ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 131
เฉิงเซ่าซางยืนอยู่กับที่ ถามออกมาอย่างยากลำบาก “…ดังนั้น…คนรุ่นหลังจึงมีคำติฉินนินทาต่อเรื่องนี้กันไม่น้อย?”
องค์ชายห้าผงกศีรษะ “ท่านอาจารย์บอกว่าความเสื่อมถอยของราชวงศ์ก่อนเริ่มจากสมัยของหยวนฮ่องเต้นี่เอง หากเมื่อแรกเซวียนฮ่องเต้ตัดสินใจให้เด็ดขาด เปลี่ยนตัวรัชทายาทเสียก็ดี ยังมีอีกนะ ต่อมาหยวนฮ่องเต้ยังแต่งตั้งรัชทายาทที่ย่ำแย่กว่าตนเองเป็นร้อยเท่า ซึ่งก็คือเฉิงฮ่องเต้ เฉิงฮ่องเต้หมกมุ่นในสุรานารี พระญาติจึงเข้ากุมอำนาจ ราชสำนักปั่นป่วน อ้อ ลี่ตี้ที่ต่อมาชิงบัลลังก์ก็ได้เฉิงฮ่องเต้นี่ล่ะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมากับมือ…สารไม่รู้ที่มาที่ติดไปทั่วเมืองเขียนถึงเรื่องเล่านี้ บ่งชัดว่าพุ่งเป้าไปที่รัชทายาทพี่ชายข้า!”*
เฉิงเซ่าซางนิ่งงันไปพักใหญ่ เนิ่นนานไม่อาจเปล่งเสียง “วาจากล่าวเช่นนี้ไม่ได้กระมัง ผู้ใดบอกว่าเปลี่ยนตัวรัชทายาทแล้วราชวงศ์ก่อนก็จะไม่มีวันเสื่อมถอย” การเสื่อมถอยของราชวงศ์มีวัฏจักรของมันเอง จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเจตจำนงของผู้หนึ่งผู้ใดหรอก…ทว่าคำกล่าวนี้ผู้คนยุคโบราณจะยอมรับได้อย่างไรกัน!
“เช่นนั้นเรื่องเล่าที่สองล่ะเพคะ” นางซักถามต่อ “ก็เสนอแนะให้ฮ่องเต้ปลดรัชทายาทเช่นกันหรือ”
องค์ชายห้าแย้มยิ้ม “เรื่องนี้ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง รัชทายาทเว่ยคือว่าที่ผู้สืบราชบัลลังก์ของอู่ฮ่องเต้ เขาใจกว้างเที่ยงธรรม ครองใจราษฎรอย่างลึกซึ้ง เป็นเหตุให้เจียงชงขุนนางใจเหี้ยมที่อู่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญนึกกลัวอยู่ในใจ วิตกว่ารัชทายาทเว่ยขึ้นครองราชย์แล้วตนเองจะถูกลงโทษ จึงชิงลงมือก่อนเสียเลย โดยใส่ร้ายว่ารัชทายาทเว่ยคิดคด ต่อมารัชทายาทเว่ยถูกบีบคั้นจนต้องยกทัพ สุดท้ายพ่ายศึกจึงฆ่าตัวตาย ภายหลังอู่ฮ่องเต้สืบความจนกระจ่างว่ารัชทายาทเว่ยถูกปรักปรำ ด้วยอารมณ์เดือดดาลจึงสั่งประหารล้างโคตรหลายตระกูลที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นี้”
ตอนนี้เฉิงเซ่าซางเข้าใจความหมายของหลิงปู้อี๋เสียที คนเหล่านั้นต่างอ้างตนเป็นเช่นขุนนางภักดีผู้เตือนสติเซวียนฮ่องเต้ให้เปลี่ยนตัวรัชทายาท แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาใช่เจียงชงที่หมายกำจัดรัชทายาทด้วยเรื่องส่วนตนหรือไม่…นางคลี่ยิ้ม
ครั้นดึงสติคืนมา นางก็สอดสองมือเข้าในแขนเสื้อ ปั้นยิ้มน่ารักบอบบาง ท่าทางอ่อนแอราวไม่อาจต้านแรงลม “ไฉนวันนี้องค์ชายห้าทรงว่าง่ายจริงใจเพียงนี้เล่า ถามสิ่งใดล้วนตอบสิ่งนั้น หม่อมฉันให้ตกประหม่าอยู่บ้าง”
องค์ชายห้าไม่ถูกเปลือกนอกหลอกให้สับสน เอ่ยตรงไปตรงมาว่า “เพราะข้าเองก็หวังให้รัชทายาทพี่ชายใหญ่ของข้าแคล้วคลาดปลอดภัยน่ะสิ! เขาอารมณ์เย็นออกปานนั้น วันหน้าเขาสืบทอดบัลลังก์ วันเวลาของข้าจึงจะผ่านไปด้วยดี! ขืนเปลี่ยนเป็นพี่ชายรอง…” เขาเบะปาก แสดงสีหน้าประหนึ่งว่ารับเคราะห์
เฉิงเซ่าซางย่อเข่าคำนับเขาอย่างชวนเอ็นดูแล้วเอ่ยปนยิ้ม “เช่นนั้นก็ขอให้เป็นดังคำมงคลขององค์ชายห้าเพคะ”
หลิงปู้อี๋เคลื่อนไหวฉับไว เพียงวันรุ่งขึ้นท่านลุงฮ่องเต้ก็กลับจากภูเขาถูเกามาถึงเมืองหลวง ได้เห็นสารผ้าป่านเนื้อหยาบซึ่งไม่รู้ที่มานั้นวางอยู่บนโต๊ะทรงงานก็พลันกริ้วจัด ออกคำสั่งให้กรมอาญาสืบสาว ผู้เฒ่าจี้จุนขานรับหน้าขรึม ภายหลังอลหม่านไปหนึ่งยกก็จับตัวผู้ติดสารเหล่านี้ได้ดังคาด แต่ใครจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงกลุ่มบุรุษว่างงานในตลาด รับเงินทำงานให้ผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง พวกเขาเองกระทั่งตัวอักษรก็ยังอ่านไม่ออก ยิ่งไม่รู้สักนิดว่าบนสารเขียนอันใด
ฮ่องเต้มีหรือจะรามือง่ายดายเช่นนั้น ไม่เพียงบัญชาให้สืบลึกลงไปอีก ลากตัวผู้อยู่หลังม่านออกมาให้จงได้ ยังเสริมกำลังทหารจากคุกเป่ยจวินกับค่ายทหารรักษาประตูเมือง ส่งผลให้เมืองหลวงยังคงอลหม่านกันต่อไป
ดังคำกล่าวว่าขอเพียงเดินผ่านย่อมทิ้งร่องรอย ใต้หล้าไม่มีความลับใดปกปิดได้ตลอดกาล ภายหลังสืบค้นเมืองหลวงทุกซอกมุมจนกระทบกระเทือนกิจการเริงรมย์อย่างใหญ่หลวงแล้ว ในที่สุดก็สาวไปถึงตัวผู้ที่บงการให้กลุ่มบุรุษว่างงานนำสารเหล่านั้นไปติดจนได้
ปรากฏว่าจี้จุนยังไม่ทันจะได้พรูลมหายใจก็ต้องหนักใจขึ้นมาอีกครา ที่แท้คนผู้นั้นคือศิษย์ของหานชิงขุนนางสำคัญผู้ล่วงลับ เขายากจนไร้ที่พึ่งมาแต่เล็ก เป็นหานชิงให้การอุปการะอบรมสั่งสอนเขามา สุดท้ายหานชิงกลับฆ่าตัวตายด้วยเรื่องของรัชทายาท เขาจึงคับแค้นสุดจะสงบใจลงได้
ในเมื่อไม่อาจคิดแค้นฮ่องเต้ เขาก็ได้แต่สืบสาน ‘ปณิธานที่ยังไม่ลุล่วง’ ของอาจารย์ผู้มีพระคุณ ป่าวประกาศผลเลวร้ายของการเลือกว่าที่ประมุขแผ่นดินผิดพลาด หมายชี้ให้เห็นว่าอาจารย์ของเขาไร้ซึ่งความผิด หลังจากเขาถูกจับกุมเข้าคุกกรมอาญา หากมิใช่จี้จุนป้องกันล่วงหน้า เขาก็คงเอาศีรษะโขกผนังฆ่าตัวตายไปนานแล้ว
ครานี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังอึ้งงัน การตายของหานชิงพระองค์เสียใจภายหลังตั้งแต่แรก ไม่นึกว่าศิษย์อาจารย์ทั้งสองคนจะอารมณ์ดุเดือดถึงเพียงนี้ แค่ความเห็นไม่ลงรอยก็จะคิดสั้นให้ได้ หานชิงนอกจากเคยเป็นขุนนางสำคัญ ยังเป็นปราชญ์ซึ่งค้นคว้าตำราสำนักข่งจื่อที่จารึกด้วยอักษรโบราณ มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านานแล้ว ครั้นในราชสำนักมีคนได้ยินเรื่องนี้ จึงพากันมาขอความเมตตาแทนศิษย์ของหานชิงเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘โทษตามกฎหมายแม้ยากงดเว้น ทว่าก็มีสาเหตุที่น่าให้อภัย’
ท้ายที่สุดฮ่องเต้จึงลงบันไดนี้มา เข้าทำนองต้นหนักปลายแผ่ว เพียงลงโทษเนรเทศศิษย์ผู้นั้นระยะทางสั้นๆ เป็นอันปิดคดีอย่างรีบเร่ง
ฮองเฮาฟังผลจบ เนิ่นนานค่อยถอนใจกล่าว “ช่างเป็นเล่ห์กลที่ร้ายกาจนัก ตามตัวศิษย์ของใต้เท้าหานมาดำเนินแผนนี้ ฝ่าบาทก็ทรงไม่อาจสืบสาวเอาผิดสถานหนักแล้ว”
เฉิงเซ่าซางถามด้วยความฉงน “หรือว่าศิษย์ผู้นั้นถูกผู้อื่นบงการมา? แล้วเหตุใดจึงไม่สืบสาวต่อเพคะ”
ฮองเฮายิ้มขื่น “เรื่องเยี่ยงนี้จะสืบอย่างไรเล่า วันๆ ศิษย์ผู้นั้นใช้บทความคบหาสหายจำนวนมาก จะให้จับกุมทุกคนที่เอ่ยถึงรัชทายาทหรือเรื่องเล่านั้นกับเขา แล้วเค้นสอบทีละคนหรือไร”
เฉิงเซ่าซางเป็นใบ้ไปทันตา