดสนขึ้นทุกวัน นายท่านผู้เฒ่าต่งจึงจำต้องให้ลูกจ้างทำนาเหล่านี้แยกย้ายกันไป
ในใจเซียวฮูหยินมีแผนการอันแยบคาย ตลอดมาระหว่างที่ติดตามสามีออกรบไปทั่วทิศ นางใส่ใจเสาะหาเครือญาติคนบ้านเดียวกันที่เมื่อแรกลี้ภัยจนกระจัดพลัดพรายไป เดิมทีหมายจะค้นหาญาติห่างๆ ของสกุลต่งมาเป็นผู้ช่วยสักหลายๆ คน ปรากฏว่าหามาหาไปล้วนไม่มีข่าวคราวใดเลย เห็นชัดว่าคนสกุลต่งล้มหายตายจากเป็นส่วนใหญ่แล้ว
สุดท้ายเป็นเพราะเฉิงสื่อทำศึกจนชื่อเสียงขจรขจายไปไกลขึ้นทุกวัน สตรีสูงวัยแซ่หูผู้นี้จึงเป็นฝ่ายเสาะหามาถึงที่เอง จะว่าไปก็บังเอิญแท้ เมื่อแรกตอนที่หูเอ่า* ผู้นี้ติดตามสามีใหม่ไปจากภูมิลำเนา ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเพิ่งจะให้กำเนิดและตั้งชื่อจริงแก่เฉิงสื่อได้ไม่นาน หากเปลี่ยนเป็นบุตรชายสกุลเฉิงคนอื่นก็ไม่แน่ว่าหูเอ่าจะกล้ามาแสดงตัวว่าเป็นคนรู้จัก
เซียวฮูหยินพลันรู้สึกว่าได้พบสินค้าหายากน่าเก็งกำไร จึงรีบให้การดูแลบุตรชายที่เจ็บหนักกับหลานชายที่ป่วยหนักของหูเอ่า ก่อนพากลับเมืองหลวงมาด้วยกัน เดิมทีเฉิงสื่อจะพาหูเอ่าออกมาทันทีที่ถึงเมืองหลวง แต่ถูกเซียวฮูหยินปรามไว้ แล้วกำหนดแผนการเป็นขั้นตอนหนึ่งสองสามสี่
‘ท่านแม่เป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ไม่ใช่ข้าศึกที่ใต้เท้าจะไปปราบ จึงจะทุบหนึ่งค้อนลงไปโดยไม่สนว่าเจ็บหรือตาย แค่ชนะศึกได้เป็นพอ’ เซียวฮูหยินเอ่ยปนยิ้มน้อยๆ ‘ต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้ท่านแม่ระบายไฟโทสะสิบปีนี้ออกมา สองคนแม่ลูกสลายความหมางใจระหว่างกันเสียก่อน ค่อยให้พี่สาวน้องสาวในอดีตได้พบหน้ากัน เช่นนี้น้ำหลากมาจึงจะเกิดคูคลอง** ลงแรงน้อยทว่าได้ผลมาก’
จริงดังที่คิดไว้ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงยินดีเป็นล้นพ้น กอดหูเอ่าแล้วหัวเราะปนร้องไห้ ทั้งตีเฉิงสื่อทั้งด่าทออย่างยิ้มแย้มว่าเหตุใดไม่เชิญหูเอ่าออกมาแต่แรก เฉิงสื่อรีบเอ่ยคำตอบซึ่งเรียบเรียงไว้ดิบดีแล้วออกมา “ตอนนั้นท่านแม่กำลังโกรธ หากลูกพาคนออกมา ย่อมดูคล้ายลูกทำดีหวังผล บัดนี้ท่านแม่ไม่ขุ่นเคืองลูกแล้ว ค่อยพามาให้ท่านได้รับรู้ว่าลูกเพียงต้องการจะทำให้ท่านดีใจเท่านั้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงฟังจบก็ยิ่งตื้นตันจริงเสียด้วย ครั้นรู้ว่าเฉิงสื่อไม่เพียงรับบุตรชายกับหลานชายสกุลหูเข้าสังกัดแล้ว ยังรั้งหูเอ่าอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเคียงกายนางด้วย นางก็พลันรู้สึกว่าบุตรชายคนโตใส่ใจนางอย่างแท้จริง
หูเอ่าได้รับความทุกข์ยากอยู่ข้างนอกมาหลายสิบปีจนเจนโลก ทั้งรู้จักกล่อมคนเตือนใจคน มีฝีมือในการจับทางความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเหนือกว่าพวกน้าสะใภ้ต่ง ด้วยเป็นความสามารถที่ฝึกฝนมาแต่ยังเยาว์ ประกอบกับนางเคยประจักษ์ในความร้ายกาจของเซียวฮูหยินมาแล้ว ย่อมจะรู้ว่าตนเองควรทำควรพูดอย่างไร
* เอ่า คือคำที่ใช้เรียกหญิงสูงวัยโดยทั่วไป
** น้ำหลากเกิดคูคลอง ใช้เปรียบเปรยว่าเมื่อเงื่อนไขถึงพร้อม เรื่องราวย่อมประสบผลสำเร็จ