เฉิงเฉิงพลันเอ่ย “ปู้เหวินกงเดิมก็เป็นสิงห์ร้ายที่เป็นใหญ่ในใต้หล้า ต่อมาพ่ายในกำมือของฝ่าบาท อับจนหนทางจึงได้สวามิภักดิ์ ย่อมจะไม่ยอมถอดใจ”
เห็นน้องรองยอมเปิดปากจนได้ เฉิงสื่อก็เอ่ยอย่างเบิกบาน “สวามิภักดิ์ฝ่าบาทด้วยการถวายศีรษะของสหายร่วมรบ นับเป็นผู้กล้าอันใดกัน น้องรองเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง ยังได้ยินเรื่องใดอีกบ้าง”
เฉิงเฉิงตอบ “ไม่เพียงแต่ปู้เหวินกง ยังมีอีกหลายสกุลที่ในใจมีความไม่ยินยอม บางรายเตรียมการจะเคลื่อนไหว บางรายก็ลอบสมคบกับข้าศึกภายนอก พักก่อนจึงมีพระราชโองการคุมขังขุนนางบรรดาศักดิ์โหวไปหลายคน เป็นฝ่าบาททรงไม่ง่ายเลย”
นี่เป็นบทงิ้วที่คุ้นเคยกันดีฉากหนึ่ง…แผ่นดินโกลาหลหนัก เหล่าผู้กล้าพากันลุกฮือ วันนี้ผู้หนึ่งตั้งตนเป็นอ๋อง วันพรุ่งอีกผู้หนึ่งถูกยกขึ้นเป็นฮ่องเต้ ไม่ต่างจากการต่อสู้ช่วงชิงของพญากู่* แม้แสนจะโหดร้ายแต่ก็สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง กู่ที่ห้ำหั่นจนเหลือตัวสุดท้ายนั้น หากมิใช่แข็งแกร่งที่สุด ก็คือโชคดีที่สุด หรือไม่ก็ทั้งแข็งแกร่งทั้งโชคดี
เมื่อแรกฮ่องเต้ที่ท่านพ่อเฉิงมาเข้าร่วมด้วยนี้เป็นเพียงหนึ่งในผู้นำขุมกำลังเล็กๆ ที่มีอยู่มากมายทั่วหล้า ช่วงต้นของการสถาปนาแคว้นมีศัตรูรายล้อมรอบทิศ ทว่าเซียวฮูหยินมีสายตาเป็นเลิศ คัดเลือกสามีกับเจ้านายได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ภายหลังสู้ฟันฝ่ามาหลายปีก็ปรากฏแนวโน้มที่แผ่นดินจะผนวกเป็นหนึ่งได้ตามลำดับ ทว่าไม่แคล้วมีพวกที่ยังหวังใจว่าโชคจะเข้าข้าง หมายจะลองสู้ดูอีกสักครา
“แต่ว่า…นี่มันเกี่ยวอันใดกับเรื่องคฤหาสน์เล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงมีแต่ความงุนงงเกลื่อนใบหน้า เฉิงเซ่าซางเห็นด้วยอยู่ในใจ…ท่านย่าดึงกลับเข้าเรื่องได้ดี
เฉิงสื่อยิ้มตอบ “หนนี้แม่ทัพวั่นสร้างผลงานจนได้รับบาดเจ็บ ฝ่าบาทตั้งพระทัยจะปลอบขวัญ จึงพระราชทานจวนหลังใหญ่ของสกุลปู้แก่แม่ทัพวั่น ประจวบกับแม่ทัพวั่นรู้ว่าลูกกำลังตระเวนหาซื้อคฤหาสน์ จึงยกจวนสกุลวั่นที่อยู่ข้างๆ กันนี้ให้กับลูก”
“ยกให้?” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเสียงสั่น “ความหมายของลูกแม่คือ…เขากำนัลจวนที่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ให้พวกเราแล้ว?” เงินทองก็ไม่ต้องจ่าย?!”
น้าต่งตกใจมากเช่นกัน จวนสกุลวั่นรวมกับสกุลเฉิงหากมองจากมุมสูงจะดูคล้ายน้ำเต้าที่หัวเล็กตัวใหญ่ใบหนึ่ง สองจวนคั่นกลางด้วยกำแพงแค่ชั้นเดียว ทว่าพื้นที่ของสกุลวั่นใหญ่โตกว่าของสกุลเฉิงถึงสี่ห้าเท่า เมื่อแรกฮ่องเต้เป็นเพียงหนึ่งในเหล่าผู้กล้าที่ตั้งตนเป็นใหญ่ ขุมกำลังยังอ่อนด้อยนัก แม้จะตั้งที่นี่เป็นเมืองหลวง ทว่าคหบดีใหญ่กับตระกูลที่มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยกลับไม่เห็นดีด้วย ต่างวิตกว่าที่นี่จะเกิดศึกสงคราม จึงพากันขายบ้านกลับไปลี้ภัยที่ภูมิลำเนา
สกุลวั่นก็เป็นคหบดีใหญ่ แรกมาเมืองหลวงจึงซื้อบ้านที่ติดกันสองหลังนี้ไว้ในคราวเดียว ทั้งกึ่งขายกึ่งกำนัลบ้านหลังเล็กที่อยู่ข้างเคียงแก่สกุลเฉิง เพื่อที่สองสกุลจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน น้าต่งเองก็เคยประจบแม่ทัพวั่น ผลปรากฏว่าผู้อื่นไม่แม้แต่จะยกหนังตาแลเขาสักแวบ
“ใช่ขอรับ” เฉิงสื่อตอบมารดาปนยิ้ม “กลับมาวันแรก ตอนที่ลูกไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าวั่น นางบอกว่าจะย้ายออกไปก่อนปีใหม่ จะได้ไปเซ่นไหว้ฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับบรรพชนที่จวนใหม่เลย ทั้งเรียกให้ลูกรีบย้ายไปด้วย เช่นนี้เริ่มต้นปีใหม่จึงจะเจริญเฟื่องฟู!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงผงกศีรษะระรัว ปิติจนไม่รู้จะพูดอันใดดี
* กู่ คือสุดยอดสัตว์พิษที่เกิดจากการนำสัตว์พิษหลากชนิดใส่รวมกันในภาชนะแล้วปล่อยให้พวกมันต่อสู้กัดกินกันเองจนเหลือตัวสุดท้ายที่รอดชีวิต