ตัวอย่างนี้น่าเชื่อถือยิ่ง วั่นฮูหยินกล่าวสนับสนุน “นั่นสิเจ้าคะ! เอ่ยถึงแม่ทัพเฉิง เขาปฏิบัติกับซงไป่ดุจพี่น้องร่วมอุทรจริงๆ ไม่สิ ต่อให้เป็นพี่น้องร่วมอุทรก็ไม่แน่ว่าจะทำได้เช่นนี้ ซงไป่มุทะลุ ออกศึกเผชิญเหตุน่าหวาดหวั่นหลายหน ล้วนเป็นแม่ทัพเฉิงเอาชีวิตเข้าช่วย โดยเฉพาะหนนั้น อืม ตอนที่ชีชีแปดขวบได้กระมัง แม่ทัพเฉิงทั่วร่างอาบเลือดก็ยังแบกซงไป่กลับมา ข้าตกใจแทบตายเลยเจ้าค่ะ!”
นึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น นางก็ยังคงพรั่นพรึง “ที่ยิ่งหาได้ยากคือแม่ทัพเฉิงทำเพื่อซงไป่จนเจ็บหนักเยี่ยงนั้น แม้แต่หยวนอีที่เป็นคนเข้มแข็งก็ยังโผไปหาร่างแม่ทัพเฉิง กระทั่งน้ำตาไหลพรากออกมาแล้ว กลับไม่มีคำต่อว่าพวกเราแม้ครึ่งประโยค”
ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นค่อยๆ ปิดดวงตาซ้ายลง “การเลือกสหาย มิใช่เจ้าควักหัวใจทั้งดวงออกมาก็ใช้ได้ ต้องดูคนให้เป็นด้วย เฮ้อ ข้าแก่แล้ว วาจานี้เดิมควรพูดกับหลานชาย สอนเขาว่าจะมองคนรู้จักคนอย่างไร ยามนี้กลับพูดพร่ำกับเจ้าอยู่ที่นี่”
วั่นฮูหยินก้มหน้างุด “ล้วนเป็นลูกสะใภ้คนนี้ที่ไร้สามารถ ไม่อาจให้กำเนิดทายาทสืบสกุล”
“เกี่ยวอันใดกับเจ้าเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นแค่นหัวเราะ “หนึ่งรุ่นเป็นเช่นนี้ ทุกรุ่นก็เป็นเช่นนี้ ในเมื่อเหล่าบรรพชนล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ถึงคราวให้พวกเราตกประหม่าอันใด” เอ่ยมาถึงตรงนี้น้ำเสียงของนางก็เปลี่ยนทันใด “ดังนั้น…เจ้าจึงหมายตาสกุลอิ่นที่มากลูกมากหลาน? คิดจะรับเขยแต่งเข้าสักคนให้ชีชี?”
วั่นฮูหยินตระหนกจนหน้าถอดสี แสนจะประหวั่นลนลาน รีบหมอบร่างโขกศีรษะ “ลูกสะใภ้มิกล้าเจ้าค่ะ!”
“กล้าไม่กล้าอันใดเล่า เจ้ากับอาหยวนสนิทกันดั่งพี่น้อง หากบังเกิดความคิดเช่นนี้ก็ไม่แปลก”
ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นเอ่ยผ่านๆ ก่อนโบกมือเรียกให้ลูกสะใภ้ลุกขึ้น “เพียงแต่…เจ้ายินยอม แล้วชีชียินยอมหรือ ซงไป่ยินยอมหรือ พวกเขาสกุลอิ่นมีคนหนุ่มไม่น้อยอยากเข้ากองทัพสร้างความชอบทางทหาร พวกเรากับสกุลเฉิงช่วยได้ก็ช่วย ทว่าสกุลอิ่นบุตรหลานล้นหลาม จริงอยู่ชีชีไม่โง่เขลา แต่ถึงอย่างไรก็ตัวคนเดียวด้อยกำลัง รอจนพวกเราตายจากไปแล้ว ทรัพย์สินที่พ่อสามีเจ้าสะสมไว้ เกรงว่าจะตกเป็นของสกุลอิ่นจนสิ้น”
วั่นฮูหยินผวาหนัก โขกศีรษะติดๆ กันพลางเอ่ยปนเสียงสะอื้น “ข้าไม่มีความคิดจะกินในโกยนอกเยี่ยงนี้แน่! ข้าเพียงแต่คิดว่าการรับเขยแต่งเข้า ฝ่ายชายที่มีฐานะทัดเทียมกับสกุลวั่นเรามีหรือจะยินยอม หากเป็นคนครอบครัวเล็กชาติตระกูลต่ำก็เกรงว่าจะไม่ยุติธรรมต่อชีชี เดิมทีสกุลเฉิงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทว่าบ้านนั้นเดิมก็มีสมาชิกน้อย ข้าไหนเลยจะกล้าเอ่ยปากเรื่องนี้ เหลือก็แต่อาหยวน สกุลอิ่นมีบุตรหลานสายรองมากเพียงนั้น ไม่แน่อาจมีคนพยักหน้าก็เป็นได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นผงกศีรษะ “ใครว่าไม่ใช่เล่า รับเขยแต่งเข้าก็ยุ่งยากเช่นนี้เอง เพียงแต่ข้าขอเตือนเจ้า ยังคงพักความคิดนี้ไว้ก่อนจะดีกว่า ข้าเห็นซงไป่รักถนอมบุตรสาวยิ่งนัก สิบสองคนแรกล้วนตบแต่งให้เป็นอย่างดี นับประสาอะไรกับชีชีที่เป็นแก้วตาดวงใจของเขา จะต้องให้ออกเรือนไปอย่างมีหน้ามีตาแน่นอน”
วั่นฮูหยินเอียงหน้าร่ำไห้กล่าว “ซงไป่อายุไม่น้อยแล้ว บัดนี้ยังคงไร้ผู้สืบทอด หากไม่รับเขยแต่งเข้า จะรับเครือญาติเป็นบุตรบุญธรรมหรือเจ้าคะ เครือญาติเหล่านั้น…ซงไป่ล้วนล่วงเกินจนทั่วแล้ว” นางไม่ค่อยกล้ามองหน้าแม่สามี เพราะชนวนเหตุอยู่ที่ตัวแม่สามีผู้นี้เอง
ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นเอ่ย “เจ้าห่วงมากเยี่ยงนี้ไปไย ไม่แน่เจ้าอาจตายก่อนข้ากับซงไป่ด้วยซ้ำ กระทั่งหลับตาก็ยังอุตส่าห์ห่วงเรื่องนี้ ถึงเวลาโลงไม้หนานมู่ลายทอง* ของข้าใบนั้นให้เจ้าใช้ก่อนเลยก็ได้”
หยาดน้ำตาบนใบหน้าของวั่นฮูหยินยังคงไม่แห้ง นางตะลึงงันไม่รู้จะต่อบทสนทนาเช่นไรดี แนวทางการพูดจาของแม่สามี กระทั่งหลายสิบปีแล้วตนก็ยังไม่เคยชิน บางทีคงมีแต่นายท่านผู้เฒ่าวั่นที่ล่วงลับไปแล้วจึงจะชื่นชอบเหลือเกินกระมัง
* ไท่จี๋ คือสภาวะดั้งเดิมในขณะที่ฟ้าดินยังรวมกลุ่มกันไม่แบ่งแยกออกเป็นสองขั้วอินหยาง (หยินหยาง) รูปสัญลักษณ์จะเป็นวงกลมที่แบ่งครึ่งด้วยเส้นโค้ง ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว เรียกว่า ‘ไท่หยาง’ (หยางมาก) อีกครึ่งเป็นสีดำ เรียกว่า ‘ไท่อิน’ (อินมาก) ในครึ่งสีขาวจะมีจุดดำปนอยู่หนึ่งจุด เรียกว่า ‘เซ่าอิน’ (อินน้อย) และในครึ่งสีดำก็จะมีจุดขาวปนอยู่หนึ่งจุดเช่นกัน เรียกว่า ‘เซ่าหยาง’ (หยางน้อย) ทั้งสี่นี้ก็คือสภาวะทั้งสี่อันเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง
** พระสนมตำหนักตะวันออกปิ้งแผ่นแป้ง ใช้กล่าวอย่างขบขันถึงผู้ที่รู้น้อยโลกแคบ หลงนึกว่าแผ่นแป้งปิ้งเป็นอาหารชั้นเลิศที่ฟุ้งเฟ้อที่สุดแล้ว ซ้ำพระสนมในวังยังเป็นผู้ปิ้งให้ฮ่องเต้ได้เสวยทุกวันด้วย
* หู เป็นภาชนะโบราณที่มีปากแคบ ก้นกว้าง เดิมมีปริมาตร 10 โต่ว (100 ลิตร) จึงใช้เป็นมาตราตวง แต่ต่อมาลดปริมาตรเหลือ 5 โต่ว (50 ลิตร)
** ชิ่ง คือเครื่องดนตรีจีนโบราณประเภทเครื่องตี รูปทรงคล้ายไม้บรรทัดงอ ทำจากหินหรือหยก เจาะรูแขวนได้ อาจมีชิ้นเดียวหรือมีหลายชิ้นแขวนห้อยเรียงกัน แล้วใช้ไม้เคาะตีให้เกิดเสียง
* หนานมู่ เป็นไม้ยืนต้นที่สูงได้ถึง 30 เมตร เนื้อไม้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แข็งแรงทนทาน เหมาะในการทำเครื่องเรือน ไม้หนานมู่ลายทองเป็นไม้หนานมู่ประเภทหนึ่ง เนื้อไม้มีลวดลายเป็นประกายสีทองคล้ายผ้าแพรไหม มีมูลค่าสูงมาก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 22 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.