บทที่ 107
เฉิงเซ่าซางพกพาความเจ็บปวดที่เห็นชีวิตคนถูกปลิดดุจต้นหญ้ากลับมาจนถึงตำหนักฉางชิว ไม่ผิดจากที่คิดไว้ รัชทายาทรอคอยอยู่ข้างกายฮองเฮาโดยตลอด ครั้นเห็นสองแม่ลูกใช้สายตาคาดหวังมองมาพร้อมกัน เฉิงเซ่าซางก็ต้านทานไม่ไหวอยู่บ้าง ยังคงเป็นหลิงปู้อี๋ที่เยือกเย็น บอกเล่าคดีฆ่าคนตายในจวนสกุลเหลียงรอบหนึ่งอย่างเรียบเฉย ความเรียบเฉยในน้ำเสียงนั้นราวกับว่าเรื่องที่เล่าคือแมวหลีฮวาข้างบ้านคลอดลูกน้อยออกมาอีกสองตัวแล้ว
ฮองเฮาฟังจบก็รู้สึกเคลือบแคลงไม่น้อย “…นอกจากหลิงจวินก็ไม่มีผู้อื่นเข้าออกเรือนตำรา แต่หลิงจวินยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้สังหารสามี เช่นนั้นเป็นผู้ใดฆ่าเหลียงซั่งกันแน่”
รัชทายาททั้งตกตะลึงทั้งทำตัวไม่ถูก สีหน้าพลิกเปลี่ยนหลายตลบกว่าจะเอ่ยปากได้ “จื่อเซิ่ง นี่ก็หมายความว่า…เหลียงซั่งน่าจะถูกปองร้ายก่อนยามเซิน?”
หลิงปู้อี๋มองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง ทว่าไม่ตอบคำ
รัชทายาทจึงหันไปถามอีกหน “เซ่าซาง เจ้าว่ามา”
เฉิงเซ่าซางมองคู่หมั้นด้วยความประหลาดใจยิ่ง ก่อนจะรีบเอ่ยตอบ “ทูลรัชทายาท หม่อมฉันสอบถามคนอื่นๆ แล้ว เตาอุ่นในเรือนตำราจุดไฟไม่แรงแต่อย่างใด ไม่ว่าผู้ที่ส่งอาหารช่วงใกล้เที่ยงจะสังหารเหลียงซั่งหรือไม่ ในเมื่อศพเย็นเฉียบถึงเพียงนั้น เหลียงซั่งย่อมไม่มีทางจะถูกทำร้ายตอนยามเซินไปได้…อืม ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ เหลียงซั่งตายไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยามกว่าแล้วเพคะ”
รัชทายาทหลับตาชั่วครู่ คล้ายตกลงใจครั้งใหญ่ เขาประสานมือกล่าวกับฮองเฮาอย่างจริงจัง “เสด็จแม่ ในใจลูกมีอยู่ความคิดหนึ่ง อยากทูลให้เสด็จพ่อทรงตัดสิน”
“รัชทายาท ข้าไม่เห็นพ้อง” หลิงปู้อี๋พลันกล่าว
เฉิงเซ่าซางมองเขาอย่างตกใจ…รัชทายาทยังไม่ทันพูดอันใดเลยนะ
ฮองเฮามองหลิงปู้อี๋ แล้วหันไปมองรัชทายาท “เจ้าว่ามาก่อน”
รัชทายาทกล่าว “ลูกอยากร้องขอความเป็นธรรมแทนหลิงจวิน…”
เฉิงเซ่าซางตระหนกวูบ หลิงปู้อี๋ส่งเสียงมาเรียบๆ “ข้ายังคงไม่เห็นพ้อง”
รัชทายาทกล่าวต่อโดยไม่สนใจคนทั้งสอง “เสด็จแม่ เหลียงซั่งไม่มีทางจะถูกหลิงจวินสังหารเป็นอันขาด เพราะว่า…เพราะว่า…” เขามีสีหน้าละอายใจ “เพราะว่าเมื่อวานลูกกับหลิงจวินพบกันในคฤหาสน์ดอกกุ้ยม่วงที่นอกตัวเมืองพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮองเฮาตื่นตระหนกจนเสียงหาย เฉิงเซ่าซางหันขวับไปมองหลิงปู้อี๋แล้วเอ่ยด้วยความตกใจ “ท่านรู้เรื่องนี้แต่แรกแล้วหรือ!”
“นับแต่ชวีฮูหยินมาเมืองหลวง ข้าก็ป้องกันทั้งวันทั้งคืน วิตกว่ารัชทายาทจะไปพบชวีฮูหยิน” หลิงปู้อี๋น้ำเสียงราบเรียบ “วานซืนเช้าตรู่ ข้าได้ยินว่ารัชทายาทสั่งให้คนเตรียมรถม้าที่วิ่งเส้นทางบนเขาได้ ก็รู้แล้วว่ารัชทายาทหมายจะทำอันใด ดังนั้นข้าจึงเล่นตุกติกบางอย่างกับรถม้า หวังว่าเพลาล้อจะหักกลางทาง ทำให้รัชทายาทตกลงมา…”
เฉิงเซ่าซางหน้าดำทะมึน “ความคิดพิกลเยี่ยงนี้ ท่านยังอุตส่าห์คิดออกมาได้”
“น่าเสียดายรัชทายาทร้อนใจดั่งถูกไฟแผดเผา ก่อนออกไปพลันเปลี่ยนใจขี่ม้าเร่งเดินทางแทน ข้าจึงต้องจัดกำลังคนไปกลุ่มหนึ่ง คิดว่าระหว่างทางปลอมตัวเป็นโจรทำให้รัชทายาทตระหนกจนกลับเข้าเมืองมาก็ยังดี…”
“ที่แท้คนเหล่านั้นเป็นจื่อเซิ่งจัดส่งมา!” รัชทายาทรู้สึกเหลือเชื่อยิ่ง
“ไม่คาดว่าโชคจะไม่ดี เจอเข้ากับทหารหน่วยต่างๆ ของแม่ทัพใหญ่หานที่ลาดตระเวนเสร็จกำลังกลับเข้าเมือง หากมิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มนั้นของข้าหนีได้เร็ว น่ากลัวว่าคงถูกแม่ทัพใหญ่หานจับเป็นเสียแล้ว ถึงตอนนั้นข้ายังต้องคิดหาข้ออ้างไปประกันตัวพวกเขาออกมาอีก”
รัชทายาททั้งฉุนทั้งขัน “จื่อเซิ่ง เจ้า…เจ้าไฉนจึง…เฮ้อ นี่เรียกว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต”
สุดท้ายหลิงปู้อี๋เอ่ยสรุปแกมตลกร้าย “รัชทายาทกล่าวได้ถูกต้องทีเดียว ข้ารับรู้ถึงประสงค์ของสวรรค์เบื้องบนแล้ว สรุปคือวันหน้าหากข้าคัดค้านสิ่งที่ท่านหมายจะกระทำ ข้าจะไม่มัวอ้อมค้อมอีกเด็ดขาด หากวานซืนข้าชวนท่านประลองยุทธ์ แล้วหาโอกาสทำให้ท่านล้มแขนหักไปสักข้าง อาจไม่เกิดเหตุต่อมาแล้วก็เป็นได้”
สำหรับความเห็นอันยอดเยี่ยมนี้ ฮองเฮาส่ายหน้าไม่หยุด เฉิงเซ่าซางเองก็จนถ้อยคำจะกล่าว
ส่วนรัชทายาทลูบแขนที่สมบูรณ์ดีของตน กระเถิบอย่างแนบเนียนเพื่อจะนั่งห่างจากหลิงปู้อี๋มากๆ หน่อย ค่อยหันไปกล่าวกับฮองเฮาต่อ “คฤหาสน์แห่งนั้นตั้งอยู่นอกเมือง ไม่ใกล้กับจวนสกุลเหลียงแต่อย่างใด ต่อให้ควบม้าเร็วเร่งลงแส้ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่า หลิงจวินออกจากจวนมาแต่เช้า พวกเราสองคนพบกันเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว ตอนแยกกันก็เป็นช่วงต้นยามอู่แล้ว เสด็จแม่ทรงตรองดู ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยามเซินหลิงจวินจึงจะกลับถึงจวนได้ แล้วนางจะฆ่าเหลียงซั่งได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ!” เขาทุ่มสุดตัว พูดจบทั้งหมดในรวดเดียว
ฮองเฮาใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้าอก หอบหายใจเบาๆ “เจ้า…เจ้า…ไม่ควรจะพบกับนางอีก ซ้ำยังไปพบกันเป็นการส่วนตัว! นี่เจ้าจะเล่นชู้กับภรรยาขุนนางหรือไร”
รัชทายาทโขกศีรษะเอ่ยทั้งน้ำตา “ขอเสด็จแม่ทรงวินิจฉัย ลูกมิกล้ากระทำเรื่องผิดศีลธรรมเยี่ยงนี้เป็นอันขาด นับแต่สิบปีก่อนแยกจากหลิงจวิน ลูกก็ปลงใจแน่วแน่แต่แรกว่าจะลืมเลือนเรื่องในวันวานให้สิ้น ตะ…แต่…แต่ลูกบังเอิญรู้มาว่า…ชีวิตของหลิงจวินขื่นขมมากจริงๆ! เหลียงซั่งผู้นั้นเทียบไม่ได้กระทั่งเดรัจฉาน ถึงกับตบตีนางมาหลายปีแล้ว…”
“นะ…นี่…นี่เป็นความจริงเพคะ!” เฉิงเซ่าซางรีบพูดจาแทนรัชทายาท “หม่อมฉันเห็นมากับตา แผลบนร่างชวีฮูหยินมีทั้งถูกหยิก ถูกตี ยังมีถูกแส้เฆี่ยนด้วย! ได้ยินว่าแผลจำนวนหนึ่งเกิดขึ้นนานหลายปีแล้วเพคะ!”
ฮองเฮาทรุดนั่งลงอย่างตกตะลึง บนใบหน้าค่อยๆ เผยความรู้สึกไม่อาจหักใจ